รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 717 ชิงลงมือก่อน

บทที่ 717 ชิงลงมือก่อน
ฉินหลั่งเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดว่า “ท่านเข้าใจผมผิดแล้วครับ ผู้กำกับส้ง ยานั้นผมเป็นคนวิจัยออกมาเองจริงๆ เพียงแต่ระหว่างนั้นถูกคนขโมยไป ที่ผมพูดมาไม่ใช่เรื่องโกหก ยานั่นมีปัญหาจริงครับ”
“ฮึ่ม ยานั้นจะเป็นเป็นไปได้อย่างไรที่คุณคิดขึ้นมาเอง? ถ้าคุณคิดค้นขึ้นมาเองแล้วทำไมคนของสำนักงานกรรมการยาจึงต้องไปหาคุณ? คุณกล้าโกหกฉันเหรอ? ฉันเชื่อในการตัดสินของศาล ฉันจะเชื่อคำพูดของคุณเหรอ?”
ส้งฉางเว่ยหน้าดำคร่ำเครียดสั่งสอนฉินหลั่ง “ตอนนี้ทางการก็ตัดสินแล้ว คุณยังมีอะไรจะพูดอีก สูตรลับยานั้นเป็นของหยางจ้างกั๋ว นี่คือคำตัดสิน ไม่ใช่ของคุณ”
“ดังนั้นสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น คุณไม่พอใจก็ไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลได้” ส้งฉางเว่ยไม่อยากที่จะเจรจากับฉินหลั่งอีกต่อไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าบุตรสาวตัวเอง เกรงว่าส้งฉางเว่ยคงไล่ตะเพิดฉินหลั่งไปแล้ว
คนหนุ่มสาวมักจะนึกว่าตัวเองแน่ เหิมเกริมลำพอง ก็เป็นเรื่องปกติของผู้คนทั่วไป แต่ไม่ใช่ไปพูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นมันเป็นปัญหาของคุณสมบัติส่วนตัว ซึ่งไม่สมควรที่จะให้อภัย
แต่ฉินหลั่งก็ยังไม่ลดละความพยายาม “คุณส้งครับ คุณกรุณาพิจารณาอีกครั้ง ผมรู้สึกเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เกิดเรื่องขึ้น คุณก็คงหวังให้มันเกิดเรื่องขึ้น แล้วมันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ คนอื่นเขาทำการค้าขายตามปกติจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้?!”
ตอนนี้หยูสู้ฉินหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า แล้วเอามาส่ายไปมาตรงหน้าฉินหลั่ง “ฉินหลั่งเอ๊ย คุณดูให้ชัดเจนนะ นี่เป็นผงขาวเฟยเยว่ชุดแรกที่ผลิตออกมาจากโรงงานผลิตยาเยว่จิ้น หยางจ้างกั๋วเอามามอบให้ฉันด้วยตัวเองเลยนะ รูปแบบนั้นไม่ต้องพูดถึงประสิทธิภาพหรือก็นับว่าอยู่ในขั้นวิเศษเชียวล่ะ”
“แม่บ้านของพวกฉันพอดีนิ้วมือถูกมีดบาดเลือดไหลขณะกำลังหั่นผัก หลังจากที่ใช้ยานี้ทาไปแล้ว ภายในหนึ่งนาที บาดแผลของเธอก็เลือดหยุดไหลและแผลแห้งสนิท ไม่ใช่เป็นยาเทวดาแล้วจะเป็นอะไรได้ คุณบอกว่าคนอื่นเขามีโรคที่เกิดจากสารตกค้าง ไม่ละอายใจมั่งเหรอ?”
“ในตัวหุ้ยเฉียวก็มีบาดแผลหลายระดับชั้น หลังจากที่ใช้ยานี้แล้ว บาดแผลตามตัวของเธอก็จะได้รับการเยียวยา สุดท้ายก็จะจางหายไป ฉะนั้นพวกฉันชื่นชมผงขาวเฟยเยว่ล้านเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว”
“ในแวดวงของพวกฉันก็ใช้แต่ยานี้ ต่างก็ชื่นชมประสิทธิภาพของยานี้ทั้งนั้น ดีกว่าใช้ยาอื่นเป็นไหนไหน”
“คุณนี่เป็นพวกขี้อิจฉา! เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จในใจก็ไม่ปกติ ใช้ไม่ได้หรือ ทำไมทุกคนก็ยังใช้กันอยู่ คุณบอกว่าใช้ไม่ได้เหรอ?”
จากนั้นหยูสู้ฉินก็เริ่มใช้ยาทาบนบาดแผลของส้งหุ้ยเฉียว หวังเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นกับลูกสาว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในภายหลัง
“คุณนายครับ หยุดเร็ว หยุดเร็วครับ! ” ฉินหลั่งตกใจมาก เดินเข้าไปห้ามปรามว่า “อย่าใช้อีกเด็ดขาด! ผมพูดแล้วท่านต้องฟังนะ จริงๆเลย…..”
“ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เข้าขั้นจริงๆ มันยังไม่สมบูรณ์ ใช้ต่อไปไม่ได้จริง….” ฉินหลั่งพูดอย่างจริงใจ
“ไสหัวออกไป!” หยูสู้ฉินทนไม่ไหวที่จะบันดาลโทสะ “คุณบอกว่าคุณ ยังปากแข็งอีก! ไสหัวออกไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าคนถ่อยอย่างคุณ คุณจู้จี้จุกจิกเหมือนผู้หญิง ฉันเห็นหน้าคุณแล้วอารมณ์เสีย!”
ฉินหลั่งรีบพูดว่า “คุณ….” ตอนนี้ส้งฉางซิงก็รีบเข้ามาลากตัวฉินหลั่งออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หากไม่นำตัวออกไปสงสัยทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกันแน่……
ตอนนี้ความมหัศจรรย์ของผมขาวเฟยเยว่ก็ได้แพร่สะพัดไปยังหลายสถานที่แล้ว ฉินหลั่งเดินออกนอกประตู ก็พบว่าคนไข้ในโรงพยาบาลก็ล้วนแต่พูดคุยเกี่ยวกับข่าวคราวของผงขาวเฟยเยว่ แต่ละคนพูดอย่างออกรสแสดงออกถึงความยินดี ต่างก็ยกนิ้วหัวแม่มือให้กับยารักษาแผลที่กำลังโด่งดัง
โรงงานผลิตยาเยว่จิ้นตอนนี้สามารถผลิตยาได้สามหมื่นชุดต่อวัน แต่ละชุดมีมูลค่าโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่างประมาณหมื่นห้าบวกลบ ด้วยราคาที่สูงลิ่วเช่นนี้ ปริมาณการผลิตที่รวดเร็วเช่นนี้ แต่เมื่อวางจำหน่ายที่ตลาดก็ถูกแย่งชิงไปจนหมด ผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ในวันนี้ยาจำนวนสามหมื่นชุดที่โรงงานผลิตยาเยว่จิ้นผลิตออกมาได้ถูกพ่อค้าคนหนึ่งชิงลงมือแย่งเอาไปก่อน เขาสั่งสินค้าล่วงหน้าไว้ หล่วนฝูเห็นการค้ารุ่งโรจน์เช่นนี้ ก็เริ่มทำตามความคิดเห็นของหยางจ้างกั๋ววางแผนกว้านซื้อโรงงานผลิตยาอื่นๆเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตสินค้าให้มากขึ้น
หยางจ้างกั๋วกำไรเป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน
ดังนั้นฉินหลั่งก็ได้แต่ยิ้มแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เตรียมตัวออกจากไปโรงพยาบาล แต่เวลานี้เองก็ปรากฏมีภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดทำให้ฉินหลั่งหยุดชะงัก
ฉิวกงเฉิง!
ฉิวกงเฉิงก็ยังเข้ามารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนด้วย แล้วยังเดินไปมาตามระเบียงทางเดิน เพื่อออกกำลังกาย พลางขยับร่างกายไปมือก็หยิบยามาทาแผลตัวเองไปด้วย ไม่ต้องถามเลย ก็คงต้องใช้ยาผงขาวเฟยเยว่แน่นอน
เมื่อก่อนที่นี่เป็นโรงพยาบาลของตระกูลเสี้ยง ฉิวกงเฉิงก็น่าจะคุ้นเคยดี ก็ยังมารักษาตัวที่นี่ ฉิวกงเฉิงคนนี้ก็ยังมีลักษณะเหมือนประชาชนคนธรรมดาทั่วไป ไม่มีทีท่ากฎเกณฑ์มากมายเหมือนอย่างพวกยอดฝีมือวิชาศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งยังยอมรับในวิธีการรักษาแบบสามัญชนทั่วไป
เมื่อก่อนฉินหลั่งเคยให้ความเห็นว่า บาดแผลเก่าที่มีอยู่เดิมนั้นอีกไม่นานก็จะกำเริบ ดูเหมือนว่าฉิวกงเฉิงก็เชื่อคำพูดของเขาแล้วในที่สุด หรือไม่อาจจะกำเริบแล้วตัวเองรักษาไม่ได้จึงเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล? ฉินหลั่งคิดอยู่ในใจ จึงหยุดยืนมองดู
“คุณฉิน สบายดีนะ” ฉิวกงเฉิงเมื่อเห็นฉินหลั่ง ก็เดินเข้ามาหา ส่งยิ้มให้แล้วยื่นมือทักทายฉินหลั่ง แต่ก็รู้สึกเขินเล็กน้อย “คุณฉิน คุณดูสิ ฉันก็มารักษาที่โรงพยาบาลแล้วไง ทำตามที่คุณแนะนำ ฉันผ่าตัดแผลเก่าออก แล้วเย็บแผลใหม่ หลังจากเย็บแผลแล้วก็ใช้ผงขาวเฟยเยว่ ตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ฉันมาคิดแล้ว วิชาการแพทย์สมัยใหม่มันเจริญก้าวหน้าเช่นนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ใช้ล่ะ? พวกเรานักต่อสู้บางคนก็ตามไม่ทันสมัยความคิดล้าหลังไปแล้ว”
“คุณฉิน คุณคงไม่หัวเราะเยาะฉันนะ? มาเข้าโรงพยาบาล? แต่ไม่ใช้พลังภายในของตัวเองรักษาแผลให้กับตัวเอง?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นครับ ท่านฉิวใช้วิธีการรักษาอะไรก็ได้ไม่เป็นไร สำคัญคือรักษาให้ถูกจุดหายแล้วก็ใช้ได้แล้ว เพียงแต่ผมอยากจะขอถามหน่อย ผู้อาวุโสฉิว ในมือของท่านตอนนี้เป็นยาอะไรเหรอ?” น้ำเสียงฉินหลั่งรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย
“คุณหมอฉิน คุณไม่รู้เหรอ นี่เป็นยาแบบใหม่ที่ดังไปทั่วเมืองเย็นจีน ฉันก็ตามทันกับเขาด้วย” ฉิวกงเฉิงพูดอย่างเป็นมิตร “ผงขาวเฟยเยว่ ใช้กับตัวฉันสุดยอดไปเลย”
ฉิวกงเฉิงครุ่นคิดสักครู่ นึกถึงปัญหาเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที นั่นก็คือผงขาวหยุนเซียน เขาเข้าใจขึ้นมาทันที นัยน์ตาก็ส่อทีท่าเลศนัย เปลี่ยนไปเป็นเงียบขรึม
ฉินหลั่งถามต่อไปว่า “ท่านรักษาแผลแล้วเหรอ? ใช้สิ่งนี้เหรอ?”
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันตอนแรกก็คิดอยากจะขอให้คุณหมอฉินรักษาให้ฉัน แต่เพราะฉันรู้สึกว่าช่วงนี้คุณไม่ค่อยว่าง ดังนั้นจึงไม่อยากรบกวน คุณหมอฉินพูดถูกแล้ว ฉันกลับไปฝึกพลังภายใน พบว่าบาดแผลเก่าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ”
“สุดท้ายฉันก็คิดว่า ฉันจะเชื่อถือการแพทย์สมัยปัจจุบัน จึงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลให้โรงพยาบาลจัดการบาดแผลให้ การผ่าตัดที่โรงพยาบาลก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน มันเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างง่ายดาย ฉันแค่อยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็ได้แล้ว”
พูดพลางฉิวกงเฉิงก็ลูบท้องตัวเอง “การผ่าตัดทำสำเร็จแล้ว รู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ จิตใจก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายแล้ว”
ฉินหลั่งเพียงแค่เอ่ยปากถามคำเดียว “ท่านใช้ยาทานี้เหรอ?”
ฉิวกงเฉิงยิ้มให้แล้วพูดอธิบายอย่างออกรสชาติว่า “แน่นอน ประสิทธิภาพดีมากเลย”
ความขัดแย้งระหว่างหยางจ้างกั๋วกับฉินหลั่งนั้นฉิวกงเฉิงก็รู้ดี เพียงแต่ว่าเขาเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ออกหน้าไปช่วยใครหรือทำร้ายใคร ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล ทุกอย่างก็คงต้องอยู่อย่างเงียบๆ อีกอย่างหลานชายตัวเองก็ยังอยู่ในมือของฉินหลั่งด้วย
ฉินหลั่งไม่สนใจว่าฉิวกงเฉิงจะคิดอะไร จึงรีบพูดว่า “อันนี้ใช้ไม่ได้นะครับ ท่านฉิว มันมีปัญหา ยานี้มีปัญหา หากท่านไม่ระวังก็จะถูกทำร้ายจากผลข้างเคียงของยานี้ได้ แผลของท่านไม่เพียงแต่ไม่หาย แต่กลับทำให้สถานการณ์ยิ่งหนักขึ้นไปอีก”
“ผลเสีย? ผลเสียอะไร?” ฉิวกงเฉิงตอนแรกก็ตกใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ “คุณหมอฉิน เรื่องราวในยุทธภพ ฉันก็รู้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่ผงขาวหยุนเซียนไม่ได้แจ้งเกิดนั้น ที่จริงฉันก็ไม่สบายใจ แต่กลับรู้สึกเสียดายด้วยซ้ำ อย่างน้อยฉันก็อยากจะทดสอบประสิทธิภาพของยานี้ด้วย”
“คุณหมอฉินขาดทุนเสียเงินก้อนโตไป ในใจก็ต้องรู้สึกร้อนรุ่ม ฉันก็พอเข้าใจดีอยู่ ฉันเข้าใจความอัดอั้นตันใจของคุณหมอฉินเป็นอย่างดี เพราะว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดฉันก็รู้ชัดเจนมากกว่าคนอื่น”
“เพียงแต่ว่า ตัวเราอยู่ในยุทธภพ ได้พบเจอกับเรื่องราวที่ไม่ถูกต้องก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา คุณหมอฉินคุณเป็นคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถคนหนึ่ง อย่าเพียงเพราะว่าเรื่องนี้แล้วต้องยื้อยุดต่อไปไม่จบไม่สิ้นเลย อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ได้ตัดสินแพ้ชนะไปแล้ว มันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว คุณหมอฉิน เที่ยวพูดไปทั่วว่ายานี้มีปัญหา ก็มีแต่จะทำลายภาพลักษณ์ชื่อเสียงของตัวเอง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยานี้แม้แต่นิดเดียว”
“ดังนั้นแล้วนะ” ฉิวกงเฉิงตบไหล่ฉินหลั่งพูดอย่างจ้ำจี้จ้ำไชว่า “คุณหมอฉิน ฉันขอพูดจากมโนธรรมในจิตใจเลยนะ คุณยังหนุ่ม อนาคตอีกยาวไกล การชนะหรือพ่ายแพ้แต่ละครั้งก็ไม่สมควรที่จะเก็บไว้ในใจ สามารถขึ้นได้ก็ต้องลงมาได้ ยกมันขึ้นมาได้ก็ต้องวางมันลงไปได้ นี่ต่างหากที่จะเป็นคุณสมบัติของผู้กล้าที่แท้จริง”
ฉิวกงเฉิงพูดเตือนฉินหลั่งด้วยท่าทีของคนที่มากประสบการณ์ “ช่างมันเถอะ ชีวิตคนเรามีเรื่องมากมายที่จะต้องปล่อยมันไป มองไปข้างหน้า อนาคตไม่มีขอบเขตจำกัด…..”
ฉินหลั่งมีความรู้สึกเหมือนพูดอะไรไม่ออกไม่รู้จะพูดแก้ตัวอย่างไรดี มองดูนัยน์ตาอันลึกล้ำของฉิวกงเฉิง ก็ได้แต่แสดงท่าทียอมรับ จากนั้นก็เดินจากไป
เมื่อมองร่างของฉินหลั่งจากไป ฉิวกงเฉิงก็หยิบยาขึ้นมา ออกแรงบีบยามากองโต จากนั้นก็ทาไปบนบาดแผลตัวเอง
“แพ้ได้ก็ย่อมชนะได้ ใจแคบเกินไป ยังไงก็ห่างกันคนละชั้น….” ฉิวกงเฉิงส่ายหัวไม่แสดงความรู้สึกใดใดอีก
วันรุ่งขึ้น ฉินหลั่งก็ยังคงออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อป่าวประกาศไปทั่ว แต่ว่าก็ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีกลับมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ชื่นชมผงขาวเฟยเยว่ว่าเป็นยารักษาที่มหัศจรรย์ อีกทั้งต่างก็ดูแคลนความคิดเห็นของฉินหลั่ง
จนถึงใกล้จะมืดค่ำแล้ว ฉินหลั่งจึงกลับมาที่ร้านหุยชุน วันนี้ที่ร้านหุยชุน ไม่เพียงแต่มีคนไข้และหมอ ยังมีพนักงานบางส่วนของบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินที่รอเขาอยู่
เมื่อเห็นฉินหลั่งกลับมา หลู่เหม่ยเฉินก็รีบยกน้ำชาชั้นเลิศ เดินเข้าไปหาฉินหลั่งแล้วถามสารทุกข์สุกดิบ
เธอได้ยินการกระทำของฉินหลั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในใจก็มีความรู้สึกหลากหลายรสชาติที่บอกไม่ถูก จึงไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่ให้กำลังใจฉินหลั่งอย่างเงียบๆให้สู้ต่อไป
หลังจากที่ฉินหลั่งได้ดื่มน้ำชาไปแล้ว รู้สึกสบายขึ้น จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เรื่องราวเกี่ยวกับผงยาเฟยเยว่ฉันได้ไปเกือบทุกที่ทุกหน่วยงานแล้ว ยังไปหาส้งฉางเว่ยด้วย แต่ว่าได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นเกือบทั้งนั้น เรื่องราวไม่ได้รับการตอบสนองเลย โดยเฉพาะส้งฉางเว่ย หน้ายังไม่ได้เห็นเลย”
“พอเถอะค่ะ ฉินหลั่ง พวกเราก็ยอมรับเถอะ” หลู่เหม่ยเฉินเจ็บใจมาก “พวกเราเสียสละทุ่มเทมากมายขนาดนี้ สุดท้ายผลที่ได้รับก็ยังเป็นเหมือนเดิม เป็นใครก็ต้องเสียใจทั้งนั้นคุณเสียใจฉันก็เข้าใจดี”
“แต่ตอนนี้ก็ทำถึงที่สุดแล้ว เรื่องก็ยังเป็นเช่นนี้ พี่ฉินคะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปยื้อต่อสู้กับพวกเขาอีกแล้ว มันจะทำให้อารมณ์ความรู้สึกของคุณถูกกดดันไปด้วยนะ”
หลู่เหม่ยเฉินใบหน้ารู้สึกสำนึกผิด “เรื่องนี้เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ทันนึกถึงหยูฉิง……”
“ท่านประธานฉินครับ เรื่องของสูตรลับยานั้นผมก็ได้ให้ทางการช่วยพิจารณาคดีที่คล้ายคลึงกันอีกครั้ง สอบถามพวกผู้รู้ภายในที่มีประสบการณ์ ส่วนใหญ่ผลสรุปของทุกคนก็ค่อนข้างเหมือนกัน ผมเองก็เคยวิเคราะห์คดีหลายรูปแบบแล้ว แต่ว่าผลสรุปสุดท้ายก็ยังคงแพ้อยู่ดี ไม่มีช่องทางอื่นสำหรับใช้ในการตอบโต้เลย”
เหว่ยฝ่าเทียนพูดเสริมขึ้น “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือหยูฉิงตายแล้ว หลักฐานที่เกี่ยวโยงก็ถูกไฟไหม้ทำลายไปหมดแล้ว ไม่มีทั้งพยานบุคคลและสิ่งของ จะเอาสูตรลับยากลับคืนมามันเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกเราไม่มีทางอื่นให้เดินอีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงทุกอย่าง”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset