รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 676 ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

บทที่ 676 ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
ในตอนนี้เอง ผู้คนที่อยู่ข้างล่างได้ยินเสียงตูมหนึ่งครั้ง ห้องเก็บของที่ชั้นสามกระจัดกระจายในทันที
เปลวไฟปลิวว่อน ชั้นสามทั้งชั้นถูกส่องสว่างไสว ตามด้วยเสียงดังปัง ๆ ติดต่อกันจากนั้นสิ่งของสับสนปนเปก็พุ่งออกมาเพราะแรงระเบิด
ของจิปาฐะลอยออกไปนอกหน้าต่าง และลอยตกลงไปจากอากาศอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างล่างกลัวจนหน้าถอดสี รีบร้อนเอามือคลุมหัวและหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง คนที่หลบไม่ทันก็ถูกของจิปาฐะตกใส่ร่างกาย เสื้อผ้าติดไฟ ลนลานเกลือกกลิ้งเพื่อดับไฟ
“ไอหยา ที่ชั้นสามเก็บตัวอย่างไวน์ไว้มากมาย ง่ายต่อการติดไฟง่ายต่อการระเบิด การระเบิดชนิดนี้เผาไหม้ได้น่ากลัวกว่าชนิดอื่นเสียอีก!”
“ประธานกรรมการฉินอยู่ข้างบน ตายมากกว่ารอดอย่างแน่นอน ช่วยคนออกมาไม่ได้ ทั้งยังเอาตัวเองเข้าไปตกอยู่ในอันตราย”
“โธ่ ไม่น่าจะเข้าไปเลย น่าเสียดายจริง ๆ”
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ในใจของผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือต่อประธานกรรมการผู้บริการที่อ่อนวัยคนนี้ และก็เสียดายแทนเขา
เมื่อเห็นชั้นสามกลายเป็นกองขยะ หลู่เหม่ยเฉินสั่นสะท้าน รู้สึกยืนไม่นิ่ง เกือบจะเป็นลมล้มลงไป
เธออ้าปากค้าง อยากจะตะโกนเรียก แต่ทว่าเธอไม่มีเสียง และอ่อนแรงอ่อนแรงไปหมดทั้งตัว
หลู่เหม่ยเฉินกระซิบอยู่ในใจเสียงสั่น “ฉินหลั่ง ฉินหลั่ง……”
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนอดไม่ได้ที่จะโศกเศร้าเสียใจ
“มีคนอยู่ตรงนั้น มีคนอยู่ตรงนั้น!”
“มีคนออกมาแล้ว!”
ในเวลานี้เอง พนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งตะโกนโหวกเหวกขึ้นมา ไฟฉายในมือส่งไปยังสถานที่เกิดเหตุ
ทุกคนหันไปดูตามที่มือของพนักงานรักษาความปลอดภัยชี้ไป เห็นเพียงชายหนุ่มที่หน้าตามืดดำ กำลังอุ้มหญิงหมดสติคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนเดินออกมา
ฝีเท้าสะเปะสะปะเล็กน้อย ต่อให้ฉินหลั่งเป็นถึงปรมาจารย์ แต่เปลวไฟแรงกล้าขนาดนี้ หากเขาต้องการเอาตัวรอดเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่นี่เขายังต้องอุ้มร่างผู้หญิงคนหนึ่งออกมา เป็นธรรมดาที่จะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมา
เขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้เห็นปาฏิหาริย์นี้ทุกคนก็ร้องโห่ขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ
“ฉินหลั่ง……”
หลู่เหม่ยเฉินดีใจจนร้องไห้ออกมา และวิ่งเข้าไปกอดฉินหลั่งทันที
“ฉินหลั่ง……”
เที่ยงคืน ณ โรงพยาบาลคางเจ๋แห่งเย็นจีน ชั้นหก
หลังจากผ่านการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ในที่สุดพี่สาวของหยูชิงก็พ้นขีดอันตราย แต่ยังคงต้องสังเกตอาการเพื่อรักษาอีกขั้น เพราะว่าเธอได้สูดดมควันเข้าไปเยอะมาก
ทว่ามีเพียงหยูชิงคอยดูแลเฝ้าไข้ คนในครอบครัวของหยูชิงไม่ได้มาเยี่ยมเลยสักคน
ฉินหลั่งก็รอคอยอยู่ที่โรงพยาบาลคางเจ๋เช่นกัน ตอนนี้เขาเป็นประธานคณะกรรมการผู้บริหารของบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉิน มีหน้าที่รับผิดชอบ ร่างกายของเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่หลู่เหม่ยเฉินกลับต้องนอนโรงพยาบาล
อยู่ต่อหน้าหยูชิงเขาทักทายและสอบถามอาการตามมารยาทสองสามประโยค จากนั้นฉินหลั่งก็ไปเยี่ยมหลู่เหม่ยที่โรงพยาบาล
เท้าเคล็ด ร่างกายมีแผลร้อนลวก ปวดก็จะต้องพักฟื้น ดังนั้นเธอจึงต้องนอนโรงพยาบาลสักสองวัน
ฉินหลั่งเห็นเธอกำลังกอดผ้าห่มและนอนหลับอยู่ ก็เลยออกมาจากห้อง เตรียมที่จะไปทำโจ๊กยาโภชนบำบัดเพื่อทำความสะอาดปอดให้เธอสักหน่อย
ฉินหลั่งสมุนไพรที่จำเป็น ให้เงินร้านอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ สองร้อยหยวน จากนั้นเขาก็ลงมือต้มโจ๊กยาโภชนบำบัดหม้อใหญ่หม้อหนึ่ง
เขาตักกินเองหมดไปหนึ่งถ้วยใหญ่ ที่เหลือเขาเอาใส่ลงไปในกระติกเก็บความร้อน
“อากาศเย็นจังเลย”
ใกล้กับเวลาเที่ยงคืน อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ ฉินหลั่งห่อกอดเสื้อผ้าส่วนที่เหลือของเขา จากนั้นเขาก็ใส่ผ้าปิดปากให้ตนเอง
ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลลดน้อยลงมากแล้ว นอกจากบุคลากรทางการแพทย์สองสามคนที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์พยาบาล ที่ห้องโถงมีเพียงผู้คนที่รอรักษาฉุกเฉินอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ในตอนที่ฉินหลั่งเดินเข้าไปในลิฟต์ หมอที่สวมเสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
เขาเห็นฉินหลั่งอยู่ข้างใน เขาหรี่ตาลงก่อนตามสัญชาตญาณ สายตาที่แหลมคนของเขาตรวจสอบอย่างละเอียด จากนั้นก็กลับเป็นปกติแล้วกดลิฟต์ไปที่ชั้นห้า
เขาใสผ้าปิดปาก เข็นรถเล็ก ๆ คันหนึ่ง ข้างบนมียาและเข็มฉีดยาวางอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหมออยู่เวร
แต่ทว่าทันใดนั้นเองฉินหลั่งก็หรี่ตาลง เขาพบว่าหมอคนนี้ ไม่เพียงข้อมือทั้งสองข้างนูนออกมาอย่างผิดปกติ บนฝ่ามีรอยด้าน ที่เท้ายังสวมรองเท้าทหาร
หมอคนหนึ่งทำไมต้องสวมรองเท้าทหาร?
ในขณะที่มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวของฉินหลั่ง หมออยู่เวรคนนั้นก็ได้ถอยไปอยู่ที่ด้านหลังของฉินหลั่งแล้ว มันไอครั้งหนึ่ง หันหน้าเข้ามุมถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วหอบหายใจสองสามครั้ง
ตอนยังไม่ถอดผ้าปิดปากออกยังพอว่า พอถอดออกมา ฉินหลั่งตะลึงงันทันที
ถึงแม้เขาจะเห็นเพียงแค่เงาที่สะท้อนจากประตูลิฟต์ แต่ก็ยังคงสามารถสัมผัสถึงอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าของหมออยู่เวรได้
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
ในสายตาของฉินหลั่งมีแววความตกใจอย่างบอกไม่ถูก หากไม่ได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง เขาคาดว่าตัวเขาเองก็คงงงงวย……
“ติง……”
แต่ทว่าในขณะที่จิตใต้สำนึกของฉินหลั่งสั่งให้เขากำหมัดแน่น หมออยู่เวรคนนั้นก็ได้สวมหน้ากากอนามัยอีกที จากนั้นก็เข็นรถเดินออกไปจากประตูลิฟต์ที่ชั้นห้า
เสียงของล้อรถส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ดังชัดเจนเป็นพิเศษที่ชั้นห้า
ฉินหลั่งไม่ได้เดินตามเขาออกไป แต่เป็นขึ้นไปที่ชั้นหกอย่างเงียบสงบ
รอประตูลิฟต์เปิดออก เขาเอาโจ๊กวางไว้ที่เก้าอี้ทันที จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปตรงช่องว่างระหว่างบันได เขาวิ่งตรงไปที่ชั้นห้า……
เวลานี้ หมออยู่เวรคนนั้นกำลังเข็นรถตรงไปยังด้านในสุดของทางเดิน
สายตาของล๊อกไปที่ห้องICU ห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตูห้องผู้ป่วยมีคนญี่ปุ่นห้าหกคนเฝ้าอยู่ แต่ละคนราวกับหมาป่าราวกับเสือ มองดูแล้วก็กล้าหาญทรงพลังอย่างไม่มีที่เปรียบ
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องกับโยวโจ่ชาวกางอีกครั้ง สำนักกุ่ยอีจัดเวรสามกะ คนเกือบยี่สิบคนคุ้มครองโยวโจ่
พวกเขายังได้รับอนุมัติ อนุญาตให้พกอาวุธเย็น
หมออยู่เวรคนนั้นไม่ได้คนใจการมีตัวตนอยู่ของพวกเขา ฝีเท้าเดินเข้าใกล้อย่างไม่ช้าไม่เร็ว
เมื่อคนญี่ปุ่นทั้งหกคนได้ยินเสียงก็เอียงหน้าขึ้นเล็กน้อย ในสายตามีแววระแวดระวัง
“คุณเป็นใครกัน?”
ตามมาด้วย พวกเขายื่นตัวตรงละขยับเข้าใกล้ “ที่นี่ไม่ต้องการหมอ”
การรักษาของโยวโจ่ชาวกางมีสำนักกุ่ยอีรับผิดชอบทั้งหมด
เผชิญหน้ากับการตะโกนตามของคนญี่ปุ่น หมออยู่เวรคนนั้นยังคงไม่มีสีหน้าท่าทีอะไรเปลี่ยนไป เพียงแค่มือที่จับรถเข็นอยู่ค่อย ๆ สะสมพลัง
“หยุดนะ! หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
คนญี่ปุ่นวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนขันมาอีกครั้ง “ได้ยินหรือยัง!”
“ครืน!”
หมออยู่เวรคนนั้นหมุนสองมือของเขา พลังทั้งหมดฟาดไปที่รถเข็น รถเข็นชนตรงเข้าไปในกลุ่มคน
เสียงดังตูมหนึ่งครั้ง รถเข็นได้ชนเข้าไปที่ร่างของคนญี่ปุ่นคนหนึ่งก่อน จากนั้นขวดและกระป๋องหลายสิบชิ้นก็ล่วงลงสู่พื้น เกิดเป็นเสียงดังกระทบพื้นปึงปังออกมา
จากนั้นก็มีเสียงดังปัง เปลวไฟก้อนหนึ่งลอยออกมาจากข้างใน
ตามมาด้วยกลิ่นก๊าซฉุนจมูกตลบอบอวล
คนญี่ปุ่นทั้งหกคนเห็นดังนั้นกำคำรามออกมาตามสัญชาตญาณ และยังปัดประกายไปที่อยู่บนร่างกายอย่างต่อเนื่อง
หมออยู่เวรคนนั้นถือโอกาสพุ่งชนเข้าใส่พวกเขา
“อย่าขยับนะ! อย่าขยับนะ!”
คนญี่ปุ่นสองสามคนเห็นเขาลงมือ ไม่มีเวลาจะไปสนใจเปลวไฟบนร่างกาย ทยอยดึงเอาอาวุธที่อยู่รอบเอวออกมา
แรงกระทบจากการตะโกนข่มขู่ไม่ได้มีประสิทธิผลที่ทำให้เขาหวาดกลัวเลยแม่แต่น้อย ในทางกลับกัน กลับเป็นการกระตุ้นความโหดเหี้ยมของหมออยู่เวรคนนั้น เขาที่สวมหน้ากากอนามัยยิ้มอย่างดุร้าย
กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวพลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมสีขาวม้วนกลับ ราวกับผ้าม่านสีขาวผืนหนึ่ง พุ่งเข้าใส่หัวของคนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน หมออยู่เวรคนนั้นก็สไลด์ถอยหลัง ร่างกายที่ใหญ่โตหลุดพ้นออกจากเสื้อคลุมสีขาวที่ห่อหุ้มได้อย่างคล่องแคล่ว
หมออยู่เวรที่ท่าทางทรงพลังคนนั้นถอยออกมาเพียงครึ่งเมตร และใช้เท้าซ้ายออกแรงประคับประคองร่างกายใหม่อีกครั้ง
“ครืน!”
พื้นของชั้นห้าสั่นสะเทือนเล็กน้อย ร่างกายราวห้าสิบกว่ากิโลพุ่งออกไปดุจดั่งเสือชีต้า
ในขณะที่เสื้อคลุมสีขาวทำให้ด้านหน้าของคนญี่ปุ่นมืดมิด หมออยู่เวรคนนั้นก็พุ่งทะยานเข้าใส่ทั้งหกคนทันที
เร็วมาก เร็วมากจริง ๆ เร็วจนทั้งหกคนไม่มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำ ก็ได้โดนหมออยู่เวรคนนั้นชนจนลอยกระเด็นกลับไป

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset