รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 621 อาจารย์ปู่

บทที่ 621 อาจารย์ปู่
ส้งฉางซิงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที “กี่ส่วน?”
ฉินหลั่งตอบแบบเรียบๆ “สิบส่วน!”
“อึม…”
ทันใดนั้นเอง เสียงเยือกเย็นแว่วมาจากหน้าประตู “คำพูดนี้ คุยโวมากเกินไป!”
ฉินหลั่งและส้งฉางซิงก็หันไปมองตามเสียง ก็เห็นส้งฉางเว่ยและพวกซูเวยกำลังเดินเข้ามา
“ฉางซิง แกยิ่งมายิ่งเหิมเกริมใหญ่แล้วนะ กล้าขัดคำสั่งฉันไปประกันตัวผู้ต้องหาออกมาเหรอ?”
ส้งฉางเว่ยทำหน้าขึงขรังสั่งสอนส้งฉางซิงยกใหญ่ “แกคงจะเกี่ยงว่าตำแหน่งหน้าที่ของแกจะใหญ่โตเกินไปแล้วใช่หรือไม่?”
“พี่ใหญ่ เดิมทีฉินหลั่งก็เข้าเงื่อนไขการประกันตัวได้อยู่แล้ว ถ้าทำตามขั้นตอน เขาสมควรจะออกมาได้แล้ว”
ส้งฉางซิงเริ่มต่อต้านพี่ชายอย่างไม่รู้ตัว “แต่เป็นเพราะว่าพี่กลั่นแกล้งกักตัวเขาไว้ต่างหากล่ะ”
“อีกทั้งที่ผมประกันตัวคราวนี้ นอกจากจะเชื่อมั่นในตัวฉินหลั่งแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาสามารถรักษาหุ้ยเฉียวได้”
เขาแสดงสีหน้าดีใจออกมา “เมื่อครู่ฉินหลั่งยังบอกว่า เขามีความมั่นใจถึงสิบส่วนเลย”
ซูเวยมองไปยังฉินหลั่งแล้วถามอย่างทันควันว่า “คุณมีความมั่นใจสิบส่วนเลยเหรอคะ?”
ฉินหลั่งตอบอย่างรวดเร็ว “ถูกต้องครับ”
“ฮาๆ คำพูดคุยโวเช่นนี้คุณก็ยังกล้าพูดออกมาเหรอ”
ซูเวยยิ้มอย่างเหยียดหยาม พูดกับฉินหลั่งว่า “พวกเราผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั้งหมดยี่สิบคน ร่วมประชุมหารือกันแล้ว ได้สรุปแผนการรักษาที่ดีที่สุดออกมา ยังมีความมั่นใจเพียงแค่สี่ส่วน”
“คุณก็แค่เด็กอ่อนหัดไร้ชื่อคนหนึ่งจะมีความมั่นใจถึงสิบส่วนเชียวเหรอ?”
“คำพูดพวกนี้ของคุณก็ใช้สำหรับหลอกเด็กสามขวบแค่นั้นแหละ”
“ถ้าคุณมีความสามารถขนาดนั้น ต่อให้คุณไม่ได้ชนะเลิศรางวัลถ้วยเปี่ยนเชวี่ยแล้วเข้ามาในหอแพทย์แผนจีน คุณก็น่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศจีนแล้ว แต่นี่ทำไมฉันถึงไม่คุ้นเคยกับชื่อคุณเลยล่ะ?”
ถึงแม้ว่าเธออยากจะให้มีคนมารับส้งหุ้ยเฉียวเผือกร้อนนี้จากมือเธอไปขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อได้ยินคำพูดคุยโวของฉินหลั่งที่มีความมั่นใจถึง10ส่วน ทำให้เธอรู้สึกว่าฉินหลั่งจงใจที่จะเยาะเย้ยเธอและผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย เมื่อได้ยินก็แสดงความเย้ยหยันเช่นกัน คราวนี้ฉินหลั่งคุยโวมากเกินจริงไป
“ฉินหลั่งพูดด้วยเสียงเบาว่า “ทำไงได้ ผมเป็นคนไม่ชอบทำตัวเด่นดัง”
ซูเวยพูดด้วยเสียงประชดว่า “งั้นคุณพูดมาซิ ว่าคุณจะเตรียมวิธีการรักษาแบบไหน ?ใช้มีดผ่าตัดแบบไหนเบอร์อะไร?”
เธอพูดด้วยเสียงบีบคั้นว่า “จะเย็บแผลแบบปกติ หรือว่าเย็บแบบซ้อน?”
“ควรจะดึงกระดูกออกก่อนหรือว่าซ่อมแซมก่อนล่ะ?”
ฉินหลั่งตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า “ผมไม่ได้จะใช้วิธีผ่าตัด ผมใช้วิธีฝังเข็มก็ได้แล้ว”
“พวกหลอกลวง คำพูดหน้าไม่อายอย่างนี้ยังพูดออกมาได้?”
ซูเวยพูดขึ้นมาว่า “คนป่วยบาดเจ็บเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะใช้วิธีฝังเข็มแก้ปัญหา?”
“หากไม่รู้จริงก็อย่าทำเป็นแกล้งรู้ดี!”
ซูเวยเอามือกอดอกแล้วมองดูฉินหลั่งอย่างมีเลศนัย “ฉันไม่รู้ว่าคุณไปหลอกลวงผู้กำกับส้งอย่างไร แต่ฉันขอบอกเลยนะ ตราบใดที่มี ผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกฉันอยู่ที่นี่ คุณก็อย่ามาใช้ลูกเล่นอะไรเลย”
“ผู้กำกับส้งคะ หมอนี่เป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงแน่นอนเลยค่ะ”
เธอพูดเตือนส้งฉางเว่ย “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาช่วยรักษาหุ้ยเฉียว คุณอย่าปล่อยให้เขามาทำอะไรที่ไม่เข้าท่าเลยค่ะ”
คนอื่นที่เหลือก็ส่งเสียงแสดงความเห็นด้วย นอกจากฉินหลั่งอายุยังน้อยเกินไปแล้ว อีกอย่างก็คือ อาการบาดเจ็บของคนไข้ซับซ้อนมาก ขนาดผู้เชี่ยวชาญก็ยังลำบากในการลงมือผ่าตัด แล้วฉินหลั่งจะทำได้อย่างไร?”
ส้งฉางซิงพูดอย่างร้อนใจว่า “พี่ใหญ่ ฉินหลั่ง….”
“หุบปาก !”
ส้งฉางเว่ยพูดตัดบทน้องชายด้วยคำหยาบคาย “ไม่ต้องรอให้ผอ.ซูมาเตือน ฉันก็ไม่อนุญาตให้ฉินหลั่งมาช่วยรักษาอยู่แล้ว”
“นอกจากความรู้ทางการแพทย์ไม่เป็นที่ยอมรับแล้ว ฉันก็ไม่เชื่อด้วยว่า ผู้ต้องหาคนหนึ่งจะใจดีมาช่วยรักษาคนได้”
แน่นอนที่ว่า ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือเขาเป็นห่วงว่าจะถูกผู้คนครหา เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวแล้วถึงกับปล่อยฉินหลั่งออกมา เขาไม่อยากให้เอาสองเรื่องนี้มาเกี่ยวโยงกัน
จากนั้น เขาก็มองไปยังฉินหลั่งด้วยสายตาเย็นชา “ฉินหลั่ง ฉางซิงเขาทุ่มเทความคิดอย่างเต็มที่เช่นนี้เพื่อช่วยเหลือแก วันนี้ฉันก็จะเห็นแก่หน้าเขา ให้โอกาสคุณออกมาข้างนอกได้”
“แต่ว่าฉันจะขอบอกแกเลยนะ ตราบใดที่คดียังไม่สิ้นสุด แกอย่ามาสร้างเรื่องวุ่นวายให้ฉันอีก ไม่อย่างนั้นแล้วจะให้แกกลับเข้าไปได้ตลอดเวลา”
“ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ทีหลังอย่าไปพูดจาคุยโวหลอกลวงคนอื่น อย่าคิดว่าพอเรียนรู้วิชาการแพทย์เล็กน้อยแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเก่งที่สุดในใต้ล่านี้แล้ว”
“จำไว้ด้วยนะว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน อย่าว่าแต่พวกหมอเทพเลย ต่อให้พวกผอ.ซูและผู้เชี่ยวชาญที่อยู่หน้าแก ความรู้ทางการแพทย์ก็มีมากพอให้แกไปศึกษาตลอดชีวิตได้เลย”
“ออกไปสิ ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว เดี๋ยวหมอเทพที่ฉันเชิญมากำลังจะมาถึงแล้ว”
เขาเอียงคอใส่ฉินหลั่งด้วยท่าทีรำคาญ “ฉางซิง พาเขาออกไป”
ส้งฉางซิงโกรธจัด “พี่ใหญ่ พี่จะไม่ฟังฉันสักครั้งเลยเหรอ?”
“เชื่อใจฉินหลั่งสักครั้งมั้ย…….”
ส้งฉางเว่ยสีหน้าเยือกเย็น “ออกไป!”
ซูเวยมองหน้าฉินหลั่งด้วยดวงตาสวยงาม “ฉินหลั่ง ออกไปเถอะค่ะ อย่าทำให้คุณส้งและผู้กำกับส้งทะเลาะกันเพราะคุณเลย”
“คุณส้งครับ ความจริงคืนนี้ผมก็ไม่ได้อยากเข้ามา เพราะว่าผมก็ไม่ค่อยชอบคุณเท่าไหร่นัก”
ฉินหลั่งส่งสัญญาณให้ส้งฉางซิงไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงอีก สายตาเขามองไปยังส้งฉางเว่ยแล้วพูดอย่างเรียบง่าย “นอกจาก
คุณเป็นคนไม่มีความเมตตาปรานีแล้ว อีกอย่างก็คือคุณนึกว่าคุณแน่คุณถูกเสมอ
“ที่ผมมาปรากฏอยู่ที่นี่ ก็เพราะเห็นแก่หน้าส้งฉางซิงทั้งนั้น เห็นแก่เขาจึงมาช่วยรักษาส้งหุ้ยเฉียว”
“ตอนนี้คุณจะมาไล่ผม ผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แน่นอน ผมได้มาแล้ว ก็มากเพียงพอที่จะแสดงความจริงใจกับเขาแล้ว”
เขามองไปยังส้งฉางซิงแล้วแบมือทั้งสองข้างออก “ผู้กำกับส้ง หน้าตา ความสัมพันธ์ ฉันให้คุณหมดแล้ว ฉันทำเต็มที่แล้ว คุณก็ทำเต็มที่แล้วเหมือนกัน”
ส้งฉางซิงพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉินหลั่ง อย่าเพิ่งไป….”
“ได้ ฉันจะบอกคุณท่านให้ ว่าแกได้มาแล้ว ว่าแกได้ช่วยเรื่องหุ้ยเฉียวเต็มที่แล้ว”
“ไม่ใช่เพราะว่าแกไม่ยอมรักษา แต่เป็นแต่เพราะว่าฉันไม่อยากให้แกรักษา”
ส้งฉางเว่ยมองดูฉินหลั่งแล้วแสยะยิ้ม “ตอนนี้แกก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะว่าคุณท่านจะถือโทษโกรธเคือง งั้นก็ออกไปได้แล้ว”
ริมฝีปากแดงของซูเวยขยับเล็กน้อย สายตาดูถูกเหยียดหยาม
พวกเขาที่มาด้วยกันก็มีท่าทีเหมือนกัน รู้สึกว่าการแสดงของฉินหลั่งน่าขบขัน
“ขอพูดเป็นคำสุดท้าย ส้งหุ้ยเฉียว ผมสามารถช่วยรักษาได้จริงๆ อีกอย่างอาการบาดเจ็บของเธอ คาดว่าทั่วทั้งประเทศจีนก็มีแต่เพียงผมเท่านั้นที่สามารถช่วยได้”
ฉินหลั่งพยายามรักษาความสงบ “คืนนี้ผมเดินออกไปแล้ว หวังว่าคุณส้งคุณจะไม่เสียใจภายหลังนะครับ”
“เสียใจภายหลังเหรอ?”
ส้งฉางเว่ยแข็งกร้าวดั่งเช่นปกติ “ฉันส้งฉางเว่ยไม่เคยรู้จักคำว่าเสียใจภายหลังมันคืออะไร”
“แล้วก็ยังมีเพียงแกเท่านั้นที่สามารถช่วยได้เหรอ?”
“แกคงคิดว่าตัวเองเป็นเปี่ยนเชวี่ยกลับชาติมาเกิดจริงเหรอ?”
“เปลี่ยนสายอาชีพกลางคันมาหัดเรียนวิชาผิวเผินเล็กน้อยก็นึกว่าใต้ล่านี้ไม่มีคู่ต่อสู้อีกแล้ว?”
“แกนี่ชักเหิมเกริมมากเกินไปแล้ว”
“ฉันจะบอกแกนะว่า คืนนี้นอกจากผอ.ซูพวกเขาแล้ว ฉันยังเชิญคนอื่นมาด้วย แล้วอย่าบอกว่าคนอื่นก็สู้แกไม่ได้อีกนะ”
เขาทนดูพฤติกรรมของพวกหนุ่มสาวสมัยนี้ที่มักจะใช้คำพูดโอ้อวดกับสังคมเพื่อให้ได้รับการยอมรับหรือไม่ก็หลอกลวงสังคมพวกผู้เชี่ยวชาญร่วมกันหาวิธีรักษาอย่างระมัดระวังแต่ฉินหลั่งกลับแสดงท่าทีง่ายดายเหมือนดื่มน้ำกินข้าว
“คุณส้งคะ หมอเทพมาแล้วครับ!”
เลขาหนุ่มหัวเกรียนวิ่งเข้ามาท่าทีตื่นเต้น “พวกเขามาแล้วครับ” ส้งฉางเว่ยดีใจออกนอกหน้า “รีบเชิญ รีบเชิญ”
ลูกสาวมีโอกาสรอดแล้ว นี่คงเป็นเพราะเขาได้ทุ่มเทน้ำพักน้ำแรงที่จะเชิญหมอเทพมาได้
“ยังไม่ไปอีกเหรอ?” ซูเวยทำเอียงหน้าใส่ฉินหลั่ง “อยู่นี่ก็มีแต่จะอับอายขายขี้หน้า”
ส้งฉางซิงสีหน้าดำเคร่งเครียด แต่กลับถูกฉินหลั่งลากออกไปยังประตู
ส้งฉางเว่ยพากันตามออกไปเพื่อไปต้อนรับ
หน้าประตูก็ปรากฏมีผู้เฒ่าหัวล้านคนหนึ่ง พร้อมด้วยผู้ช่วยของเขาเดินเข้ามา
เมื่อเห็นฉินหลั่งแล้วตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ทักทายด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี “สวัสดีครับ อาจารย์ปู่”
ส้งฉางเว่ยและพวกซูเวยตกตะลึง หยุดชะงักทันที ปรมาจารย์ทางการแพทย์เหลียนฝูเจิ่นเรียกฉินหลั่งว่าอาจารย์ปู่?
ฉินหลั่งก็รู้สึกฉงนเช่นกัน ผู้เฒ่าคนนี้เขาก็ไม่รู้จักจริงๆ ทำไมเห็นหน้าแล้วจึงเรียกเขาว่าอาจารย์ปู่?

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset