ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 18 : แนวทางการปรุงยา!

ยาสมุนไพรระดับที่หนึ่งถึงสามนั้นทราบกันว่าเป็นยาเก่าแก่ ซึ่งทำมาจากสมุนไพรที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยถึงสามร้อยปี หากสมุนไพรที่มีอายุถึงสี่ร้อยถึงหกร้อยปีนั้นจะนำไปทำยาที่เรียกกันว่ายาวิญญาณ และสมุนไพรที่มีอายุเก่าแก่กว่าหกร้อยปีจะถูกขนานนามว่าเป็นราชันแห่งยา

หญ้าละลายลิ่มโลหิตเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับหก นั่นหมายความว่ามันจะต้องมีอายุเติบโตมากกว่าหกร้อยปีก่อนจะถึงกำหนด ในฐานะที่เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสูงที่ใช้เยียวยาบาดแผล มันไม่ใช่ของคนธรรมดาแทบจะไม่เคยสัมผัสกับสมุนไพรนี้ ซึ่งเติบโตในป่าอันกว้างใหญ่และรายล้อมไปด้วยสัตว์อสูรระดับสูงมากมายซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก

ตำหนักยุทธ์เป็นเพียงสถานที่สำหรับฝึกยุทธ์ในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น แม้จะมีเหล่าคนที่เป็นยอดฝีมือระดับแปรสภาพ แต่การจะเข้าไปเก็บหญ้าละลายลิ่มโลหิตระดับสูงหาใช่เรื่องง่าย

“ท่านผู้ดูแล เหตุใดท่านจึงคิดว่าข้าจะมาป่วนที่โถงโอสถของท่านกัน? ท่านน่าจะเห็นบาดแผลบนใบหน้าของข้า! หากว่าท่านไม่มีหญ้าละลายลิ่มโลหิต โปรดมอบสมุนไพรที่ดีที่สุดสำหรับสมานแผลให้ข้าเถิด! ข้าต้องการมันเดี๋ยวนี้” เซี่ยงเส้าหยุนกำลังตะลึง ตอนนั้นเองที่เขาคิดว่าสถานที่ซึ่งเล็กพอกันกับตำหนักยุทธ์คงจะหาสมุนไพรวิญญาณระดับสูงไม่ได้โดยง่าย หรือแม้หากพวกเขามีก็ตามเหล่าผู้อาวุโสก็คงจะเก็บไว้ใช้เองและไม่นำมันมาขายที่โถงโอสถแน่นอน

เมื่อมองไปยังบาดแผลบนใบหน้าของเซี่ยงเส้าหยุนผู้ดูแลไม่ได้คิดว่าเขามากลั่นแกล้งอีกต่อไปและตอบกลับ “เราไม่มียาวิญญาณระดับสูงที่นี่ มีเพียงยาวิญญาณระดับต่ำ นี่ไงบุปผาสมานแผล!”

“บุปผาสมานแผลรึ? ประสิทธิภาพของยาวิญญาณที่มีอายุสี่ร้อยปีนั้นยังห่างไกลจากยาละลายลิ่มโลหิตนัก! ใช้แทนไปก่อน” เซี่ยงเส้าหยุนตอบอย่างไม่ยินดีนัก

“เจ้าหนู เจ้าช่างพูดจาใหญ่โต! บุปผาสมานแผลอยู่บนหิ้งนั่น ลองไปดูเสียก่อน” ผู้ดูแลถูกทิ้งให้พูดไม่ออกเมื่อได้ฟังการใช้คำพูดของเซี่ยงเส้าหยุน

เซี่ยงเส้าหยุนเดินไปอย่างเร่งรีบและสังเกตเห็นประกายไฟ ดอกไม้สีเขียวเข้มถูกวางไว้ในกล่องหยกใส นี่คงเป็นบุปผาสมานแผลอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะที่กำลังหยิบกล่องขึ้นมาก็ได้พบกับป้ายราคาที่ติดไว้บนกล่อง เมื่อเพ่งมองก็ต้องหันหลังกลับด้วยความหวาดผวา “ห้าพันแต้มหรือห้าชิ้นส่วนผลึกวิญญาณระดับต่ำรึ?”

ระหว่างที่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เซี่ยงเส้าหยุนได้เริ่มจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับตำหนักยุทธ์ สิ่งที่เขาสังเกตคือหนึ่งแต้มนั้นมีค่าเท่ากับห้าพันเหรียญทองเลยทีเดียว และชิ้นส่วนผลึกวิญญาณระดับต่ำหนึ่งชิ้นเท่ากับหนึ่งพันเหรียญทอง ดังนั้นใช้ชิ้นส่วนผลึกวิญญาณระดับต่ำห้าชิ้นแทนที่ห้าพันแต้มจึงจะสมเหตุสมผลกัน

ทว่าจำนวนเงินมากมายเพียงนี้เป็นเรื่องยากที่หลายครัวเรือนจะนำออกมา ความจริงเขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายาวิญญาณระดับต่ำจะมีราคาสูงถึงเพียงนี้ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือเขาเคยนำยาวิญญาณระดับต่ำเช่นนี้ไปเป็นอาหารสำหรับเหล่าสัตว์อสูร!

“เจ้าหนู หากเจ้าเป็นศิษย์น้องของผู้อาวุโสจื่อ เจ้าก็น่าจะมีห้าพันแต้มมิใช่หรือ? เจ้าควรไปพบผู้อาวุโสจื่อด้วยตนเอง ข้ามั่นใจว่าเขาจะมียาวิญญาณสำหรับรักษาบาดแผลแน่” ผู้ดูแลแนะนำต่อเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความจริงใจ

เซี่ยงเส้าหยุนโบกมือและไม่ได้ตอบกลับต่อผู้ดูแลและเริ่มสำรวจสมุนไพรต่าง ๆ ภายในห้องโถงอย่างรวดเร็ว

“เถาอสรพิษว่องไว ยาวิญญาณระดับต่ำที่สามารถทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นและเรียนรู้การเลื้อยเฉกเช่นอสรพิษ”

“บุปผาประกายจันทรา ยาวิญญาณระดับต่ำมีรูปร่างคล้ายกับดวงจันทร์ที่มีแสงแวววาวซึ่งมีสรรพคุณเพิ่มพลังดวงดาวให้แก่ผู้ใช้”

“หญ้าสามสหาย ยาวิญญาณระดับกลางมันจะสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายทำให้พลังกายเพิ่มขึ้นสามเท่าชั่วขณะ”

เซี่ยงเส้าหยุนสามารถแยกแยะการใช้งานได้เพียงแค่ดูชื่อ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถซื้อยาวิญญาณเหล่านี้ได้ และไม่รอช้าเขาก็เดินไปยังส่วนที่เก็บยาเก่า

ยาที่นี่ทั้งหมดเป็นยาที่มีอายุราวหนึ่งร้อยถึงสามร้อยปี แม้ว่าประสิทธิภาพจะเทียบไม่ได้กับสมุนไพรวิญญาณ แต่ยาเหล่านี้คือทั้งหมดที่สามารถจ่ายได้ มันสำคัญกว่าที่จะต้องรักษาบาดแผลในตอนนี้

“ยาเก่าเก็บเหล่านี้ไม่สามารถเทียบได้กับยาวิญญาณอย่างแน่นอน แต่ด้วยจำนวนมากขนาดนี้อาจจะขัดเกลาเม็ดยาหรือแม้แต่หาวิธีรักษาได้! จากนั้นประสิทธิภาพของมันจะไม่ด้อยไปกว่ายาวิญญาณอย่างแน่นอน” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำกับตนเอง

เขาเลือกยาเก่าเก็บที่แตกต่างกันสามอย่างด้วยความรวดเร็ว ยาที่เขาหยิบมีเถาวัลย์ห้ามเลือดอายุหนึ่งร้อยปี หญ้าฟื้นฟูผิวหนังอายุสองร้อยปี และ บุปผาไร้มลทินอายุสามร้อยปี แม้ว่าจะเป็นยาเก่าเก็บ แต่ก็ทำให้เขาเสียแต้มไปถึงแปดร้อยแต้มแม้จะได้ส่วนลดถึงสองในสิบแล้วก็ตาม

ในตอนแรกเซี่ยงเส้าหยุนคิดว่าจะสามารถกินอาหารได้อย่างไร้กังวลตลอดทั้งปีด้วยหนึ่งพันแต้มที่มี แต่ชั่วพริบตาเขาก็เหลือเพียงหนึ่งร้อยกว่าแต้ม หากจะต้องการแลกมันกับอาวุธประจำกาย เขาต้องถังแตกเป็นแน่ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ลังเลที่จะส่งแผ่นหยกเพื่อซื้อยาเก่าสามชนิดนี้แต่อย่างใด

“นี่เป็นแผ่นหยกจากหอคอยแห่งขีดจำกัดนี่! ไม่เลวเลยเจ้าหนุ่ม! ข้าคิดว่าผู้อาวุโสจื่อจะมอบแผ่นหยกส่วนตัวให้กับเจ้าเสียอีก! ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะห้องแรกของหอคอยแห่งขีดจำกัดแล้วสิ!” ผู้ดูแลโถงโอสถดูแผ่นหยกของเซี่ยงเส้าหยุนแล้วหัวเราะร่าเริง อัจฉริยะผู้ที่สามารถทลายขีดจำกัดของตนเองได้จะต้องมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด

“ท่านผู้ดูแลยกย่องข้าเกินไป” เซี่ยงเส้าหยุนตอบอย่างนอบน้อมก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้าขอยืมเครื่องมือบดยาได้หรือไม่?

            โดยปกติแล้วผู้ดูแลไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอเพียงน้อยนิดนี่ หลังจากให้ยืมเครื่องบดยาแล้วเซี่ยงเส้าหยุนได้โยนยาเก่าสามชนิดลงไปในเครื่องบดและเริ่มบดมันรวมกัน เมื่อได้เห็นสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนกำลังทำ ความประหลาดใจได้ฉายในดวงตาของผู้ดูแลขณะที่เขาคิดกับตนเองนั้น เจ้าเด็กนี่รู้วิธีปรุงยาและสูตรได้อย่างไรกัน?

แม้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะไม่มีประสบการณ์กับวิถีแห่งโอสถ แต่การบดยานั้นดูเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ที่ยังเยาว์ได้เฝ้าดูบิดาผสมตัวยาต่าง ๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของตน ด้วยอำนาจการสังเกตและเรียนรู้ เพียงรับชมไม่กี่ครั้งเขาก็จดจำได้

หลังจากบดยาทั้งสามรวมกันจึงห่อตัวยาที่ได้ด้วยผ้าไหม สร้างเป็นถุงยาชั่วคราวและเริ่มกดถุงยาลงบนใบหน้า และเริ่มกดลงด้วยแรงเล็กน้อยเพื่อทำให้ยาบางส่วนไหลลงบนใบหน้า

ฟู่!

ในขณะที่แนบถุงยาไว้กับใบหน้า ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงพุ่งพล่านออกมาจากใบหน้าเป็นผลให้เขาต้องสะท้านลมหายใจ

“หลี่หงเอ๋อ คุณชายผู้นี้จะไม่มีวันลืมแส้นั่น!” เซี่ยงเส้าหยุนสาบานกับตนเอง เมื่อน้ำตาหยดลงบนแผล บาดแผลก็รู้สึกเย็นลงเกือบจะในทันที ความเจ็บปวดทุเลาลงเช่นกัน หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความเจ็บปวดก็ทุเลาลงอย่างมากเหลือเพียงความคันเล็กน้อยบนใบหน้า เขาจึงลดถุงยาลง

ผู้ดูแลที่ให้ความสนใจกับเซี่ยงเส้าหยุนอ้าปากค้างเบา ๆ “แผลของเจ้าตกสะเก็ดแล้วรึนี่?”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้ดูแล เซี่ยงเส้าหยุนจับที่แผลเบา ๆ เมื่อพบว่ามันตกสะเก็ดแล้วอารมณ์ก็สดใสขึ้นมาก “ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของยานี้จะไม่เลวทีเดียว!”

หลังจากที่พูดจบก็ได้ประสานมือเข้าหาผู้ดูแลก่อนออกจากโถงโอสถ แม้บาดแผลจะยังไม่หายดีแต่จะฟื้นคืนรูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ได้อย่างแน่นอนภายในสองหรือสามวัน หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น เขาจึงรีบไปที่คลังอาวุธทันที

คลังอาวุธนั้นสมควรแล้วที่จะเป็นร้านขายอาวุธ ที่นี่มีอาวุธต่าง ๆ มากมายอาทิเช่น กระบี่ ดาบ หอก คราดและอื่น ๆ อาวุธหลากหลายประเภทถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบทำให้ดูน่ามอง

“ดาบมัจฉาประกายฟ้า ดาบระดับเริ่มต้นขั้นสอง ราคาห้าร้อยแปดสิบแต้ม”

“หอกคนเถื่อน หอกระดับกลางขั้นสอง ราคาเจ็ดร้อยห้าสิบแต้ม”

“กระบี่ฟันเลื่อย กระบี่ระดับเริ่มต้นขั้นสาม ราคาหนึ่งพันแปดร้อยแต้ม”

อาวุธนั้นต่างจากยาสมุนไพร อาวุธแต่ละชิ้นจะต้องใช้วัสดุและคนจำนวนมากในการหลอม อาวุธที่มีระดับเดียวกันกับสมุนไพรนั้นราคาย่อมสูงกว่ามาก

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset