รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 755 ดอกไม้ซานเหยียนปรากฏขึ้นแล้ว

บทที่ 755 ดอกไม้ซานเหยียนปรากฏขึ้นแล้ว
เข้ามาถึงภายในหุบเขาแล้ว ทุกคนรู้สึกแปลกแตกต่างขึ้นมาทันที
ข้างนอกอากาศร้อนจัดทรมานมาก ความร้อนสูงถึง 40 กว่าองศา แต่ภายในหุบเขานั้นเย็นตลอดทั้งปี ราวกับว่ามาถึงสถานที่ท่องเที่ยวของแถบเจียงหนาน บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่แปลกประหลาดกำลังบานสะพรั่ง ส่วนตรงกลางของหุบเขานั้น ล้อมรอบไปด้วยก้อนน้ำแข็งอยู่ภายใน มีบ่อน้ำผุดใส เนื้อที่ประมาณ 10 ตารางเมตร กำลังไหลรินอยู่อย่างเรียบๆ หมอกควันสีเขียวจางๆ ลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำทิพย์นั่น ด้านหลังของบ่อน้ำผุดนั้น ปรากฏมีต้นไม้สูงราว 3 ฟุตอยู่
“น้ำพุชีวิตขั้นเทพ!”
เมื่อเห็นบ่อน้ำผุดนั่น หลิวหย่งเฉียงก็ไม่ยอมละสายตาไปที่อื่นอีกเลย
เขาลืมเรื่องดอกไม้ซานเหยียนจนหมดสิ้น ก้าวขาขึ้น ร่างของเขาก็พุ่งไปเร็วเหมือนม้าวิ่ง เข้าไปยังด้านข้างของบ่อน้ำทิพย์ทันที คุกเข่าลงแล้วใช้มือตักน้ำขึ้นมา ดื่มอย่างมีความสุข
“ฉินหลั่ง ฉินหลั่ง นี่ก็คือน้ำพุชีวิตขั้นเทพในตำนานไง!”
หลิวหย่งเฉียงดีใจเนื้อเต้น หันหลังไปพูดกับฉินหลั่ง
“อึม”
ฉินหลั่งตอบรับ แต่สายตาก็ไม่ละไปจากต้นไม้ต้นเล็กที่อยู่ด้านหลังบ่อน้ำผุดเลย พูดตามความจริงก็คือ ดอกไม้ 3 สี 3 ดอก ที่อยู่ด้านข้างต้นไม้นั้นต่างหาก
“ดอกไม้ซานเหยียน ในที่สุดข้าก็หามันพบแล้ว”
ฉินหลั่งระงับความตื่นเต้นดีใจไว้ เดินเข้าไปทีละก้าว มองสังเกตอย่างละเอียด มั่นใจว่าเป็นดอกไม้ซานเหยียนแน่แล้ว ใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มออกมา
แต่ตอนนี้ หลิวหย่งเฉียงกลับทำหน้าขรึมเดิมเข้ามา
“ฉินหลั่ง น้ำผุดพวกนี้ดูเหมือนว่าไม่สามารถนำออกจากบ่อได้เลย เมื่อนำออกไปแล้วก็จะระเหยไปหมด”
เขาพูดพลางเอามือทั้งสองตักน้ำผุดให้ฉินหลั่งดู ระเหยอย่างรวดเร็วจริงๆ กลายเป็นหมอกควันสีเขียว
“น้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเขาเกิดมาจากการรวมพลังทิพย์เข้าด้วยกัน เมื่อออกจากเทือกพลังทิพย์ เข้ามาอยู่ในสภาพโลกปกติ ก็เหมือนกับเอาเกลือเทลงไปในน้ำ มันก็ละลายไปจากโลกนี้อย่างรวดเร็ว” ฉินหลั่งอธิบายอย่างไม่แปลกใจ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?” หลิวหย่งเฉียงจนปัญญา
“ไม่งั้นก็ต้องบรรจุใส่ขวดหินหยก อย่างนี้ก็ยังประคองไปได้ชั่วระยะหนึ่ง หรือไม่คุณก็ต้องอยู่ที่นี่ อาศัยพวกเขาในการฝึกบำเพ็ญตน” ฉินหลั่งยักไหล่
ฉินหลั่งยังมีอีกวิธีหนึ่งไม่ได้พูดออกมา ถ้าเก็บบรรจุลงในของวิเศษไว้ ก็สามารถที่จะป้องกันไม่ให้น้ำทิพย์ระเหยออกไปได้
บ่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์นี้ใหญ่ขนาดสิบตารางเมตร ปริมาตรความจุน่าจะประมาณสิบตัน หลิวหย่งเฉียงจะไปหาขวดหินหยกมากมายมาจากไหนได้ อีกอย่างบริเวณทะเลทรายที่แสนไกลนับพันลี้อย่างนี้ก็ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย?
เขากัดฟัน สุดท้ายตัดสินใจที่จะอยู่ในหุบเขานี้ เพื่อเริ่มฝึกบำเพ็ญตน ก่อนหน้านี้ได้ไปดื่มน้ำทิพย์ไปอยู่หนึ่งคำ ทำให้พลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นมาครึ่งหนึ่ง มีหรือที่หลิวหย่งเฉียงคิดที่จะอยากจากไป
ฉินหลั่งก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เขานั่งสังเกตดอกไม้ซานเหยียนอย่างเงียบๆ
“ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว ดอกไม้ซานเหยียนต้องใช้เวลาอย่างน้อย7วันจึงจะโตเต็มที่ นั่นก็หมายความว่า ผมต้องรออยู่ที่นี่ 30 วันจึงจะพอ”
ฉินหลั่งลูบคางตัวเอง “ถึงเวลานั้น จางหย่าร่อก็คงจะมาถึงแล้ว!”
เพื่อดอกไม้ซานเหยียนแล้ว รออีก 7 วันจะเป็นอะไรไป อีกทั้งยังมีเทือกพลังทิพย์ที่ดีเช่นนี้ เขาสามารถใช้โอกาสนี้ค่อยๆฝึกบำเพ็ญตนได้
นึกถึงตรงนี้แล้ว ก็เริ่มปลุกเสกอิทธิฤทธิ์ ปล่อยพลังทิพย์สีเขียวออกมา พุ่งตรงไปในก้านดอก แล้วยังเอาหินหยกชั้นเลิศออกมา เสกเป็นค่ายกลรอบๆต้นไม้ เพื่อจะวางค่ายกลสะกดพลังทิพย์ไว้
ข้างนอกหุบเขานั้น กลุ่มนักรบพวกนั้นหลังจากเก็บกวาดสนามรบแล้ว ก็ไม่เห็นร่องรอยของฉินหลั่งและหลิวหย่งเฉียงเลย
……
เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น ฉินหลั่งก็ได้วางค่ายกลเตือนภัยไว้หน้าปากทางเข้าหุบเขา หากมีศัตรูรุกล้ำเข้ามา เขาก็สามารถรับรู้ได้ทันที
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินหลั่งก็เริ่มนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้นั้น เข้าสู่วังวนในการฝึกกรรมฐาน
เวลาผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน สามวัน…….
รุ่งขึ้นวันที่สองนั้น ตอนแรกฉินหลั่งก็กังวลจะมีสัตว์ประหลาดอะไรมารบกวน ทำให้มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาบ่อยครั้ง จึงปล่อยพลังจิตออกมาสแกน หลังจากนั้น ก็ไม่เห็นพวกสัตว์ประหลาดนั้นอีกเลย ฉินหลั่งจึงไม่อยากจะไปสนใจอีก ตั้งหน้าตั้งตาฝึกบำเพ็ญตนต่อไป
เมื่อถึงวันที่ 6 ขณะที่ฉินหลั่งกำลังฝึกกรรมฐานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นทันใด
เขาลืมตาทั้งสองขึ้นมา มองไปยังปากทางหุบเขา ก็เห็นค่ายกลเตือนภัยก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว ปรากฏพวกกลุ่มคนหญิงชายที่แต่งตัวประหลาด ชายหญิงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังรุนแรง บุกเข้ามาภายในหุบเขา
คนพวกนั้นเมื่อเห็นบ่อน้ำทิพย์ ต่างก็ดีใจเนื้อเต้น อุทานด้วยภาษาต่างๆออกมา
“น้ำพุชีวิตขั้นเทพ! เป็นน้ำพุชีวิตขั้นเทพจริงๆด้วย!”
“โอ้สวรรค์ น้ำพุชีวิตขั้นเทพใหญ่ขนาดนี้ มากพอที่จะเสริมสร้างผู้บำเพ็ญเซียนที่ทรงอิทธิพลขึ้นมาได้อีกจำนวนมากเลยทีเดียว”
“ไอ้พวกสมควรตาย ทั้งหมดนี้เป็นของข้า พวกคุณอย่ามา แย่ง มันเป็นของข้าทั้งหมด!”
คนพวกนี้ดูเหมือนมองไม่เห็นฉินหลั่งกับหลิวหย่งเฉียงอยู่ในสายตาเลย จ้องมองอย่างบ้าคลั่งไปยังน้ำพุชีวิตขั้นเทพ
ตอนนี้ หลิวหย่งเฉียงก็ตกใจตื่นขึ้นมา เดินเข้ามาข้างกายฉินหลั่งด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“พวกเขาเป็นใครกัน?”
ฉินหลั่งหรี่ตา เขาสามารถสัมผัสได้จากร่างของคนพวกนี้ ล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังจิตที่แรงกล้า
“ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกผู้แข็งแกร่งจากโลกบำเพ็ญเซียน” หลิวหย่งเฉียงพูดอย่างเคร่งขรึม
เขากำลังจะพูดต่อ ก็มีคนที่อยู่ตรงข้ามบุกเข้ามาแล้ว ตะโกนพูดว่า
“ชาวบ้านธรรมดา2คนนั้น ไสหัวออกไปให้พ้น! น้ำพุชีวิตขั้นเทพนี้ มันเป็นของพวกเราโลกบำเพ็ญเซียน!”
ในเวลาเดียวกับที่กลุ่มบุกรุกพวกนี้บุกเข้ามาในหุบเขานั้น พวกกลุ่มของซิงจ้างกลับมาถึงช้าไปก้าวหนึ่ง ยังยืนงงอยู่หน้าปากทางหุบเขา
พวกเขาเดินไปอย่างช้าๆ พลางเดินไปตามทาง พลางสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบๆที่มีทิวทัศน์แปลกประหลาด
“หุบเขานี้ ทำให้ข้านึกถึงนิทานที่เขาเล่าลือกันมานาน”
ซิงจ้างเดินไปก็พลางพูดคุยไป
สีหน้าของสามผู้ยิ่งใหญ่ท่าทางผ่อนคลาย
ซิงจ้างเอามือล้วงกระเป๋า ราวกับว่ากำลังท่องเที่ยว หยูจืดถือไม้เท้าไว้ สายตาเฉียบแหลม
ความมั่นใจเปี่ยมล้น เหลยซียามเมื่อย่างก้าวบนพื้นดิน เปรียบเสมือนช้างสารส่งเสียงร้อง
พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองมาก อาศัยพละกำลังของพวกเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้กระทั่งพวกที่บุกเข้าไปในหุบเขาก่อนหน้านั้น ยังต้องแบ่งส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของน้ำพุชีวิตขั้นเทพให้กับพวกเขาทั้ง3คนอย่างแน่นอน นี่ก็คือความมั่นใจของสุดยอดผู้แข็งแกร่ง
“เรื่องเล่าลืออะไรกัน” เหลยซีถามขึ้น
กาลครั้งหนึ่งราวทศวรรษที่1960และ1970 มีคนพบเห็นหมู่บ้านโบราณแห่งหนึ่ง คนในหมู่บ้านนั้น หลังจากได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจแล้ว จะแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาด สามารถวิ่งได้เร็วราวกับเสือชีต้า ดุร้ายดั่งเสือเขี้ยวดาบ ผิวหนังทั้งตัวปืนมีดดาบทำอะไรไม่ได้ พละกำลังแรงมหาศาล อีกทั้งยังไม่กลัวตาย ราวกับมนุษย์หมาป่าในเทพนิยาย” ซิงจ้างเล่าไปเรื่อยๆ
“มนุษย์หมาป่า เรื่องผีดูดเลือดพวกนี้ เป็นเทพนิยายสมัยโบราณนานมาแล้วทั้งนั้น ต่อให้เป็นประวัติศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ก็คงสลายหายไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธรรมชาติไปแล้ว”
หยูจืดค่อยๆกระทุ้งไม้เท้า สายตาทั้งสองส่องแสงประกายความฉลาดออกมา
ปรมาจารย์จากลัทธิวูดูคนนี้ เพียบพร้อมไปด้วยความเฉลียวฉลาดความรอบรู้มากที่สุดในปัจจุบัน เขาเคยอ่านตำราโบราณที่สืบทอดกันมามากมายและเทพนิยายทั้งหลาย ตลอดจนประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโบราณทั้งหมด ตำราเกือบทั้งหมดก็อยู่ในกำมือของเขา
“ถูกพบแล้วยังไงต่อไปล่ะ” เหลยซีไม่สนใจพวกนี้ แต่กลับถามด้วยความอยากรู้
“หลังจากพบเจอแล้ว ตอนนั้นกองกำลังมนุษย์ก็คิดจะทำลายล้างหมู่บ้านนี้ แต่ผลสุดท้ายคนในหมู่บ้านนี้ไม่เพียงแต่ทุกคนได้ใกล้ชิดกับปรมาจารย์ขั้นเทพแล้ว อีกทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจน่ากลัวอีกด้วย สามารถที่จะฉีดรถถังเป็นชิ้นด้วยมือเปล่า ปะทะกับลูกระเบิดก็ไม่ตาย กองพลทหารบกหน่วยนั้นเสียหายยับเยิน สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะโจมตีหมู่บ้านนี้ได้สำเร็จ”
ซิงจ้างก็บรรยายต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นหยูจืดหรือว่าเหลยซี สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป
หน่วยกองพลทหารบกของกองกำลังมนุษย์นั้น ก็มีถึงหนึ่งหมื่นกว่าคน รถถังมีถึงหลายร้อยคัน ต่อให้พวกเขา 3 คนได้พบเจอตอนนี้ ก็ยังต้องถอยหลบไป 3 ส่วน ผลสุดท้ายกลับไม่สามารถจัดการหมู่บ้านเดียวได้ จะเห็นได้ว่าหมู่บ้านนั้นมีความน่ากลัวเพียงใด
“ผู้แข็งแกร่งคนนั้น เกรงว่าป่านนี้คงไปอยู่ในระดับขั้นเทพไปแล้วมั้ง ไม่เช่นนั้นแล้วไม่สามารถที่จะต่อสู้กับกองทัพของมนุษย์ได้” หยูจืดคิดไปต่างต่างนานา
“งั้นจุดจบเป็นอย่างไรล่ะ?” เหลยซีก็ไม่อยากจะสนใจ เขาเพียงแต่อยากจะรู้จุดจบสุดท้ายของเรื่องนี้
“จุดจบเหรอ?” ซิงจ้างแสยะยิ้ม “พวกกองกำลังทหารโกรธมาก เลยยิงระเบิดนิวเคลียร์ขนาด 10 ตัน 1 ลูก ทำให้หมู่บ้านนั้นรวมทั้งผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวคนนั้น หายสาบสูญไปจากโลกนี้ไปเลย”
ซิงจ้างพูดคำนี้ออกมา ทั้ง 3 คนก็สงบนิ่งไม่พูดอะไรอีก
หยูจืดและเหลยซีทั้งสองคนสีหน้าเคร่งเครียด แม้กระทั่งซิงจ้างใบหน้าก็เริ่มแสดงความหนักใจ
อาวุธนิวเคลียร์!
หัวข้อสนทนาที่เคร่งเครียดมาก!

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset