รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 622 หลงเย้นเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด

บทที่ 622 หลงเย้นเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันที่ฉินหลั่งกำลังจะสอบถามที่มาที่ไปของอีกฝ่ายหนึ่ง หน้าประตูก็มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น มีผู้เฒ่าในชุดเสื้อจีนมือไขว้หลังเดินเข้ามา เมื่อเห็นฉินหลั่งแล้วนัยน์ตาลุกวาว ทักทายอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับ ท่านหมอเทพฉิน!”
ส้งฉางเว่ยและพวกซูเวยก็ตกตะลึงอีกครั้ง นี่มันเป็นธรรมเนียมอะไรกัน ซุนจี้เซิงผู้ทรงความเป็นรูปแบบของเทพเซียน ยังเรียกฉินหลั่งว่าหมอเทพเชียวหรือ?
ยังไม่ทันที่จะรอให้หายตกตะลึง หมอยาจีนที่โด่งดังเอ้อหยวนโส้วถูกผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังเดินเข้ามา เมื่อเห็นฉินหลั่งก็ยังแสดงอาการสะดุ้งขึ้นมา เดินเข้ามาทักทายโดยไม่สนใจใคร“สวัสดีครับ ท่านหมอเทพฉิน!”
“โอ๊ย มีท่านอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะมาทำอะไรที่นี่เล่า?! ถ้าเปรียบเทียบการฝึกผลิตปรุงยาของตัวเองแล้ว ก็ยังไม่คู่ควรที่จะช่วยถือรองเท้าให้ท่านเลย”
พวกซูเวยแทบจะล้มลง
“เออ”
ฉินหลั่งไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแล้วรู้จักเขาได้อย่างไร แต่ว่าก็ไม่ได้ไปตอบโต้อะไร ได้แต่ตบไหล่พวกเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ลิฟต์ เหลียนฝูเจิ่นตะโกนไปทางลิฟต์ “ค่อยๆเดินนะครับ ท่านอาจารย์ปู่!”
ท่าทางนอบน้อมอย่างยิ่ง
พวกส้งฉางเว่ยมองตาค้าง รีบตะโกนถามว่า “ท่านเหลียน ท่านเอ้อ คุณซุน เมื่อครู่พวกท่านรู้จักหรือครับ?”
“ท่านหมอเทพฉิน ชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์จีนไงครับ”
พวกเหลียนฝูเจิ่นทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“โอ้…”
พวกซูเวยถึงกับตกตะลึงตาค้างทันที
ฉินหลั่งถามด้วยเสียงราบเรียบว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านทำไมถึงเรียกผมว่าอาจารย์ปู่ล่ะครับ สวมรอยอ้างว่าเป็นศิษย์ลูกศิษย์หลานของผมไม่ได้เด็ดขาดนะครับ”
“ท่านอาจารย์ปู่ครับ ผู้น้อยเป็นลูกศิษย์ของคู่เค่อ ก็ต้องเรียกท่านว่าอาจารย์ปู่ อาจารย์ปู่ครับ ผู้น้อยได้มาพบท่านเป็นบุญวาสนาจากชาติปางก่อน โชคดีจริง…”
แววตาของเหลียนฝูเจิ่นแสดงความนับถือออกมา
“อ๋อ? เป็นเช่นนี้นี่เอง คู่เค่อก็เพียงแต่โขกหัวให้ผมไม่กี่ที ผมยังไม่ได้รับเขาเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการเลย ถ้าเจอเขาก็ช่วยบอกเขาว่าอย่าได้อ้างชื่อผมอีก ไม่เช่นนั้นเจอโทษหนักไม่ละเว้นแน่” ฉินหลั่งพูดด้วยท่าทางเรียบง่าย
เหลียนฝูเจิ่นรีบตอบรับทราบหลายคำ ส่วนส้งฉางเว่ยและซูเวยตกตะลึงตาค้าง ในใจก็ยิ่งสั่นไหว คู่เค่อเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่เหลืออยู่จำนวนน้อย ส้งฉางเว่ยเชิญคู่เค่อออกหน้ามาช่วยรักษาก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ส่วนซูเวยก็รู้จักคู่เค่อเป็นอย่างดีว่ามีตำแหน่งอยู่ในระดับไหนในวงการแพทย์ ต่อให้แค่ได้ถ่ายรูปกับคู่เค่อก็นับว่าเป็นเกียรติแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะมานับถือฉินหลั่งเป็นอาจารย์ ฉินหลั่งก็ยังไม่ยอมรับเป็นลูกศิษย์ โอ้พระเจ้า คนใหญ่โตระดับนี้ จะมีวิชาการแพทย์อะไรที่เหนือกว่าคนอื่นกันแน่?
ในขณะที่ส้งฉางเว่ยและซูเวยกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉินหลั่งก็กำลังเดินออกจากห้องโถงของโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน เขาเพิ่งมาถึงหน้าประตู ก็มีรถเก๋งปอร์เช่คันหนึ่งขับเข้ามาอย่างเร็ว เมื่อหน้าต่างรถเลื่อนลงก็เห็นใบหน้าสะสวยของหลงเย้นปรากฏขึ้น
หญิงสาวในชุดแนบเนื้อสีน้ำเงินที่ดูทะมัดทะแมง รวบผมยาวไว้ ผิวพรรณขาวใส ปากแดงฟันขาวแลดูสวยงามนัก
“ลูกพี่ ออกมาแล้วหรือคะ? ขึ้นรถหรือเปล่า?”
หลงเย้นโยนยันต์คุ้มภัยชิ้นหนึ่งให้ฉินหลั่ง “ ช่วยปัดเป่าความโชคร้ายออกไป”
ฉินหลั่งเข้าไปนั่งในที่สำหรับผู้โดยสารด้วยรอยยิ้ม “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมอยู่นี่?”
“ตั้งแต่ที่คุณเข้าไป ฉันก็วางลูกน้องไว้รอบสถานีตำรวจแล้ว”
“ความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของคุณ ฉันก็จับจ้องอยู่ ฉันยังไม่อยากเห็นคุณถูกยิงด้วยปืนมืด”
“ส้งฉางซิงพาคุณมาที่โรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน ฉันนึกถึงเรื่องที่ส้งหุ้ยเฉียวตกม้า คงเดาออกว่าต้องพาคุณมาช่วยรักษาคนที่โรงพยาบาล”
“ฉันก็เลยรีบตามมาดูเหตุการณ์”
“เพียงแต่ว่าคุณออกมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลย แล้วรักษาอาการของส้งหุ้ยเฉียวแล้วยังคะ?”
เธอพลางหมุนพวงมาลัย พลางพูดคุยกับฉินหลั่งไม่หยุด
“น่าจะเรียบร้อยแล้วสิ ไม่เช่นนั้นส้งฉางเว่ย ไม่ยอมปล่อยคุณออกมาแน่”
“ยังเลย!”
ฉินหลั่งนั่งพิงเบาะอย่างสบาย เพื่อให้ร่างกายและสมองตัวเองผ่อนคลาย
“ผมเห็นแก่หน้าส้งฉางซิงจึงคิดจะไปช่วยรักษาคน แต่ส้งฉางเว่ยไม่ยอมให้ผมลงมือ ยังไล่ตะเพิดผมออกไปนอกห้องอีก”
“เขาเชิญท่านเหลียน ท่านเอ้อและคุณซุน คิดว่าพวกเขาคงเพียงพอที่จะช่วยชีวิตส้งหุ้ยเฉียวได้”
ฉินหลั่งตอบด้วยความซื่อ “แต่ว่าเขาก็คืนอิสรภาพให้ผมมา”
“ไล่ตะเพิดคุณออกมาเลยเหรอ?”
หลงเย้นได้ฟังแล้วหัวเราะออกมา
“ลูกพี่เรียนวิชาการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันเชื่อว่าคุณเก่งที่สุดแล้ว”
“ส้งฉางเว่ยนี่ก็ตลกดีนะ ยอมให้หมอทั้งสามคนที่นับถือคุณมารักษาให้ แต่กลับไม่ยอมให้หมอเทพอย่างคุณลงมือรักษา”
“แต่ว่าก็ดีเหมือนกัน คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจ คืนนี้จะได้พักผ่อนได้เต็มที่”
“ เพียงแต่ว่า ท่านเหลียนพวกเขาสามารถรักษาให้หายได้หรือเปล่าคะ?” เธอพูดเสริมขึ้น
“ฉันเป็นห่วงว่าหากช่วยไม่สำเร็จ แล้วส้งฉางเว่ยก็จะพาลโกรธคุณไปด้วย”
“อาการของส้งหุ้ยเฉียว คิดว่าคงมีผมเท่านั้นที่รักษาได้”
ฉินหลั่งหรี่ตาเล็กน้อย “แต่ว่าหากท่านเหลียนพวกเขาร่วมกันช่วยรักษา ถึงแม้ไม่สามารถช่วยให้พ้นขีดอันตรายได้ แต่ก็ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกเป็นอาทิตย์”
“ในระหว่างนี้ ส้งฉางเว่ยหากมาขอร้องผมอีก บอกตรงเลยว่าผมก็ต้องช่วยรักษาให้”
“ถ้าหากส้งฉางเว่ยไม่ยอมอ่อนข้อให้ งั้นผมก็ไม่เสนอตัวไปช่วยรักษาคนแน่”
เขาเอานิ้วมือเคาะกระจกหน้าต่างรถ “ส้งฉางเว่ยถึงจะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ผมก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องเกาะแข้งเกาะขาเขาเพื่อความอยู่รอดหรอกนะ”
“ส้งฉางเว่ยคนนี้ ไม่ค่อยมีจิตเมตตาเอาเลย!”
หลงเย้นสีหน้าแสดงความเสียใจ “ฉินหลั่ง ขอโทษนะคะ ฉันไม่ควรที่จะให้คุณไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย ทำให้คุณเกือบไม่ได้ออกมา”
“นี่ไม่เกี่ยวกับคุณ เป็นเพราะว่าส้งฉางเว่ยทำตัวสูงส่งเกินไป อีกอย่างผมก็ต้องเกี่ยวโยงกับเขาไม่ช้าก็เร็ว อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงผู้กำกับศูนย์ยาจีน”
ฉินหลั่งเปลี่ยนเรื่องพูดคุย “ใช่ล่ะ ได้ข่าวว่าคุณเป็นคนช่วยส้งหุ้ยเฉียวไว้หรือ?”
“ใช่ค่ะ ตอนบ่ายฉันไปที่สนามแข่งม้าไปพบลูกค้ารายใหญ่”
ใบหน้าสะสวยของหลงเย้นปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“ตอนออกมาเห็นลู่วิ่งในสนามมีคนเสียงดังอึกทึก จ๊อกกี้กำลังอยู่ในอันตราย จึงชักปืนยิงเข้าไปจนม้าพันธุ์แท้ล้มตายลง
“ตอนนั้นฉันยังจำไม่ได้ว่าเป็นลูกสาวของส้งฉางเว่ย เธอก็ยังใส่สนับเข่าแล้วหมวกกันน็อค ถ้าไม่สังเกตดีก็จะดูไม่ออก”
“แต่ว่ามันก็แค่เป็นเรื่องหยิบมือเดียวเล็กน้อยมาก ไม่คิดว่าส้งฉางเว่ยจะถือว่าเป็นหนี้บุญคุณ โดยนิสัยของเขาแล้ว ก็อย่าคิดไปทวงบุญคุณกับคนอย่างเขาเลย” เธอก็บรรยายเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเรียบง่าย ทั้งที่เรื่องช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก แต่ออกจากปากเธอดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
“หลงเย้นเอ๊ย แกเปลี่ยนไปแล้ว คงไม่ใช่เด็กสาวที่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่นอีกแล้ว”
ฉินหลั่งพูดชมเชย “ไม่กี่วันมานี้ ก็ลำบากพวกแกแล้วนะ”
“คุณกับฉันจะเกรงใจอะไรกัน? ลูกพี่ คุณก็เป็นลูกพี่ในใจของฉันมาตลอดตั้งแต่แรกแล้ว”
“แต่ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่เหมือนนิสัยของแกเลย เบื้องหลังมีใครแนะนำแกอยู่หรือเปล่า? หลงเย้น แกคงไม่มี
พลังอำนาจมากขนาดนั้น สามารถที่จะกระตุกส้งฉางซิงและส้งฉางเว่ยให้ลุกขึ้นมาได้ จนกระทั่งล้มตระกูลเมิ่งลงไปได้ ช่วยพลิกคดีให้ฉัน” ฉินหลั่งพูด
สายตาของหลงเย้นมองไปทางสี่แยกด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณทายถูกแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพราะมีคนบงการฉันอยู่เบื้องหลัง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เพียงแต่เห็นว่าฝ่ายนั้นเขามีความมั่นใจที่จะช่วยคุณออกมาได้ ฉันก็เลยทำตามที่เขาบอกทุกอย่างทีละขั้นตอน ฉันรู้สึกดีใจมาก ที่สามารถทำอะไรให้กับลูกพี่ได้บ้าง นี่ก็เป็นความสุขที่สุดของชีวิตฉันแล้ว”
“อ๋อเหรอ? คนที่อยู่เบื้องหลังหรือ? ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง?” ฉินหลั่งมีความสับสนเล็กน้อย
“คุณไม่รู้เรื่องเหรอ?” หลงเย้นตกใจแล้วรอยยิ้มพลันหายไป “เขาบอกว่าสนิทมักคุ้นกับคุณมากเลย หรือว่าฝ่ายนั้นพูดโกหกงั้นเหรอ? หลงเย้นแปลกใจ “แต่ว่าทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่ได้คิดร้ายกับพวกเรา แต่มีความจริงใจที่จะช่วยพวกเรา…”
“คุณเคยเห็นเขาหรือเปล่า? เขาเป็นใคร? อายุเท่าไหร่?” ฉินหลั่งกำลังครุ่นคิด

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset