รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 649 หัวอกเดียวกัน

บทที่ 649 หัวอกเดียวกัน
“ออ”ระหว่างคิ้วหลู่เหม่ยเฉินยกแน่นจนเป็นปุ่มแล้ว“ผู้หญิงคนนั้นโชคดีจัง ฉันควรทายถูกตั้งนานแล้ว ฉันพบว่า คุณใส่ตัวนี้แล้วหล่อไม่เบาเลย”
แววตาหลู่เหม่ยเฉินมืดครึ้มเล็กน้อย
คล้ายเมื่อสักครู่ที่พูดจาอย่างฉะฉานด้วยเหตุผล บัดนี้ไม่อาจเปล่งออกมาได้อีก
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว ผมก็ขอตัวก่อนสัญญาฉบับนี้ คุณสามารถฉีกมันทิ้งได้เลย”ฉินหลั่งพูดเสียงเย็น จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไป
“เห้อ ทำไมคุณต้องเย็นชาอย่างนี้ตลอดเลย คุณไม่ใช่บอกว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณหรอกเหรอ?เป็นเพื่อนสหายกันก็ควรมีน้ำใจกันหน่อย ฉันเป็นเพื่อนสหายคุณนะ?”หลู่เหม่ยเฉินที่อยู่ด้านหลังเกิดใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันแจ้งบอกคณะกรรมการแล้ว คุณอย่าได้หักหน้าฉันเลย แม้แต่จะมอบเงินฉันยังทำไม่ได้ แล้วจะเป็นประธานไปทำไม แต่งกันราชาอัปลักษณ์ให้รู้แล้วรู้รอดจะดีกว่า”หลู่เหม่ยเฉินรู้สึกหดหู่ใจ
“ได้ ถ้างั้นผมก็ไม่ทำร้ายน้ำใจแล้ว ไม่เคยเห็นคนประเภทอย่างคุณมาก่อนเลย ได้ คุณโอนทรัพย์สินมาเป็นของผมได้ ผมยอมรับ”ฉินหลั่งยิ้ม รับมาอย่างไม่รู้สึกละอายใจ
“เล่ามาสิว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?”ฉินหลั่งแหวกม่านหน้าต่างออก เห็นด้านนอกเริ่มจุดไฟกันแล้ว คาดว่าสักพักคงต้องไปทำการดับเพลิงเป็นแน่
“คุณไปเถอะ ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะขี้ระแวงขนาดนี้ คิดว่าฉันกำลังโน้มน้าวให้คุณมาร่วมหุ้น อันที่จริงฉันแค่อยากให้คุณซื้อเสื้อตัวใหม่เท่านั้นเอง มันไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องจรรยาบรรณ ฉันไม่ยอมประนีประนอมหรอก”หลู่เหม่ยเฉินเผยความผิดหวัง เห็นได้ชัดว่าเรื่องฉินหลั่งมีแฟนสาวแล้ว กระทบจิตใจเธอเป็นอย่างมาก
“คิกคิก เริ่มงอแงแล้วเหรอ?ไม่ได้ ครั้งนี้ผมต้องช่วยคุณ ไม่เช่นนั้นผมจะมีสิทธิ์เอาเงินสองพันห้าร้อยล้านได้อย่างไร พวกเราแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่อกัน นักธุรกิจให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าการจากลา ผมเข้าสู่วงการธุรกิจตั้งนานแล้ว เพียงแต่คุณยังไม่รู้เอง”ฉินหลั่งจนปัญญากับหลู่เหม่ยเฉินคนนี้จริงๆ
“ได้ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน”หลู่เหม่ยเฉินถอนหายใจ
“ดูท่าฉันต้องไปอยู่ที่ตะวันออกกลางชั่วชีวิตแล้ว ราชาอะไรบ้าบอนั้น ทำไมต้องมาชอบฉันด้วยนะ?ฉันใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ดีๆก็มาเจออย่างนี้ ซวยไหมล่ะ?เห้อ ฉันมอบเงินสองพันห้าร้อยล้านให้เพื่อนอย่างคุณแล้ว คุณไม่ช่วยฉันไหมเหรอ?”
“ผมบอกว่าจะช่วยแล้วไม่ใช่เหรอ?พูดปัญหาออกมาดีกว่า บ่นอะไรอยู่ได้?”ฉินหลั่งอดหัวเราะไม่ได้“ก็เรื่องของคุณหรือเปล่าผมจะช่วยคุณยังไง ให้ไปฆ่าเจ้าชายคนนั้นที่ตะวันออกกลาง?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อันที่จริงก็มีวิธีอยู่นะ เพียงแต่คุณไม่ยอมรับปากเฉยๆ ยังไม่ใช่เพื่อนแท้ไง”หลู่เหม่ยเฉินเบ้ปากพูด
“เชอะ อย่าพูดมาก รีบบอกว่าต้องช่วยยังไง?”ฉินหลั่งรู้สึกแปลกใจ อยู่ในช่วงวิกฤตอย่างนี้ ยังมีอารมณ์พูดถึงเรื่องเจ้าชายแห่งปิโตรเลียมอีก
“ง่ายมาก ฉันแต่งงานกับคุณ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้แล้ว คุณวางใจได้ ของแต่งออกไปมีเยอะแน่ๆ ฉันไม่ให้คุณออกค่าสินสอดหรอก ฉันเลี้ยงตัวเองได้ ฉันเอาแค่ตัวคุณ ได้ไหม?”หลู่เหม่ยเฉินพูดตรงไปตรงมา แววตาเอ่อล้นด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ”ฉินหลั่งไม่มีทางเลือก“เรื่องนี้ช่างเถอะ ให้ผ่านๆไป วันหลังคุณยังล้อผมเล่นอย่างนี้ ฉันจะตัดเพื่อนอย่างคุณออก เพื่อนไม่ได้เป็นพันธสัญญาตลอดชีพเสียหน่อย ใช่ไหม?”
เขาคิดไม่ถึงว่าประธานหญิงผู้เผด็การที่ทั้งเด็ดขาดและเย็นชา จะตามตื๊อได้ถึงเพียงนี้ หากเป็นคนอื่นคงหวั่นไหว แล้วรักอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว แต่เขาไม่มีทางเป็นอย่างนี้แน่นอน เขาเพียงแค่รู้สึกเห็นใจ ตอบแทนน้ำใจซึ่งกันและกันเฉยๆ สำหรับด้านความรัก พูดตามตรงก็คือ ไม่มีเลยจริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกหลู่เหม่ยเฉินน่าสงสาร ครอบครัวบีบบังคับให้แต่งงาน และยังมีคู่ต่อสู้ทางการค้าที่โหดเหี้ยมอีก ความหวาดกลัวที่ต้องแต่งไปอยู่ในต่างถิ่นกับผู้ที่ตนไม่ได้รัก แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความโลภเลย เธอจึงได้แต่พยายามทำผลงานด้านธุรกิจให้เป็นที่ประจักษ์ จะได้หลุดออกจากบ่วงชะตาชีวิตเสียที เธอสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ แสดงว่าผู้หญิงธรรมดาเทียบจิตใจอันแข็งแกร่งไม่ได้เลย หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงยอมจำนงแต่แรกแล้ว เพราะยังไงเสียแต่งไปที่ตะวันออกกลางก็ยังมีชีวิตที่ร่ำรวยและเจริญรุ่งเรือง ดีกว่าหาคนที่ตนชอบอยู่ที่บ้านตระกูลหลู่เป็นไหนๆ
ซึ่งคล้ายกับเขาที่ยินยอมให้ตระกูลฉินขับไล่ออกจากตระกูล แต่ก็ไม่ยอมทิ้งจงยู่ไป หัวอกเดียวกันจริงแท้?
“พอแล้ว สิ่งที่คุณพูดมันเหลวไหลทั้งเพ ชะตาชีวิตไม่ได้อยู่ที่สามี ต้องพึ่งการต่อสู้ของตัวเอง หน้าที่สำคัญของคุณในตอนนี้ก็คือทำให้ธุรกิจรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น มีเงินมากขึ้น พอคุณมีเงินเยอะกว่าเจ้าชายที่ตะวันออกกลางเมื่อไหร่ พ่อของคุณก็ไม่ยินดีให้คุณจากบ้านเกิดไปเป็นเชื้อพระวงศ์อะไรนั้นที่ต่างแดนหรอก”ฉินหลั่งปลอบใจหลู่เหม่ยเฉิน
แต่หลู่เหม่ยเฉินไม่ได้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาเลยสักนิด “เห้อ แข่งความร่ำรวยกับเจ้าชายที่มาจากตะวันออกกลาง ฉันยิ่งรู้สึกนับถือคุณมากกว่า แต่ฉินหลั่ง ครั้งนี้คุณพูดไม่ตรงหลักการพื้นฐาน ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ใช่เด็กแล้ว มีความสุขหนึ่งวันก็วันหนึ่งล่ะกัน”
ในขณะที่พูดแววตาหลู่เหม่ยเฉินมีประกายความหดหู่ใจแวบผ่าน ความอ้างว้างในใจไม่อาจใช้ถ้วนคำบรรยายได้ คนที่รักฉัน คนที่ฉันรัก อยู่ไกลฉันเหลือเกิน ฉันเป็นเม็ดทรายตัวโดดเดี่ยวที่ไม่อาจปัดเป่าออกไปได้
“เห้อ ไม่คุยเล่นแล้ว พูดเรื่องงานดีกว่า”หลู่เหม่ยเฉินยื่นมือปาดน้ำตา พลางพูดว่า
“บริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป่าหวังของตระกูลเมิ่งหยุดกิจการแล้ว ถูกคณะกรรมการอาหารและยาตรวจสอบความผิดจนพบหลักฐานแล้ว แต่พวกเขายังคงตามมาราวีไม่รู้จบ ยอมรับในความพ่ายแพ้ไม่ได้ ส่วนฉัน ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาก่อกวนทำชั่วไปก่อน พอหาโอกาสได้เมื่อไหร่ ฉันจะตัดรากถอนโคนเลย”
“ออ?คุณมีแผนการรับมือไว้แล้วเหรอ?มิน่าล่ะ จึงไม่กลุ้มใจเลยสักนิด ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า หากตบตาข้างซ้ายของฉัน ฉันก็จะยื่นตาข้างขวาให้ด้วย ราชินีเหม่ยเฉิน คุณมีดีเอ็นเอยอดเยี่ยมอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ฉินหลั่งพูดไปในทางแดกดัน แต่ก็รู้สึกน่าสนใจอยู่มาก
“ฮ่าๆ ฉันไม่ใช่ตาซ้ายตาขวาอะไรนั้นหรอก ครั้งก่อน ด้วยแรงกำลังใจจากคุณ ฉันต่อสู้กับบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป๋าหวังอย่างหนักแน่น สุดท้ายก็ทำให้คณะตรวจสอบอาหารและยามา คุณทายดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“พูดประเด็นสำคัญ”ฉินหลั่งรู้สึกว่าหลู่เหม่ยเฉินกำลังชักแม่น้ำทั้งห้ามาคุย เขารู้ว่าบริษัทอุตสาหกรรมป๋าหวังถูกตรวจสอบตั้งนานแล้ว
“ฉันคาดไม่ถึงเลย คนรับผิดชอบของบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป๋าหวัง ผู้ที่เป็นลูกสาวหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบอาหารและยาอันเลื่องชื่อ ไม่เพียงถูกตรวจสอบคนเดียว แม้แต่ตัวเขาเองก็โดนไปด้วย ไปนั่งอยู่ในคุกนานแล้ว”
“หา?”ได้ยินหลู่เหม่ยเฉินเล่าด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ฉินหลั่งก็พลอยรู้สึกตามหลายส่วน อำนาจตระกูลเมิ่งในด้านธุรกิจยานั้นไม่ใช่เล่นๆ ตอนนี้เมิ่งเย่าตงถูกโค่นล้ม ถ้าตามหลักแล้วเมิ่งลี่ลี่ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร แต่ในสมองมีใบหน้าส้งฉางเว่ยลอยขึ้นมา และส้งฉางเว่ยก็ไม่ได้มีอคติกับเมิ่งเย่าตง แค่ทำตามหน้าที่ โดยไม่สนว่าเป็นญาติมิตรหรือไม่
“ใช่ ฉันรู้สึกคาดไม่ถึงที่คุณหนูตระกูลเมิ่งถูกจับ แสดงว่าอุตสาหกรรมไวน์ของพวกเขามีปัญหาหนักมาก เป็นภัยต่อสังคม ส่วนอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินของพวกเราทำตามหลักโภชนาการ มีคุณภาพ จึงไม่ต้องถูกลงโทษทางกฎหมาย”สติสัมปชัญญะหลู่เหม่ยเฉินกลับคืนมาพร้อมกับสีหน้าที่เย็นเหยียบ แต่ในสายตาของฉินหลั่งกลับรู้สึกว่าอ่อนโยนเหลือเกิน
“ช่วงนี้เมิ่งลี่ลี่ไปขอความช่วยเหลือทุกที่ จ้างทนายความอย่างเอิกเกริก จากนั้นก็หาแพะรับปากไปแทน ส่วนเมิ่งลี่ลี่ก็ถูกประกันตัว
แต่หล่อนไม่ถือว่าพ้นความผิด”
ริมฝีปากแดงระเรื่อของหลู่เหม่ยเฉินอ้าขึ้นเบาๆ“อันที่จริงฉันรู้สึกว่าเมิ่งลี่ลี่เป็นคนดีที่อยู่ในตระกูลเมิ่ง ฉันก็ไม่ค่อยเชื่อว่าเมิ่งลี่ลี่จะหาเงินในทางทุจริต แต่เมิ่งชิงอวี่ก็ไม่แน่”
“แต่หลังจากที่หล่อนตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้ว และถูกประกันตัวในเวลาต่อมา จากนั้นก็นำคนมาปั่นป่วนที่หน้าตึก ซึ่งคนเหล่านั้นมีบาดแผลที่ไม่อาจรักษาให้หายได้บนใบหน้า สุดท้ายก็ฆ่าตัวตาย เพราะทนทรมานกับใบหน้าที่เจ็บปวดและเปลี่ยนไปไม่ไหว”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset