รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 733 บุกถล่มงานเลี้ยง

บทที่ 733 บุกถล่มงานเลี้ยง
ลมไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบจัดการต่อ และก็ได้ตบเข้าไปที่หน้าของหลี่เหวินอีกหลายฉาด
เพียงชั่วครู่หลี่เหวินก็ถูกตบจนใบหน้าบวมเปล่ง ใบหน้าที่สวยงามครู่เดียวก็กลายเป็นสภาพที่ดูไม่ได้บูดเบี้ยวไม่เข้ารูป การตบครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก จนถึงขนาดพูดไม่ได้เลย
“ยาม รีบมาด่วน! รีบมากันด่วน! เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ! ”
มีคนตะโกนร้องเรียก ส่วนจงยู่พวกเธอนั้นไม่รู่ว่าไปอยู่กันที่ไหน กลับไม่ทราบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในที่จัดงาน สำหรับพวกยามก็ได้พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะบุกจู่โจมไปที่ลม
สีหน้าท่าทางของลมยังคงขึงขัง ตอบโต้กลับทันควัน จัดการถีบพวกเขาจนกระเด็นลอยขึ้นไปบนอากาศ
เป็นพลังที่รุนแรงมาก กับเอวที่บอบบางอย่างนั้น และความเร็วของการโบกสะบัดมือ ก็แทบจะมองไม่ออกว่าเป็นมือของลมที่ตบออกไป
จากนั้นตอนนี้ฉินหลั่งเองก็เกิดอยากลงมือเองมาก จึงได้เหยียบย่ำลงไปที่น่องของทุกคน ทำให้พวกยามเหล่านั้นถึงกับร้องโอดครวญเสียงดังตามกัน
การลงมือครั้งนี้เลยเถิด จนทำให้หยุดมือลงไม่ได้แล้ว
พวกเขาหวาดกลัวฉินหลั่งเป็นอย่างมาก ขยับตัวถอยหลังไม่หยุด ไม่คาดคิดว่าฉินหลั่งจะมีฝีมือที่เก่งกาจเพียงนี้ เกินความคาดหมายของทุกคน สำหรับสาวน้อยที่งดงามผู้นั้น ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นนักต่อสู้ที่เก่งกาจ
คิดไม่ถึงจริง ๆ ลูกน้องของฉินหลั่งทำไมถึงมีฝีมือที่ร้ายกาจขนาดนี้ ถึงขนาดที่ไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้ลงมือออกอาวุธสวนกลับบ้างเลย
มีคนตะโกนถามขึ้นว่า: “พวกแก ตกลงเป็นใครกันแน่? ”
พวกเขาคือบอดี้การ์ดที่เก่งกาจที่สุดของสวีฉู่เย็น แต่ว่าเพียงแค่พลังโบกมือตบของลมก็ยังไม่สามารถหลบหลีกได้ จิตใจคงจะหวาดผวาอย่างหนักเป็นแน่
“ฉันถามพวกคุณ บัตรเชิญพอไหม? หากไม่พอ ฉันจะให้พวกคุณดูอีก? ” ฉินหลั่งถามขึ้น
น้ำเสียงของเขาสงบมาก และค่อย ๆ เดินเข้ามาที่ด้านหน้าของหลี่เหวิน จ้องมองไปที่หลี่เหวินด้วยสายตาปริบ ๆ
“แก……” หลี่เหวินเศร้าใจอย่างมาก เธอไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะถูกฉินหลั่งกับลูกน้องที่เธอดูถูกเหยียดหยามเล่นงานเข้าหนักขนาดนี้ ลงมือทำร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว ต่อหน้าคนจำนวนมากมาย เกียรติและหน้าตาของเธอนั้นแทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว
ส่วนใบหน้าของหลี่เหวินที่ทำไมถึงกลายเป็นดูไม่ได้บูดเบี้ยวไม่เป็นทรงนั้น เพราะว่าใบหน้าของเธอได้ผ่านการศัลยกรรมมาจนสวยงาม
เธอทราบดีแก่ใจว่าฉินหลั่งและลมนั้นไม่สมควรที่เธอจะไปหาเรื่อง เพียงแต่ตนเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบคนรวยและรังเกียจคนจน
จึงแค่ไม่ต้องการที่จะให้เกียรติแก่ฉินหลั่งพวกเขาก็เท่านั้น
“แกรอก่อนนะ แกจะต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสม! ไอพวกสารเลว! ” หลี่เหวินเคยถูกดูหมิ่นเหยียดหยามแบบนี้ที่ไหนกัน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ร่างกายนั้นไม่ค่อยสะดวกคล่องแคล่วแล้ว: “พวกแกรอก่อนนะ ประธานสวีของพวกเราไม่ปล่อยพวกแกเอาไว้แน่”
“หยูนชิงชิงก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักขึ้นกว่าเดิม จะไม่มีทางปล่อยพวกแกไปอย่างแน่นอน”
ฉินหลั่งไม่ได้พูดอะไร และก็ถีบหลี่เหวินเข้าไปอีกครั้ง ถีบจนหลี่เหวินเองไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ใด ๆ หวาดกลัวจนถึงขั้นไม่กล่าเอ่ยปากพูด
หลี่เหวินไม่หยุดยังตะโกนร้องต่อไป ส่วนฉินหลั่งเองก็ไม่ได้มองเธอแม้แต่น้อย พาลมเดินเข้าไปในงานเลี้ยงที่อยู่ด้านในคฤหาสน์
จากนั้น ก็หยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างของคฤหาสน์ ได้ยินเสียงครึกครื้นที่ดังออกมาจากด้านใน
ฉินหลั่งค่อย ๆ ผลักประตูเปิดออก คนที่อยู่ด้านในยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ ถึงขั้นที่ยังไม่มีใครหันมามองดูฉินหลั่งเลยแม้แต่น้อย
เวลานี้ในลานกว้างของคฤหาสน์มีคนกำลังดำเนินรายการ ซึ่งเป็นพิธีกรผู้ประกาศสาวสวยที่ทางโรงแรมเป็นคนกำหนด น้ำเสียงหนักแน่นกระตือรือร้น ไพเราะน่าฟังมาก
วันนี้แขกที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดา ทุกคนต่างพบปะสังสรรค์พูดคุยกันอย่างคึกคัก ในบุคลิกท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย
ทันใดนั้น ยามด้านในได้รับสัญญาณจากวิทยุสื่อสาร จึงเดินตรงเข้ามาหาฉินหลั่ง ตะโกนใส่ว่า: “แกเป็นใครกัน? ถึงกล้าเข้ามาก่อความวุ่นวาย? ! ”
ฉินหลั่งตกใจ ตนเองไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไรเลย ที่พูดมันหมายความว่าอย่างไร งานเลี้ยงต้อนรับของตนเองพวกบอดี้การ์ดมาตะโกนเสียงดังใส่กันทำไม
แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เดินต่อไปข้างหน้า ทุกคนต่างหากที่พากันตกใจกับเสียงตะโกนเรียกของบอดี้การ์ด จึงได้หันมามองที่ฉินหลั่ง
“บังอาจนัก! ”
สวีฉู่เย็นที่อยู่ที่โต๊ะมองไปทางฉินหลั่งแล้วตะโกนใส่ แล้วจึงเดินเข้ามาหาทางนี้
เมื่อเดินเข้ามาถึง สวีฉู่เย็นจึงพบว่า คือฉินหลั่งที่ตนเองรู้จักมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย จากนั้นพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า: “คือคุณเองเหรอ? ”
“ใช่สิ ก็คือฉันเอง คุณไม่รู้จักงั้นเหรอ? เหอะเหอะ” ฉินหลั่งหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเองไม่ค่อยชอบพอกับสวีฉู่เย็นมานานแล้ว ซึ่งดูจากเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นด้านหน้านั้นก็รู้แล้ว และยิ่งที่ไปทำร้าย หยูนชิงชิงอีก เขายิ่งไม่มีทางปล่อยสวีฉู่เย็นเอาไว้แน่
ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวลานี้เองที่พบว่าด้านหน้าของงานนั้นมีคนล้มเจ็บอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาต่างทราบดีว่า คนพวกนั้นคือพนักงานของคฤหาสน์ NO.7 ทั้งหมด
ทุกคนมีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป สวีฉู่เย็น ใครกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้?
แต่ทว่าช่วงระหว่างนี้ก็เริ่มมีคนที่จะมองออกว่าเป็นฉินหลั่งแล้ว จึงทราบได้ว่างานเลี้ยงในวันนี้จะต้องเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน
หลายคนกลับรู้สึกว่า วันนี้ฉินหลั่งคงจะไม่น่ารอดไปได้แล้ว แต่ส่วนฉินหลั่งเองกลับไม่มีความสะทกสะท้านใด ๆ
สวีฉู่เย็นเพิ่งจะได้รับภาพเขียนตัวอักษรพู่กันของเว่ยสงเฟยมา แน่นอนว่าไม่เกรงกลัวฉินหลั่งอีกแล้ว และมองไปที่ฉินหลั่งด้วยความเย็นชา จ้องมองฉินหลั่งอยู่อย่างนั้น ยิ่งมองยิ่งไม่เข้าตายิ่งเกิดความรังเกียจฉินหลั่งมากขึ้น
บริเวณรอบด้านล้วนเป็นบอดี้การ์ดที่ฉินหลั่งสั่งการมาอารักขาทั้งหมด แต่ฉินหลั่งเองยังคงมีสีหน้าที่เย็นชา วันนี้เป็นการจัดงานเลี้ยงฉลองของคฤหาสน์ฝู่ตง ผู้บริหารสำคัญแต่ละฝ่ายยังไม่มีใครมากันเลยเหรอ ไม่มีใครมารอต้อนรับว่าที่สามีของประธานบริษัทกันเลยเหรอ ที่เป็นถึงผู้บุกเบิกก่อตั้งเลยทีเดียวนะ
แต่ว่าความมั่นใจของฉินหลั่งได้กลายเป็นเรื่องตลกทำให้หลายคนขบขัน พวกเขาต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก ตกตะลึงกับความสงบนิ่งของฉินหลั่งที่มีต่อสวีฉู่เย็น ทุกคนพากันคาดเดา ตกลงฉินหลั่งเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสงบนิ่งถึงเพียงนี้
และที่ยิ่งไม่เข้าใจอีกก็คือ คิดไม่ถึงว่าฉินหลั่งจะทำร้ายพนักงานของโรงแรมด้วย มองดูสภาพชุดเสื้อผ้าของเขาแล้วช่างซอมซ่อยิ่งนัก สมองของฉินหลั่งคงจะมีอะไรผิดปกติไปแล้วเป็นแน่ ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ เหมือนกับว่าจะไม่ให้ความเคารพแก่กฎระเบียบข้อบังคับใด ๆ เลย
พูดตามจริง ในที่นี่สวีฉู่เย็นเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่พิเศษอะไรมากเท่าไหร่ แต่ว่าที่สำคัญคือชุดเสื้อผ้าของฉินหลั่งมันช่างซอมซ่อเกินไป สวีฉู่เย็นเพียงเอ่ยขึ้นคำเดียว ฉินหลั่งคงจะ ถูกรุมซ้อมจนสาหัส อาจจะถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ
เพียงแต่ว่า คำพูดของฉินหลั่งต่อจากนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันตะลึงไปทั้งหมด
“สวีฉู่เย็น แกเป็นใครกันวะ? ! ”
สวีฉู่เย็นมองฉินหลั่งอย่างเหยียดหยาม เขาไม่เชื่อว่า จะไม่มีทางจัดการฉินหลั่งได้ ถ้าหากก่อนหน้านี้ที่เป็นเพราะฉินหลั่งรู้จักกับส้งฉางซิง ยังคงมีความเกรงกลัวต่อตระกูลส้งอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ เขาไม่มีความเกรงกลัวต่อฉินหลั่งเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เพราะเขามีเครื่องรางป้องกันของเว่ยสงเฟย แทบที่จะกล้าหยิ่งผยองกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้เลย
สวีฉู่เย็นแม้ว่าจะเดินตรงเข้ามาทางฉินหลั่ง แต่ก็เพียงมองฉินหลั่งด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เดินถอยหลังกลับไป
“เหอะเหอะ สวีฉู่เย็น แกไม่ใช่เก่งกาจนักเหรอ? ทำไมต้องถอยหลังกลับไปด้วย? ” ฉินหลั่งพูดพร้อมกับหัวเราะ
ส่วนทางสวีฉู่เย็นก็ยิ้มตอบรับอย่างเย็นชา รอดูเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้นกับฉินหลั่ง
ฉินหลั่งค่อย ๆ เดินเข้าไปในลานกว้าง ยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันผิดหวังอย่างมาก ผิดหวังมากจริง ๆ ผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างสวีฉู่เย็น กลับเดินถอยหลังไปแล้ว”
“ไอ้เด็กน้อยอย่ามาทำอวดดี! ฉันจะจัดการแกให้ตายเดี๋ยวนี้! ” คนผู้หนึ่งตะโกนพูดใส่ฉินหลั่ง: “เมิงแม่งพูดอะไรออกมาวะ? เมิงเป็นใครกันวะ? ”
“ประธานสวีเป็นผู้ที่แกจะมาทำอวดดีใส่อย่างงั้นเหรอ อยากจะตายหรือไง? ” ฉินหลั่งได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มเล็กน้อย และก็ถีบออกไปเบา ๆ ฝ่ายตรงข้ามก็กระเด็นออกไปแล้ว
“สวีฉู่เย็น แกเข้ามาสิ! ”
“แม่งเมิงสิ แกกล้าจะมาก่อความวุ่นวาย งานเลี้ยงจัดขึ้นอย่างหรูหรา แกไอคนสารเลว! ” บอดี้การ์ดสิบกว่าคนโมโหอย่างที่สุด และพุ่งจู่โจมเข้ามาหาฉินหลั่ง ส่วนลมก็พุ่งตรงเข้ามาเช่นกัน ซึ่งใช้หมัดชกใช้ขาถีบเข้าที่บอดี้การ์ดสิบกว่าคนนั้น หญิงสาวผู้อ่อนแอ จัดการพวกบอดี้การ์ดล้มลงระเนระนาด และใช้ช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น
ตรงกลางลานก็เกิดเสียงตะโกนดังขึ้นอีก ส่วนทุกคนต่างก็พากันปิดปาก ไม่กล้าที่จะมองดูภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า
ทุกคนต่างล้มลงไปกองกับพื้น โอดครวญที่ไม่สามารถคลานให้ลุกยืนขึ้นได้
ทุกคนพากันตกตะลึงกันไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมลมถึงมีฝีมือที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ ซึ่งเป็นเพียงแค่ลูกน้องของฉินหลั่งเท่านั้น ส่วนฉินหลั่งจะเก่งกาจมากขนาดไหน คาดการณ์แล้วว่าคงน่าจะเก่งกาจไม่เบา มีบอดี้การ์ดที่ฝีมือเยี่ยมยอดขนาดนี้ น่าเกรงกลัวเป็นอย่างมาก
สวีฉู่เย็นหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะออกอาวุธตอบโต้โดยตรงเลย แต่ก็ทำเป็นยิ้มแย้ม ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
แม้ต่อให้เป็นนักต่อสู้ยอดฝีมือ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน แต่สังคมในปัจจุบันนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ก็จะทำให้แกไม่สามารถมีทางที่จะตอบโต้และรับมือได้แล้ว
จากนั้นสวีฉู่เย็นก็โบกมือส่งสัญญาณ เรียกพวกบอดี้การ์ดที่พกอาวุธปืนกลออกมา
ฉินหลั่งพูดอย่างเฉยเมยว่า: “หึ ยังต้องการจะใช้กำลังกันอีกเหรอ? ”
“เด็กวัยรุ่นเอ๋ย แกมันยังอ่อนหัดนัก ไม่รู้ถึงความเสี่ยงและอันตรายของโลกใบนี้ ฉันเตือนให้แกรีบแสดงความขอโทษต่อประธานสวี มิเช่นนั้นแกคงจะต้องรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เข้าใจแล้วยัง? ! ”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในชุดสมัยราชวงศ์ถังลุกยืนขึ้น มีท่าทางที่สง่าและน่าเกรงขาม: “ยังไม่ยอมถอยหลังกลับอีกเหรอ? ”
ฉินหลั่งกลับไปยืนอยู่บนเวทีสูง: “ถอยหลัง? เขาทำร้ายคนยังจะให้ฉันต้องถอยหลังอีกเหรอ? วันนี้ฉันจะมาทวงคืนความยุติธรรม! ”
ขณะที่พูดฉินหลั่งก็ได้ไปแย่งเอาไมโครโฟนมาจากผู้ดำเนินรายการ พูดขึ้นว่า: “ทุกท่าน วันนี้ที่ฉันมาร่วมงานเลี้ยง เป็นความแค้นบาดหมางส่วนตัวกับสวีฉู่เย็น พวกคุณอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด มิเช่นนั้นฉันก็จะไม่เกรงใจอีก”
“ฉันกับหยูนชิงชิงมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เชื่อว่าทุกคนคงจะเห็นข่าวสารกันบ้างแล้ว ส่วนสวีฉู่เย็นผู้นี้ก็คือคนที่บงการ”
“หยูนชิงชิงได้รับบาดเจ็บจากกองถ่ายหนัง ไม่เพียงไม่ได้รับการปลอบใจและดูแลจากสวีฉู่เย็นแล้ว กลับถูกรุมทำร้ายร่างกายอีกด้วย”
“มีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย พูดได้ว่าบาดเจ็บฟกช้ำทั่วไปทั้งตัว กระดูกซี่โครงหัก ศีรษะถูกทุบตี”
“ถ้าหากไม่ใช่หยูนชิงชิงที่หัวชนจนสลบไป สวีฉู่เย็นก็ยังคงจะรุมทำร้ายหยูนชิงชิงอย่างทรมานต่อไปอีกเป็นแน่”
ฉินหลั่งขณะที่พูด ก็ได้กวาดสายตามองไปโดยรอบ ด้วยสายตาเย็นชา: “ดังนั้น ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะต้องการจะพูดเพื่อหยูนชิงชิงมันคงไม่เกินไปใช่ไหม? ”
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างสงบเงียบก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มวิพากษณ์วิจารณ์ สีหน้าล้วนมีท่าทางที่ตะลึงและงุนงง ไม่รู้ว่าระหว่างสวีฉู่เย็นกับหยูนชิงชิงตกลงมีความบาดหมางอะไรกันแน่
เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะว่ากล่าวอะไรต่อสวีฉู่เย็น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง ยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูความเป็นไปก็เพียงพอแล้ว
บางคนที่รู้จักฉินหลั่งก็เริ่มที่จะแอบปาดเหงื่อ อยากที่จะเข้าไปห้ามปราม แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จึงยังไม่กล้าที่จะเข้าไป
ชายผู้อาวุโสในชุดราชวงศ์ถังรู้สึกลำบากใจ ไอขึ้นครั้งหนึ่ง และพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “ต่อให้ประธานสวีเคยได้ทำอะไรไว้กับหยูนชิงชิง คุณก็ไม่ควรที่จะมาสร้างความวุ่นวายที่นี่! ”
“ที่นี่คือสถานที่จัดงานเลี้ยงสานสัมพันธ์มิตรภาพของคฤหาสน์ฝู่ตง คุณทำไมถึงกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้? ”
“ควรใช้วิธีการแก้ไขที่มีวัฒนธรรมความถูกต้อง สามารถแจ้งตำรวจ สามารถฟ้องร้อง ไม่ใช่ว่าจะมาอ้างเหตุผลแล้วใช้กำลังในการแก้ไขจัดการปัญหา”
“พฤติกรรมของคุณในตอนนี้ ไม่ได้มีกฎหมายกฎระเบียบอยู่ในสายตา จะต้องตกอับโชคร้ายเป็นแน่” ชายผู้อาวุโสในชุดราชวงศ์ถังขณะพูดก็หัวเราะไปด้วย อารมณ์ไม่ดีเอาอย่างมาก
“เปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะ! ”
ฉินหลั่งเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว ลงมือจัดการชายผู้อาวุโสในชุดราชวงศ์ถังเข้าอย่างรัว ๆ ตบหน้าติดต่อกันไปหลายครั้ง สุดท้ายชายผู้อาวุโสในชุดราชวงศ์ถังก็กระเด็นกระดอนออกไป และเมื่อพลิกตัวขึ้นจากพื้น ก็ตะโกนตวาดเสียงดัง: “แกกล้าทุบตีข้า ข้าจะจัดการแกให้ถึงที่สุด……”
ขณะที่พูดผู้อาวุโสก็ได้ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาฉินหลั่ง แต่เมื่อเขาวิ่งเข้าไปถึงด้านหน้าของฉินหลั่ง ฉินหลั่งก็ตบเข้าอีกหนึ่งฉาด ผู้อาวุโสก็ถูกตบกระเด็นไปอีกครั้ง
“ใช่สิ ฉันเห็นด้วย หากคุณมีอะไรที่ไม่พอใจ ก็สามารถทำตามวิธีการที่คุณพูดได้ แจ้งตำรวจ ฟ้องร้องได้ทั้งหมดไม่มีปัญหา”
“ห้ามใช้กำลังในการจัดการแก้ไขปัญหา ฉันเตือนคุณไว้ก่อนนะ” น้ำเสียงของฉินหลั่งแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
ชายผู้อาวุโสในชุดราชวงศ์ถังโมโหจนเกือบที่จะกระอักเลือด: “แก……”
ฉินหลั่งหันตัวกลับไปครั้งนี้ แล้วก็มองไปยังสวีฉู่เย็นที่อยู่ตรงข้าม
“เหอะเหอะ ถูกต้องเลย คือข้าที่ทำร้ายหยูนชิงชิง แกคิดจะทำอย่างไร? ”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset