ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 133 : สมบัติมากมาย
ไม่มีผู้ใดทราบว่าพยัคฆ์ขาวอยู่ในระดับใด แต่โครงกระดูกของมันเป็นวัตถุดิบชั้นยอด กระบี่ราชันผ่าเมฆายังคงเสียหายอยู่ และกระดูกพยัคฆ์ขาวสามารถซ่อมมันได้
เป็นเหตุผลเซี่ยงเส้าหยุนจึงมองดูกระดูกพยัคฆ์ขาวด้วยความตื่นเต้น เขาถูมือขณะเดินเข้าหาพยัคฆ์ขาว เมื่อวางมือบนโครงกระดูก ได้เกิดความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งซึ่งหาที่เปรียบมิได้
“พยัคฆ์ขาวเป็นถึงสัตว์ปีศาจระดับสูงสุด แม้จะสิ้นชีพมาหลายปี แต่โครงกระดูกยังคงสมบูรณ์ เพียงชิ้นส่วนกระดูกชิ้นเล็กก็มีราคาสูงลิบ” เซี่ยงเส้าหยุนคร่ําครวญ
เขาทราบดีว่าโครงกระดูกนี้เกี่ยวข้องกับเสี่ยวไป และตนเองยัง ด้รับผลประโยชน์จากวิญญาณพยัคฆ์ขาวเช่นกัน ด้วยไม่ควรแม้จะมองไปยังโครงกระดูกที่มีพระคุณเช่นนี้
แต่เซี่ยงเส้าหยุนเหลือตัวเลือกเพียงน้อยนิด เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกัน อาวุธของเขาเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน แม้กระบี่ราชันผ่าเมฆาจะเป็นอาวุธพิเศษและทรงพลัง แต่ก็มีขีดจํากัด
“เอาล่ะ เพราะเสี่ยวไปยังยุ่งกับการดูดซับพลัง เราควรจะเอาเศษกระดูกมานิดหน่อย นั่นคงเพียงพอแล้ว” เซียงเส้าหยุนกล่าวคําเบาขณะเดินวนรอบโครงกระดูก พยายามมองหากระดูกชิ้นที่เหมาะสม ในที่สุดสายตาก็ไปต้องกับกระดูกสันหลัง ซึ่งมีความยาวหลายสิบเมตร มันเป็นกระดูกสันหลังที่สมบูรณ์แบบ และดูราวกับมังกรที่สง่างาม
เซี่ยงเส้าหยุนเองก็ทราบดีว่า หากเขาเอากระดูกสันหลังนี้ไป โครงกระดูกทั้งหมดจะต้องพังทลายลง ด้วยจมดิ่งในความคิด “เราควรจะเอาไปไหม?” ด้วยสามารถนําไปใช้ซ่อมแซมกระบี่ราชันผ่าเมฆาได้ แต่ก็อาจทําให้เสียวไปบาดเจ็บเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน เขาพบว่ามันยากจะเพิกเฉยต่อกระดูกสันหลังที่ดีเช่นนี้
“ลืมมันไปเสีย กระดูกสันหลังนั้นสําคัญกับเสียวไปมาก เราควรถามความสมัครใจของเสี่ยวไปเสียก่อน” ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนก็ตัดสินใจที่จะเคารพเสี่ยวไป และพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
เนื่องจากเพิกเฉยต่อโครงกระดูก เขาจึงได้มีโอกาสสํารวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ ออร่าสีทองอันร้ายกาจก่อตัวหนาขึ้นบนเพดานของถ้ํา ทําหน้าที่เป็นกําแพงป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้ามาได้ สําหรับพื้นที่นี้ หากไม่มีกระดูกแล้ว มันแทบจะว่างเปล่า และสามารถมองเห็นทุกสิ่งโดยรอบ
ไม่ไกลจากโครงกระดูกมีบ่อของเหลวสีทอง และมีก้านสมุนไพรเติบโตในบ่อนั้น ดูราวกับดอกบัวทองคํา และตรงกลางกลีบมีกลุ่มพลังงานพยัคฆ์ขาวลอยอยู่ บางคราวก็เผยภาพพยัคฆ์ขาวกําลังกระโดดออกจากดอกบัว ดูแข็งแกร่งและเสมือนจริงมาก
เซี่ยงเส้าหยุนมองไปยังบ่อของเหลวและสมุนไพร เขากลืนน้ําลาย และกล่าว “หรือนี่จะเป็นโลหิตของพยัคฆ์ขาว? และนี่คือหยาดจันทราทองคํางั้นหรือ? แล้วนี่ก็ดอกบัวพยัคฆ์ทองคํา! ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?”
โลหิตของพยัคฆ์ขาวเป็นสมบัติอันทรงคุณค่า เพียงหยดเดียวก็มิอาจประเมินค่าได้ เช่นเดียวกันกับหยาดจันทราทองคํา มันเป็นของเหลวที่มีพลังงานทองคําบริสุทธิ์ ทั้งยังศักดิ์สิทธิ์และหายากมาก ของเหลววิญญาณชนิดอื่นแทบจะเทียบกับมันไม่ได้เลย สําหรับดอกบัวพยัคฆ์ทองคํานั้น เป็นสิ่งที่มีเพียงในตํานานเท่านั้น มันเป็นพืชที่เติบโตในที่ซึ่งพยัคฆ์ขาวอาศัยอยู่ เป็นสมุนไพรหายาก และมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งกว่ายาวิญญาณทั่วไปหรือแม้แต่ยาราชา จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้
สมบัติพวกนี้ เพียงสักชิ้นเดียวก็สามารถทําให้ยอดฝีมือมากมาย เข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิง ขณะที่ทั้งสองพักอย่างเงียบสงบ หัวใจของเซี่ยงเส้าหยุนสั่นระรัว โชคดีที่ตัวเขาเองสามารถรักษาเหตุผลไว้ได้ และกล่าวคําเบา “ทุกสิ่งเป็นของเสี่ยวไป เราจะรอจนกว่าเขาจะตื่น
สําหรับเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว เสี่ยวไปเป็นดั่งพี่น้อง และจะไม่เอาสิ่งของไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะมั่นใจว่าเสี่ยวไปเต็มใจจะแบ่งปันหากเขาขออยู่ดี ดังนั้น เขาจึงเริ่มมองโดยรอบ สายตาก็จับจ้องไปที่กองหินสีทองใกล้เคียง
“นี่มันศิลาโลหะทองคําคุณภาพสูงสุด!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องเสียงดังด้วยความยินดี
ศิลาโลหะทองคําเป็นวัตถุดิบระดับราชา และศิลาโลหะทองคํา เป็นวัตถุดิบระดับจักรพรรดิ เซี่ยงเส้าหยุนพุ่งหาวัตถุดิบนั่นในทันที ด้วยต้องการนําศิลาโลหะทองคําออกไปด้วย แต่พบว่ามันถูกล้อมด้วยบ่อทองคํา ซึ่งไม่สามารถขุดโดยไม่ทําลายบ่อโดยรอบได้
เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกราวกับอยู่ในงานเลี้ยงที่ทําได้เพียงมอง แต่ไม่อาจจับสิ่งใดได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยห่างออกไป มีสมบัติชิ้นอื่นในห้องแห่งนี้เช่นกัน แต่สมบัติพวกนั้นไม่ได้มีค่าเท่ากับสิ่งแรกที่พบ
มีศิลาโลหะทองคําจํานวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบระดับราชา และสามารถนําไปขายเป็นผลึกวิญญาณจํานวนมาก นอกจากนั้น ยังมีหินที่แฝงไปด้วยพลังงานทองคําอันร้ายกาจ ซึ่งสามารถช่วยฝึกฝนพลังงานทองคําอันร้ายกาจภายในร่างกาย และเพิ่มพูนพลังยุทธ์ ดังนั้น หินเหล่านี้จึงมีค่าไม่น้อยเช่นกัน แม้จะน้อยกว่าศิลาโลหะทองคํา
เซี่ยงเส้าหยุนพยายามดูดซับพลังงานทองคําอันร้ายกาจจากหินทองคํา และพบว่ามันสามารถทําได้โดยง่าย จากนั้นจึงสังเกต เห็นว่าดวงดาวที่สองเต็มไปด้วยพลังงานทองคํา หรือความโกรธเกรี้ยวของพยัคฆ์ขาว ด้วยเหตุนี้จึงพลังงานทองคําอันร้ายกาจสั่นสะท้อนได้เอง และสามารถสกัดพลังงานออกมาอย่างง่ายดายโดนไร้ซึ่งผลกระทบ
สมบัติซึ่งครอบคลุมพื้นที่ราวยี่สิบตารางเมตรภายในทะเลจักรวาลดวงดาวของเซี่ยงเส้าหยุน หลังจากออกจากที่แห่งนี้ เขาจะนํามันไปแลกกับสมบัติ
“นับจากที่เราบรรลุระดับแปรสภาพ เราจึงไม่จําเป็นต้องกลับไปยังตําหนักยุทธ์อีก น่าเสียดายที่เราไม่สามารถกลับเข้าร่วมการประลองประจําเมืองได้อีก” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด
ด้วยไม่ทราบว่าเสี่ยวไปจะอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด มีเพียงแค่ต้องอดทนรอ เขาไม่ได้กังวลกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาด้านนอกแม้แต่น้อย ด้วยพวกเขาไม่สามารถฝ่าออร่าทองคําอันร้ายกาจเข้ามาได้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทําได้
มิฉะนั้น ความลับของหุบเขาแม่น้ําทองคําคงถูกพบไปนานแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพยัคฆ์ขาวมีพลังมากเพียงใด
“นี่จะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะฝึกรากฐานเพื่อให้พลังยุทธ์คงที่ การบรรลุของเรานั้นเร็วเกินไป
เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของพื้นที่ และยกก้อนหินขนาดใหญ่ เขาเริ่มฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายอีกครั้ง ไม่ว่าระดับยุทธ์จะอยู่ในระดับใด การฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายถือเป็นสิ่งจําเป็น
เซี่ยงเส้าหยุนปรามรากฐานยุทธ์ และใช้ความแข็งแกร่งทางกาย เพื่อยกหินหนักอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดตัน สําหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพคนอื่น การยกหินหนักเช่นนี้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายนับเป็นเรื่องยากมาก
แต่เซี่ยงเส้าหยุนสามารถยกมันได้ และเดินไปโดยรอบ ตอนแรกดูจะดิ้นรน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็สามารถขยับได้เร็วขึ้น ไม่นานก็สามารถวิ่งเหยาะๆได้ ด้วยชินกับน้ําหนักแล้ว
ระหว่างที่เซี่ยงเส้าหยุนกําลังฝึกฝนอย่าสงบสุข ด้านนอกได้เกิดความโกลาหลขึ้น