ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 101 : ต้องช่วยเหลือตนเองยามสิ้นหวัง

หญ้าอัสนีกลายสภาพเป็นยาวิญญาณระดับกลาง หลังจากใส่ไปในปากของเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว มันได้ทำการระงับพลังงานสายฟ้าภายในร่างกายส่วนหนึ่งให้อ่อนลง

ตามชื่อของมัน สมุนไพรนี่เป็นสิ่งที่ไว้ใช้แปรสภาพพลังงานสายฟ้า ด้วยสามารถปิดกั้นพลังงานสายฟ้า และปรามพลังทำลายร้างอันรุนแรงเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมพลังสายฟ้าได้ดีขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ไอพลังงานสายฟ้าภายในร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุนจึงค่อยอ่อนลง ทำให้เด็กหนุ่มฟื้นคืนสติได้เล็กน้อย อย่างรวดเร็ว และทรงพลัง ด้วยพลังใจที่ไม่ยอมมแพ้ที่เกิดภายในจิตใจ

ไม่มีผู้ใดทราบว่าพรสวรรค์จินตภาพจะถูกพลังงานสายฟ้าภายในร่างกายยั่วยุ แต่มันคมชัดกว่ามากในตอนที่เด็กหนุ่มมองเห็นร่างกายภายในได้อย่างชัดเจน ด้วยภายในเต็มไปด้วยสายฟ้า และมันใกล้จะระเบิดออก หากเขาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในเร็วไว แม้แต่หญ้าอัสนีกลายสภาพก็คงมิอาจช่วยเขาได้

“ตำราราชันพิชิตสวรรค์ พลิกผัน!” เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ โดยปราศจากการครุ่นคิด เด็กหนุ่มคาม และเปิดใช้งานตำราฝึกยุทธ์เพื่อเริ่มนำทางพลังงานสายฟ้าเข้าไปยังเก้าดวงดาว

ทว่า เส้นลมปราณของเขาเต็มไปด้วยพลังงานสายฟ้า มันจึงเป็นเรื่องยากจะเคลื่อนไหวพลังงานผ่านเส้นลมปราณ สิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือกระดูกสายฟ้าดูราวกับกระจายไปทั่วแล้วในตอนนี้ ขณะที่มันหยุดดูดซับพลังงานสายฟ้าที่เหลืออยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์

หากกระดูกสามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าที่แท้จริงออกมาได้ มันจะสามารถดูดซับพลังสายฟ้าได้มหาศาลกว่าที่เคย ในขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนมีระดับยุทธ์ที่ต่ำ หรือบางทีกระดูกสายฟ้าอาจอยู่ระหว่างการวิวัฒนาการ และยังไม่ต้องการพลังงานสายฟ้าเพิ่ม ดังนั้น มีเพียงเซี่ยงเส้าหยุนเท่านั้นที่จะช่วยตนเองได้

“ทะเลจักรวาลดวงดาว จงพัฒนาขึ้น! เซี่ยงเส้าหยุนเปลี่ยนความสนใจ และพัฒนาทะเลจักรวาลดวงดาวแทนด้วยพลังที่เกินออกมา ด้วยทะเลจักรวาลดวงดาวต้องการพลังงานจำนวนมหาศาลเพื่อให้มันเติบโตขึ้น และพลังงานสายฟ้าเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกที่ดี

แต่แน่นอนว่า ทะเลจักรวาลดวงดาวจำเป็นต้องใช้พลังงานหลายประเภท และไม่สามารถเติบโตได้ด้วยพลังงานสายฟ้าเพียงอย่างเดียว หากอาศัยเพียงพลังงานสายฟ้า มันจะกลายเป็นทะเลดวงดาวแห่งการทำลายล้าง แทนที่จะเป็นทะเลดวงดาวแห่งการกักเก็บ

แต่ถึงกระนั้น ทะเลจักรวาลดวงดาวยังคงขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดถึงหกเมตร นี่คือการเติบโตที่เกิดจากระดับยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น และพลังงานสายฟ้า แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เซี่ยงเส้าหยุนยังคงต้องการเคลื่อนย้ายพลังงานสายฟ้าให้มากกว่านี้ เพื่อให้รอดจากภัยอันตราย

“กระบี่ราชันผ่าเมฆา!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนเมื่อเขามองเห็นกระบี่ราชันผ่าเมฆาภายในทะเลจักรวาลดวงดาวกำลังดูดซับพลังงานสายฟ้าอย่างหิวกระหาย แต่เนื่องจากชั้นของทะเลจักรวาลดวงดาวแยกกระบี่ออกจากพลังงานสายฟ้าด้านนอก การดูดซับจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า

หลังจากสังเกตเห็นสิ่งนั้น เซี่ยงเส้าหยุนจึงเปิดทะเลจักรวาลดวงดาว และนำพลังงานสายฟ้าทั้งหมดในเส้นลมปราณเข้าไป กระบี่ราชันผ่าเมฆาเริ่มเผยความตื่นเต้น และเริ่มส่องแสงสว่างขึ้น การเผยตัวของมังกร และพยัคฆ์ได้เผยออกขณะกระบี่ดูดซับพลังงานสายฟ้าจำนวนมาก ทำให้ใบมีดของกระบี่เริ่มค่อยฟื้นฟูอย่างเชื่องช้า

“ทองคำทมิฬ จงละลาย!” เซี่ยงเส้าหยุนสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่กระบี่พยายามจะทำ แม้ว่ามันจะดูดซับพลังงานสายฟ้าทั้งหมด ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ด้วยมันเสียหายอย่างหนักมาก่อนหน้า ดังนั้น การใช้วัตถุดิบบางอย่างเพื่อช่วยในการฟื้นฟูจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ทองคำทมิฬเป็นสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนได้จากตลาดโดยบังเอิญ เดิมทีเขาวางแผนจะสร้างอาวุธแห่งโชคชะตาให้แก่ตนเอง แต่ด้วยกระบี่ราชันผ่าเมฆภายในตัว ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ กระบี่ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับโชคชะตาของเขาไปเสียแล้ว และหากเขาสามารถทำให้มันสมบูรณ์ได้ มันอาจจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นอาวุธแห่งโชคชะตาของเขาได้เช่นกัน

ทองคำทมิฬนั้นแข็งอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่เมื่อดูดซับพลังงานสายฟ้า มันกลับอ่อนลงอย่างมาก กระบี่ราชันผ่าเมฆาดูเหมือนจะมีสติสัมปชัญญะของตนเอง ขณะที่มันพยายามกลืนกินทองคำทมิฬอย่างเชื่องช้า

“ไม่ มันยังไม่พอ ข้าต้องการพลังงานมากกว่านี้” เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกดีขึ้นหลังจากเคลื่อนย้ายพลังงานสายฟ้าจำนวนมากไปที่กระบี่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทั้งที่เขามีพลังงานสายฟ้ามากเกินไป

ด้วยสมองทำงานตลอดเวลา คอยคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มถ่ายเทพลังสายฟ้าที่เหลือไปยังดวงดาวแรก ดวงดาวโดยกำเนิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของมนุษย์ ดวงดาวนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถฝึกฝน เพื่อให้แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป

ดวงดาวประจำตัวมีเพียงจุดเล็กที่มีขนาดเท่านิ้วก้อย แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่ามันช่างกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต หากกล่าวโดยทั่วไป ระดับดวงดาวเป็นระดับที่ดวงดาวของผู้ฝึกยุทธ์จะเริ่มตื่นขึ้น เมื่อไปถึงระดับแปรสภาพ พลังงานดวงดาวจะอยู่ในรูปของแข็ง และเมื่อไปถึงระดับราชา ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถจุดประกายดวงดาวเพื่อปลดปล่อยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดได้

ในตอนนี้ เซี่ยงเส้าหยุนจดจ่อกับพลังงานสายฟ้าที่ส่งเข้าไปยังดาวดวงแรกภายใน แทนที่จะกระจายไปให้ทุกดวงดาวอย่างเท่าเทียม พลังงานสายฟ้าเป็นรูปของพลังงานอันบริสุทธิ์ ทั้งหยาบ และมีพลังทำลายล้างสูง ดวงดาวของผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวสามารถรับพลังงานสายฟ้านี้ได้ทั้งหมด

ในความเป็นจริง มีเพียงระดับแปรสภาพเท่านั้นที่จะเริ่มดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ที่ยังไม่ถูกสกัดเข้าไปในดวงดาวได้ เมื่อพลังงานสายฟ้ามาบรรจบกับดวงดาวของเด็กหนุ่ม เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกเจ็บปวดราวกับดวงดาวกำลังจะระเบิด เขารู้สึกราวกับกำลังจะตายในไม่ช้า

โชคดี ด้วยตำราราชันพิชิตสวรรค์ได้แสดงพลังขึ้น มันรวยรวมพลังที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งเส้นลมปราณของเซี่ยงเส้าหยุน และใช้มันอย่างเชื่องช้าเพื่อยับยั้งพลังงานสายฟ้าที่กำลังบ้าคลั่ง ควบคู่ไปกับพลังของหญ้าอัสนีกลายสภาพ พลังงานสายฟ้าส่วนเกินได้รวมเข้ากับดวงดาวแรกอย่างเต็มที่

“อ๊ากกกก!”

เซี่ยงเส้าหยุนคำรามด้วยความเจ็บปวด ราวกับร่างกายกำลังจะฉีกออกจากกันเหมือนว่ามันมีชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความดื้อรั้นอันไร้ของเขตซึ่งเกิดจากการสืบทอดแห่งเจตจำนงซึ่งได้รับเมื่อไปยังวังวรยุทธ์ ขณะที่เขาไม่ยอมเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด และทุกข์ใจ ทำให้สติเข้มแข็ง และแข็งแกร่งขึ้น

“เรายังไม่ได้ชำระแค้น และยึดเอาทุกสิ่งกลับคืนมา เพราะงั้นจะตายที่นี่ไม่ได้ ปราบปรามพลังงานสายฟ้า!” ความมุ่งมั่นของเซี่ยงเส้าหยุนแข็งแกร่งขึ้น จนในที่สุดก็ถึงจุดสูงสุดใหม่ ทุบโซ่ตรวนออก และลืมเลือนความรู้สึกอันเจ็บปวดที่กำลังเผชิญ และยังผลักดันพลังงานสายฟ้าที่เหลือทั้งหมดในร่างกายไปยังดวงดาว

ดูเหมือนว่าดวงดาวจะสัมผัสได้ถึงความดื้อรั้นอันไร้ขอบเขตของเซี่ยงเส้าหยุน ขณะที่มันเริ่มส่องแสงสว่างขึ้น ราวกับว่ากำลังจะกลายเป็นดวงดาวที่แท้จริง มันดูดซับพลังงานสายฟ้าทั้งหมด และด้วยกนะแสไฟฟ้าที่ประทุไปทั่วทั้งพื้นผิว จึงมีลักษณะราวกับดวงดาวอัสนีที่เต็มไปด้วยพลังงานสายฟ้าอันบริสุทธิ์

หลังจากการกลายสภาพของดวงดาวเสร็จสิ้น กระดูกสายฟ้าของเซี่ยงเส้าหยุนก็เริ่มแปรสภาพ มันเริ่มส่องสว่าง แสงของมันเริ่มเชื่อมต่อกับแสงจากดาวดวงแรก ทะเลดวงดาวได้เริ่มส่องแสงสีม่วง ในบางครั้ง อาจพบเห็นมังกรทะยานขึ้น และเสือที่เสือที่กำลังตะปบ ทำให้ท้องทะเลสีครามดูสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้

พลังงานสีม่วงพวยพุ่งออกมาจากเส้นลมปราณ อวัยวะ และกระดูกของเซี่ยงเส้าหยุนอย่างรวดเร็ว  ภายใต้การดูแลของพลังสีม่วง บาดแผลของเขาเริ่มฟื้นฟู แร้งสายฟ้าได้ปกป้องเซี่ยงเส้าหยุนมาตลอด และมันเห็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงเผยท่าทีตกตะลึงอย่างที่สุด

มันไม่สามารถมองเห็นการกลายสภาพภายในของเด็กหนุ่มได้ แต่มันเห็นการกลายสภาพทางกายภาพของเซี่ยงเส้าหยุน รอยแตกได้เกิดขึ้นบนผิวหนังตามร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset