ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 102 : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เซี่ยงเส้าหยุนตายแล้วหรือ? ไม่ เขายังไม่ตาย เขาเพียงแต่ผลักเซลล์ผิวใหม่ เฉกเช่นมนุษย์ มีคำกล่าวว่า เราสามารถจำแลงกายแลกกระดูกได้ แต่ทำได้เฉพาะผู้ที่มีระดับยุทธ์ที่สูงเท่านั้น เมื่อถึงขั้นที่สามารถผลัดเซลล์ผิวหนัง และเปลี่ยนอวัยวะของตนเอง เพื่อนำมาซึ่งแหล่งชีวิตใหม่ ฟื้นคืนความเยาว์วัยให้กลับมาแข็งแรง

นั่นเป็นขั้นที่ตำนานเล่าขานเท่านั้น

แต่สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นกับเซี่ยงเส้าหยุนตอนนี้ ราวกับร่างกายของเด็กหนุ่มกำลังฉีกขาดออกจากกัน แต่แท้จริงแล้ว เขาเพียงแค่ผลักเซลล์ผิวหนัง และสร้างใหม่เท่านั้น ด้วยเพิ่งเริ่มเส้นทางในการฝึกยุทธ์ แต่กลับสามารถผลัดเซลล์ผิวได้ สิ่งนี้ดูยากเกินจะเชื่อ

นอกเหนือจากผิวหนังแล้ว อวัยวะก็ได้ถูกเปลี่ยนเช่นกัน ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น ความมีชีวิตชีวาที่เพิ่งได้รับไม่ควรถูกมองข้ามไป ด้วยเป็นสิ่งที่ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนมีอายุขัยยืนยาว ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง

หรือหากกล่าวสิ่งอื่น หลังจากกระบวนการนั่น ถ้าหากระดับยุทธ์จะยังคงอยู่ที่เดิม แต่เขาก็จะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวคนอื่น ในความเป็นจริง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพก็มีอายุขัยไม่เท่าเขาเช่นกัน

กระบวนการผลัดเซลล์ผิวใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากนั้น เมื่อเซลล์ผิวหนังไหม้เกรียมหลุดออกจากร่างกาย เผยผิวใหม่ที่อ่อนโยนราวกับผิวหนังของทารก ผิวหนังซึ่งสวยงามจนสตรีจะต้องอิจฉา

บุรุษจะมีผิวที่งดงาม และอ่อนเยาว์ได้อย่างไร?

เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจตื่นได้ทันทีหลังจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นภายในร่างกายของเด็กหนุ่มเช่นกัน ในตอนนั้นเอง กระดูกสันหลังครึ่งหนึ่งได้เปลี่ยนเป็นสีม่วง เผยลวดลายแกะสลักแปลกประหลาดราวกับเกล็ดมังกรที่สามารถมองเห็นได้บนกระดูกสายฟ้า

หากมีผู้พบเห็นสิ่งนี้ จะทราบได้ทันทีว่าสิ่งนี้เป็นกระบวนการกลายสภาพที่รุนแรง และน่าตื่นตระหนก นอกเหนือจากนี้ กระบี่ราชันผ่าเมฆาภายในทะเลจักรวาลดวงดาวยังหล่อหลอมเข้ากับทองคำทมิฬโดยสมบูรณ์

กระบี่ได้เปล่งพลังงานสายฟ้าออกมา ทำให้มันดูทรงพลัง และน่าประทับใจยิ่ง ไม่มีผู้ใดทราบระดับในตอนนี้ของกระบี่ บางทีมันอาจจะกลับไปเป็นอาวุธราชาแล้วก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพียงอาวุธระดับสามเท่านั้น แต่ด้วยพลังงานสายฟ้า มันก็เปรียบได้กับอาวุธสายฟ้าอันทรงพลัง

นอกเหนือจากนั้น การเชื่อมต่อระหว่างกระบี่ราชันผ่าเมฆา และเซี่ยงเส้าหยุนก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เขารู้สึกถึงกระบี่ได้จากโลหิต และด้วยบางเหตุผลที่ไม่อาจทราบได้ บางทีอาจเป็นเพราะการฟื้นตัวของกระบี่ หรืออาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองเกี่ยวข้องกับมันอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ดาวดวงแรกที่เต็มไปด้วยพลังงานสายฟ้าจำนวนมหาศาลตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าดาวดวงอื่นมากนัก มันเปล่งประกายสีม่วงออก และหากสังเกตให้ดี ดาวดวงนี้จะส่องสว่างกว่าดวงดาวอื่น

เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการดูดซับพลังงานสายฟ้าจำนวนมหาศาลเข้าไป เส้นลมปราณในร่างกายได้ขยายใหญ่ขึ้น อวัยวะได้ถูกชำระล่าง กระดูกเองก็แข็งแกร่งขึ้น

หลังจากเรียนรู้ร่างกายตัวเองด้วยพรสวรรค์จินตภาพ ในที่สุดเซี่ยงส้าหยุนก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงสภาพในปัจจุบันของเขา เขาไม่รู้ว่าเหตุใด ตนเองจึงสามารถมองเห็นภายในได้ แต่ด้วยไม่อยากใช้เวลามากมายนักในการคิดถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าในกรณีใด การได้รับความสามารถถือเป็นสิ่งที่ดี

หลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เขาลุกขึ้นจากพื้น และคำรามเสียงหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พรนั้นมักจะอยู่เบื้องหลังหายนะเสมอ!”

หลังจากรอดพ้นจากความตาย ระดับยุทธ์ของเขาได้บรรลุถึงช่วงกลางของระดับดวงดาวขั้นเจ็ด ด้วยบรรลุไปถึงสามขั้นในคราเดียว ช่างเป็นความเร็วอันน่าหวาดหวั่นนัก หากไม่ใช่เพราะเขาเบี่ยงเบียนพลังงายสายฟ้าจำนวนมากออกไป อาจจะทำให้เติบโตขึ้นกว่านี้เสียอีก แน่นอนว่า หากเขาทำเช่นนั้น จะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะตายจากร่างกายระเบิด

เซี่ยงเส้าหยุนไม่เคยรู้สึกถึงพลังที่เติมเต็มมาก่อน และเขารู้สึกได้ว่าตนเองสามารถสังหารปีศาจชั้นกลางได้ด้วยเพียงการต่อยเท่านั้น

“ดูเหมือนเราต้องค้นหาสัตว์ปีศาจสักหน่อย และทดสอบความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนี้” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบาขณะเหยียดแขน แต่แน่นอนว่าหลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมอง ด้วยบางเหตุผล มีความรู้สึกชวนขนลุกจากดวงตาคู่นั้น

เขามองไปยังทิศทางที่รู้สึกถึงการจ้องมอง ที่นั่น มีแรงสีม่วงขนาดใหญ่กำลังจ้องมอง ในดวงตาเผยแสงอันแปลกประหลาด แร้งสายฟ้าตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าแร้งสายฟ้าทั่วไปมากนัก และขนสีม่วงแถวหนึ่งตั้งตรงเหนือหัวมันดูราวกับมงกุฎขนนก ทำให้มันดูสง่างามจนหาที่เปรียบมิได้

เด็กหนุ่มใช้การเผยตัวแห่งราชา เพื่อเพิ่มระดับให้กับตนเอง เซี่ยงเส้าหยุนสามารถมองเห็นความแตกต่างของแร้งสายฟ้าตัวนี้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ม่านตาของเด็กหนุ่มหดลง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “ราชาแร้งสายฟ้า!”

ก่อนหน้านี้เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนรวบรวมพลังสายฟ้า เขาไม่มีโอกาสได้เห็นแร้งตัวนี้ได้อย่างชัดเจน และในตอนท้าย เมื่อแร้งสายฟ้ากำลังเผชิญกับความทุกข์ยากข้างกายเขา เด็กหนุ่มกลับรู้สึกมึนงงไปหมด

เห็นได้ชัดว่าแร้งราชาได้กลายมาเป็นราชาปีศาจแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้น เจายังรู้สึกว่าผมของตนเองลุกชันขึ้นเมื่อราชาแร้งจ้องมอง เขาเริ่มคิดหาทางหลบหนี แต่กลับกลับพบว่าไม่มีสิ่งใดจะช่วยเขาได้แม้แต่น้อย

ดูเหมือนกลอุบายใดก็ไร้ประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้

“วะ ว่าไง ท่านราชาแร้งสายฟ้าที่เคารพ ขะ ข้าแค่ต้องการเดินผ่านไป เอาล่ะ ขะ ข้าไปแล้วนะ อย่ารั้งข้าไว้เลย” เซี่ยงเส้าหยุนแสร้งทำเป็นสงบ และทำความเคารพราชาแร้งสายฟ้า ก่อนจะออกไป

“เจ้ามิต้องเกรงกลัวข้าหรอก ข้าไม่กินเจ้า” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าว ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะทันได้เริ่มวิ่งหนี

เซี่ยงเส้าหยุนหยุดเคลื่อนไหว และหันกลับไป “จริงหรือ?”

“แร้งอย่างเราไม่เคยโกหก!” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และกล่าวเสริม “หากเจ้ากลัวข้าจริง ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เอง”

“เหอะ เหอะ ราชาแร้งสายฟ้า เนื่องจากท่านไม่คิดจะกินข้า เหตุใจข้าจึงต้องกลัวท่าน” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะออก

แม้เขาจะสับสนว่าเหตุใดราชาแร้งสายฟ้าจึงไม่กินเขาเสีย แต่ก็ไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว คำมั่นสัญญาของสัตว์ปีศาจดูจะน่าเชื่อถือมากกว่าคำมั่นของมนุษย์เสียอีก

ทันใดนั้น ราชาแร้งสายฟ้าได้กลายร่างอยู่ในรูปร่างของมนุษย์ผู้ชายวัยกลางคน และขนสีม่วงก็กลายเป็นชุดคลุมสีม่วง เขามีศีรษะที่มีผมแหลมสีม่วงพลิ้วไสวเบาบางในอากาศ ทั่วทั้งตัวเปล่งประกายความแข็งแกร่ง และพลัง เห็นได้ชัดว่าการกล่ายร่างยังไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากบางส่วนยังคงสภาพรูปลักษณ์ของสัตว์ปีศาจเอาไว้ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงของผู้ที่มีระดับยุทธ์สูงมากจึงจะทำได้

“โปรดเข้ามาเยี่ยมชมถ้ำของเราก่อนเถิด” ราชาแร้งสายฟ้าเชิญชวน หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาจึงเริ่มมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งนั้นทันที

เซี่ยงเส้าหยุนตามเข้าไปอย่างไม่ลังเล แต่ชั่วขณะที่เด็กหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหว เขากลับรู้สึกเย็นยะเยือก เขามองลง และร้องออกในทันที “บ้าเอ้ย เสื้อผ้าข้าไปไหน?”

ตอนนี้เด็กหนุ่มตัวเปลือยเปล่า ที่สำคัญกว่านั้น ราชาแร้งสายฟ้าได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่านี้ ช่างไม่ยุติธรรม! ราชาแร้งสายฟ้าเป็นชายรูปร่างกำยำ ไม่ใช่นางจิ้งจอกสาวแสนเย้ายวน!

เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกอยากตายในทันที

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset