ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 100 : ของเหลวอัสนี

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

สายฟ้าจำนวนมากผ่าลงมาจากเบื้องบน ทำให้พื้นดินเต็มไปด้วยรอยแตก และต้นไม้ที่ถูกเผาไหม้ สำหรับราชาสายฟ้าเยาว์วัน เนื่องจากการเตรียมการเพื่อจับแร้งสายฟ้า เขาต้องต้องต่อต้านกับความทุกข์ทรมานจากฟ้าผ่าเช่นกัน เขาหวาดกลัวอย่างมาก และพยายามหลบหนีอย่างสุดกำลัง

แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไกลแค่ไหน ภัยพิบัติก็ได้ขังเขาเอาไว้ ตอนนั้นเอง สายฟ้าได้ผ่าลงมา ใกล้เคียงกัน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ขณะเดียวกันกับเซี่ยงเส้าหยุน สถานการณ์ตอนนี้ราวกับโศกนาฎกรรม เขาไม่อาจยกแขนขึ้นได้ และทำได้เพียงนอนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะได้ผลกระทบจากการเสี่ยงภัยครั้งนี้

สายฟ้าจำนวนมากโปรยปรายลงมาบนราชาแร้งสายฟ้า ในขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งได้ถูกดึงดูดจากไม้อัสนีบาตเข้าหาเซี่ยงเส้าหยุน  ทุกสิ่งรอบตัวได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น ทำให้พื้นที่ทั่วทั้งบริเวณรกร้างเพราะสายฟ้าอันบ้าคลั่ง

ต้นไม้ทั้งหมดถูกทำลายสิ้น แม้แต่หญ้าบนพื้นก็ถูกเผาไหม้จนเหี้ยน และเลือดสดกระจายไปทั่วทุกแห่ง ราชาแร้งสายฟ้าร้องเสียงหลงซ้ำแล้วซ้ำมาขณะได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงอย่างนั้น แก่นปีศาจของมันยังคงแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่มันรอดชีวิตมาได้ ก็จะจุติเป็นราชาตนใหม่

เซี่ยงเส้าหยุนนอนอยู่กับพื้นราวกับคนตาย ในขณะที่กระดูกสายฟ้าเติบโตขึ้น แต่การเติบโตที่นี่ไม่ได้ทำให้เกิดกระดูกสายฟ้าชิ้นใหม่ แต่เป็นจุดสีม่วงกระจายไปตามกระดูกสันหลัง

เมื่อจุดสีม่วงแพร่กระจายไป ทำให้กระดูกสันหลังแข็งขึ้นจนหาที่เปรียบไม่ได้ ขณะเดียวกัน มันเริ่มเปล่งออร่าดั้งเดิมขณะกลินกินพลังงานสายฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน

สายธารแห่งพลังงานสายฟ้าอันบริสุทธิ์ได้ไหลไปตามกระดูกสายฟ้า ขณะเก้าดวงดาว และทะเลจักรวาลดวงดาวส่องสว่างเจิดจ้า ทำให้ร่างกายภายในของเซี่ยงเส้าหยุนส่องแสง เป็นสถานการณ์ที่ดูราวกับกำลังยั่วยุภัยพิบัติ สายฟ้าผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าใส่เขา

ราชาแร้งสายฟ้าเริ่มทุกข์ใจในขณะที่เห็นสายฟ้าที่นั่น มันร้องด้วยความสิ้นหวัง และพยายามดิ้นรนต่อไป แม้ภัยพิบัติจากสายฟ้ากำลังจะหยุดลง แต่ด้วยบางเหตุผล ยังคงมีสายฟ้าจำนวนมากหลงเหลืออยู่บนท้องฟ้า

โชคดีสำหรับราชาแร้ง ภัยพิบัติได้เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ขณะสายฟ้าทั้งหมดกำลังผ่าไปที่เซี่ยงเส้าหยุน มันผ่าลงไปที่ไม้อัสนีบาต จนไม่ทั้งท่อนแตกเป็นเสี่ยง ของเหลวสีม่วงบางส่วนไหลออกจากภายใน

หากมีผู้ใดพบเห็นสิ่งนี้ พวกเขาคงจะร้องออกว่า “ของเหลวอัสนี” ด้วยความตื่นเต้น

ของเหลวอัสนีเป็นของเหลวที่มีคุณภาพสูงซึ่งเกิดจากพลังงานสายฟ้ามากมาย ทุกหนึ่งหยดของมันมีพลังมหาศาลที่ยากจะจินตนาการถึง ไม่มีผู้ใดทราบว่าของเหลวอัสนีเพียงเล็กน้อยที่ไหลออกจากไม้ท่อนนี่ หรือเกิดจากฟ้าผ่ากันแน่

ไม่ว่าอย่างไร ก็นับเป็นโอกาสอันดี ในตอนที่ของเหลวอัสนีได้ปรากฏขึ้น กระดูกสายฟ้าของเซี่ยงเส้าหยุนเริ่มคลุ้มคลั่ง เผยแรงมหาศาลพยายามดึงดูดของเหลวเข้าสู่ร่างกายเพื่อกลืนกิน

และในชั่วขณะที่กระดูกสายฟ้าดูดซับของเหลวอัสนี พลังงานสายฟ้าภายในของเซี่ยงเส้าหยุนได้เพิ่มขึ้นมหาศาล จนทำให้ทะเลสาบดวงดาวภายในส่งเสียงร้อง

“โฮก! โฮก!”

ทันใดนั้น ภาพมังกรสีม่วงได้ปรากฏตัวขึ้น มันร้องโหยหวนบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด ดูเหมือนพยายามจะเป็นอิสระจากกรงขังเพื่อทะยานไปบนสวรรค์ทั้งเก้า ตอนนั้นเองที่เก้าดวงดาว และทะเลจักรวาลดวงดาวภายในเซี่ยงเส้าหยุนยิ่งมีพลังงานมากขึ้น

อีกครั้งที่ความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนเพิ่มขึ้น การชำระล้างร่างกายด้วยพลังงานสายฟ้าที่มีมากมายได้บีบคั้นศักยภาพของเขาออกมามากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ช่วงท้ายของระดับดวงดาวขั้นสี่ ด้วยการเติบโตครั้งนี้ เขาได้บรรลุขั้นห้า และยังคงแข็งแกร่งขึ้น พลังงานอันไร้ขอบเขตยังคงไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณขณะที่ระดับยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วงต้นของขั้นห้า ช่วงกลางของขั้นห้า ช่วงท้ายของขั้นห้า…แม้แต่ขั้นตอนที่ช้าที่สุดของขั้นหกก็ไม่อาจหยุดยั้งพลังอันไร้ขอบเขตนี้ได้

ถึงกระนั้น พลังงานที่พลุ่งพล่านก็ยังดูเหมือนจะไม่หยุดนิ่งในเร็วไว ราวกับภัยพิบัติจากน้ำท่วม พลังงานได้ทะลุผ่านภายในร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน และพันธนาการเขาไว้ ทำให้ระดับยุทธ์พุ่งสูงขึ้น และสูงขึ้นโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากเขายังปล่อยมันไว้เช่นนี้ อาจจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการบรรลุระดับยุทธ์ จนกระทั่งร่ายกายระเบิดออก และตายในที่สุด

“โฮก! โฮก!”

มังกรสีม่วงคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่มันจะทะลุออกมาจากร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุนในที่สุด การเผยตัวของมันกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ปล่อยแรงกดดันใส่ทุกชีวิตในระยะ ราชาแร้งสายฟ้ายังคงอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวเซี่ยงเส้าหยุน แต่เมื่อมังกรสีม่วงปรากฏตัวออกมัน ทำให้มันหวาดกลัวจนแทบสิ้นลม

ด้วยร่างกายของมันบาดเจ็บสาหัส และสั่นคลอน จึงไม่อาจต้านทานการเผยตัวได้ และร่างกายถูกแรงกดทับลงกับพื้นดินในที่สุด ราชาแร้งสายฟ้าร้องเสียงดังด้วยความกลัวสุดขีด และในเวลาเดียวกันนั้น มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าหวาดเกรงที่ไม่อาจต้านทานได้ และจะสาบานจะเชื่อฟังสิ่งมีชีวิตตรงหน้า

การเผชิญหน้ากับมังกรสีม่วงนั้นคล้ายคลึงกับการเผชิญหน้าต่อมังกรอัสนีตัวจริง และการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกว่านั้น แร้งสายฟ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคำนับ ก่อนที่มังกรสีม่วงจะทะลุไปสู่อิสรภาพจากร่างของเซี่ยงเส้าหยุน ทันใดนั้นมันก็อันตรธานหายไป

ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งตอนนี้ไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ หากพลังอันคลุ้คลั่งในร่างกายไม่อาจควบคุมได้ ในที่สุดอวัยวะภายในจะระเบิดออก และเขาก็จะตาย

เมื่อแรงกดดันถูกคลายลง แก่นของราชาแร้งสายฟ้าได้ถึงเอาพลังงานสายฟ้าเข้าไป และเริ่มก้าวสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการเติบโต แปรเปลี่ยนเป็นราชาปีศาจที่แท้จริง

มันได้ตรงไปยังช่วงท้ายของปีศาจราชาขั้นแรก ก่อนที่ภัยพิบัติจะมาถึง มันได้ดูดซับเอาพลังงานสายฟ้าจากธรรมชาติจำนวนมาก สร้างแหล่งพลังงานมากมาย เพราะเหตุนี้ หลังเติบโตขึ้น มันจึงสามารถบรรลุได้ถึงช่วงท้ายของขั้นแรก ทำให้ขั้นสองอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ราชาแร้งกำลังใช้โอกาสนี้หลบหนีไป แต่เมื่อเหลือบไปเห็นเซี่ยงเส้าหยุน มันสามารถเห็นได้ว่าร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุนได้ถูกหุ้มด้วยพลังงานสายฟ้าหนาแน่น พลังงานสายฟ้าซึ่งทำให้ราชาสายฟ้าต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่ในเวลาเดียวกัน ราชาแร้งกลับรู้สึกใกล้ชิดอย่างยิ่งในเวลาที่จ้องมองเด็กหนุ่ม

หลังจากครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง ราชาสายฟ้าได้บินขึ้นไปบนฟ้า และอุ้มเซี่ยงเส้าหยุนไว้ในกรงเล็บ มันส่งเสียงร้องก่อนจะบินไปยังดินแดนแห่งสายฟ้าพร้อมเซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งเป็นอาณาเขตที่แท้จริงของราชาแร้งตัวนี้ และด้วยมีแร้งสายฟ้ามากมายอาศัยอยู่ จึงไม่มีมนุษย์คนใดกล้ล่วงล้ำเข้าไปในที่แห่งนี้

หลังจากมันส่งเสียงร้อง แร้งสายฟ้าจำนวนมากได้บินขึ้น และสร้างแนวตั้งรับอีกครั้งรอบตัวราชาของมัน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเพิ่งมาถึง และทำได้เพียงมองดูฝูงแร้งสายฟ้าที่อยู่เบื้องบน เขาไม่อาจแม้จะมองเห็นเซี่ยงเส้าหยุนได้

“คุณชายอยู่ที่ไหนกัน? มีสิ่งใดเกิดขึ้นกันแน่?” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม

ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดกับเซี่ยงเส้าหยุน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงพยายามตามหาเด็กหนุ่ม หากเซี่ยงเส้าหยุนยังคงอยู่ที่นี่ ราชาสายฟ้าเยาว์วันจะต้องย้อนกลับมาแน่ แล้วทุกสิ่งจะยิ่งเลวร้ายขึ้น

ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงไม่อาจทราบได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนยังอยู่ใกล้เคียงนี้หรือไม่ แต่เซี่ยงเส้าหยุนได้ถูกราชาแร้งจับตัวไปแล้ว หลังจากนำเซี่ยงเส้าหยุนมาที่ดินแดนของตน ราชาแร้งได้วางเซี่ยงเส้าหยุนลง และนำก้านพืชสรม่วงวางไว้ใกล้เคียง

หญ้าอัสนีกลายสภาพ!

นี่คือยาวิญญาณที่จะเติบโตขึ้นเฉพาะสถานที่ซึ่งสายฟ้ารวมตัวกัน มันสามารถทำให้พลังงานสายฟ้าอ่อนลง และรักษาบาดแผลจากฟ้าผ่าได้ ราชาแร้งได้ป้อนหญ้าอัสนีกลายสภาพให้เซี่ยงเส้าหยุน โดยการป้อนไว้ในปากเด็กหนุ่มโดยตรง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset