ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 32 : ตัวพังพอนสีฟ้า!

ลึกเข้าไปในป่า เซี่ยงเส้าหยุนนำเจ้าเสือลายตัวน้อยขึ้นหลังพาไปยังตำแหน่งของแม่เสือ เพื่อจะนำมันไปคืน เขาเห็นได้ว่าเหล่าสัตว์อสูรนั้นต่างก็มีกฎของมันเช่นกันและความรู้สึก เขานั้นไม่คิดทำอันตรายใดแก่ลูกเสือ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าสัตว์ร้ายตัวมหึมาจะไม่ทำอันตรายต่อเขาเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนเจ้าเสือน้อยจะมีช่วงเวลาแห่งชีวิต ครู่หนึ่งมันกระโดดและเล่นรอบตัวเซี่ยงเส้าหยุน เมื่อเวลาผ่านไปมันจึงเริ่มไปเล่นบริเวณโขดหิน และกลับมากลิ้งเกลือกไปมาท่ามกลางต้นหญ้า

เซี่ยงเส้าหยุนไม่พร้อมที่จะดูแลมัน ด้วยต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา คอยสอดส่องหากสัตว์อสูรเข้าใกล้ ผ่านไปไม่นานเจ้าเสือน้อยส่งเสียงร้องออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยงเส้าหยุนหันไปยังตำแหน่งนั้นโดยไม่ตั้งใจ และเห็นเจ้าเสือน้อยแทะโสมเหลืองอย่างสนุกสนาน ด้วยเป็นยาเก่าที่ลึกลับกลับถูกขุดขึ้นเช่นนี้

“สหายโปรดเมตตาข้าด้วย!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกด้วยความตกใจ      อนิจจาเจ้าเสือน้อยกินเข้าไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง ภายในเวลาไม่นานยาเก่าครึ่งหนึ่งจึงลงไปอยู่ในกระเพาะของมัน

“บ้าฉิบ” การแสดงออกของเซี่ยงเส้าหยุนเปลี่ยนไป เขาอุ้มเจ้าเสือน้อยไว้ในอ้อมอก และมุ่งหน้าออกจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว

*เสียงกรีดร้อง!

ทันใดนั้นเสียงร้องเสียดแก้วหูดังออกมาจากที่ใกล้เคียง พร้อมเงาพุ่งออกจากที่ซ่อน ตรงมาด้วยความเร็วเกินกว่าที่เซี่ยงเส้าหยุนจะทันตอบโต้ ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนกำลังพาเจ้าเสือน้อยหนี ในตอนนั้นเองไหล่ได้ถูกกรงเล็บของสัตว์ร้ายข่วน ทำให้มีเลือดไหลออกมา

ด้วยความเจ็บปวดที่เกิดจากการข่วน เซี่ยงเส้าหยุนกัดฟันแน่นและพยายามหลบหนีอีกครั้ง ทว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้พุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งยากจะมองเห็น ด้วยไร้ความลังเล เซี่ยงเส้าหยุนกระโดดไปด้านข้าง ส่งผลให้เสื้อผ้าบางส่วนขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ขณะนั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้นที่จู่โจมอย่างชัดเจน มันคือตัวพังพอนสีฟ้า ลำตัวมีความยาวถึงครึ่งเมตร ขนสีฟ้าตรง และเขี้ยวที่เป็นประกายกำลังจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนอย่างโกรธเกรี้ยว

หรือจะกล่าวให้ถูกคือมันกำลังจ้องมองมาที่เจ้าเสือน้อยในมือของเซี่ยงเส้าหยุน พังพอนตัวนี้คือผู้ปกปักษ์โสมเหลืองเป็นแน่ ยาเก่าซึ่งสำคัญอย่างมากสำหรับเผ่าพันธุ์ของมัน ด้วยคาดไม่ถึงว่ามันจะถูกกินโดยเจ้าเสือน้อยตัวนี้!

พังพอนสีฟ้าตัวนี้เป็นปีศาจชั้นกลางระดับสอง เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไประดับดวงดาวขั้นสอง โชคดีของเซี่ยงเส้าหยุน แม้เจ้าพังพอนสีฟ้ามีพลังที่น่ารังเกียจแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก มิเช่นนั้นคงถึงความซวยของเขาเป็นแน่ ความพิเศษของมันคือความรวดเร็วดั่งอัสนี ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวโดยปกติจะไม่สามารถหลบหนีไปได้หากถูกพวกมันหมายหัว

*เสียงกรีดร้อง

พังพอนสีฟ้ากรีดร้องอีกครั้งขณะเตรียมพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีกระดับ ดูเหมือนมันต้องการจะสังหารทั้งเซี่ยงเส้าหยุนและเจ้าเสือน้อยไปพร้อมกัน!

พรสวรรค์สัญชาตญาณ!

เขาทราบได้ทันทีว่าควรจะวิ่งไปในทางใด เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มเบิกตาขึ้น จดจ่อกับพังพอนสีฟ้า เพื่อสู่สภาวะซึ่งคล้ายกับการทำสมาธิอย่างลึกซึ้ง สัญชาตญาณของเซี่ยงเส้าหยุนจะสามารถมองเห็นความรวดเร็วและตำแหน่งของพังพอนสีฟ้าที่กำลังพุ่งเข้าใส่ได้อย่างชัดเจน

ลูกเตะวายุหมุน!

ลูกเตะถูกปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังทั้งหมดที่สามารถปล่อยออกมาได้ เขาคงไร้ความสามารถโดยสิ่งเชิงหากไม่ฆ่าพังพอนสีฟ้าด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว พังพอนสีฟ้าสามารถเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศได้ มันหลบลูกเตะของเซี่ยงเส้าหยุนได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนจะพุ่งชนจากอีกมุม

แคว่ก!

แขนของเซี่ยงเส้าหยุนเป็นแผลบาดลึก จนสามารถมองเห็นกระดูกสีขาวภายใน

“ไปให้พ้น!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยปล่อยลูกเตะออกครั้งแล้วครั้งเล่า บังคับให้พังพอนสีฟ้าถอยห่างออกไปพอสมควร

เซี่ยงเส้าหยุนใช้การรุกเข้าเพื่อป้องกันตัว เขาปล่อยลูกเตะวายุหมุนเข้าใส่พังพอน ด้วยความรุนแรงของลูกเตะมีมากถึงห้าร้อยกิโลกรัม ทำให้เกิดระลอกคลื่นในอากาศ

ทว่าพังพอนสีฟ้ายังคงพุ่งใส่ด้วยความเร็ว ไม่ว่าจะทำสิ่งใดลูกเตะของเขาก็ไม่อาจแตะต้องตัวมันได้เลย ในขณะเดียวกันพังพอนสีฟ้าเริ่มพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันพุ่งตรงเข้าใส่เจ้าเสือน้อยในมือเซี่ยงเส้าหยุน ราวกับมันต้องการสังหารเจ้าเสือน้อยที่กินโสมเหลืองเข้าไปก่อนหน้า

พรสวรรค์สัญชาตญาณของเซี่ยงเส้าหยุนคงไม่จำเป็นอีกแล้วในตอนนี้ กรงเล็บของพังพอนสีฟ้าอยู่ห่างจากเจ้าเสือน้อยเพียงไม่กี่เซนติเมตร หากโดนเพียงครั้งเดียวมันคงจะตายแน่นอน

โฮก!

ทันใดนั้นเองเสียงร้องของเจ้าเสือน้อยก็ดูโอ่อ่าขึ้น อาจเพราะเป็นราชันแห่งพงไพร ออร่าที่เอาแต่ใจพวยพุ่งออกมา ทำให้สัตว์ร้ายต้องหวาหวั่น แม้พังพอนสีฟ้าจะเป็นปีศาจชั้นกลางระดับสอง แต่มันกลับหวาดกลัวต่อเสียงคำรามของราชาแห่งพงไพร มันหวาดผวาไปชั่วครู่ ไร้ซึ่งความกล้าที่จะจู่โจมเจ้าเสือน้อย

เซี่ยงเส้าหยุนคว้าโอกาสซึ่งหาได้ยากยิ่งและชี้นิ้วออก

ดัชนีทลายดวงดาว!

เปรี้ยง!

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพังพอนสีฟ้าคือความเร็วในการต่อสู้ แต่ทว่ามันก็ยังอ่อนแอมากในด้านพละกำลังและการป้องกัน ดังนั้นจึงได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเซี่ยงเส้าหยุน ดังที่กล่าวมาแม้พังพอนสีฟ้าค่อนจะข้างดื้อรั้น แต่หลังจากร้องออกด้วยความเจ็บปวด มันได้หลบหนีเข้าไปในพงหญ้าและหายไปจากสายตาในที่สุด

เซี่ยงเส้าหยุนเลือกจะไม่โจมตีต่อ ด้วยเลือดไหลออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว หากเขาไม่รักษาบาดแผล ในไม่ช้ามันจะต้องเป็นอันตราย หลังจากพันแผลเพียงเล็กน้อย เขาหันไปมองเจ้าเสือน้อยและได้เห็นมันกำลังขุดคุ้ยเศษดิน

ด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาวิ่งเข้าใส่มันอย่างรวดเร็วและอุ้มเจ้าเสือน้อยไว้ที่มือข้างหนึ่ง ก่อนจะปัดเอาเศษดินออก สีหน้าของเขาฉายแววตื่นเต้น “นี่มันเป็นโสมเหลืองก้านใหญ่! มันน่าจะมีอายุถึงสามร้อยปีด้วยซ้ำ! ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาวิญญาณ!”

“เหมียวว!”

เจ้าเสือน้อยร้องออกอย่างไม่พอใจนัก ดูเหมือนมันจะกลับมาเป็นเจ้าแมวน้อยน่ารักอีกครั้ง เสียงร้องในตอนนี้ช่างห่างไกลกับความยิ่งใหญ่เมื่อครู่อย่างชัดเจน

“เจ้าหนู เจ้ากินโสมเหลืองไปแล้ว อันนี้ข้าขอนะ ถือเป็นสิ่งตอบแทนสำหรับปัญหาที่ผ่านมา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวกับเจ้าเสือน้อย

โสมชนิดนี้มีสารอาหารจากการเติบโตอย่างยาวนาน มันมีประโยชน์มากมายในการปรับสภาพร่างกายของเหล่าจอมยุทธ์ และมีราคาเทียบเท่าหรืออาจมากกว่าสามพันเหรียญทองเสียด้วยซ้ำ

หลังจากห่อโสมเหลืองอย่างดี เซี่ยงเส้าหยุนนำเจ้าเสือน้อยกลับไปหามารดาของมันอีกครั้ง เมื่อทั้งสองเข้าใกล้บริเวณที่พบกับเสือตัวใหญ่ก่อนหน้า สิ่งที่พบคือคราบเลือดและเศษเนื้อ ช่างเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนมาก แม้เขาจะสังหารสัตว์อสูรตัวเล็กก่อนหน้า แต่เซี่ยงเส้าหยุนไม่เคยสังหารคนเลยสักครั้ง เมื่อเห็นซากศพตรงหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะคลื่นไส้

“มันไม่เหมือนกัน เราไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน ต้องมีสักกี่คนที่ต้องมาตายเพราะเรา? เส้นทางของการเป็นราชันคงไม่พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อย ๆ หรอกใช่ไหม? ข้า เซี่ยงเส้าหยุน คงจัดการทั้งหมดนี้ได้” เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจและกล่าวขณะกลืนน้ำลาย

เขาได้พบกับดาบใกล้เคียงกับศพ ก่อนจะหยิบขึ้นพร้อมอุทาน “นี่มันดาบระดับสองนี่! เราจะเก็บมันไว้กับตัว”

หลังจากนั้นเขาก็พบกับกระเป๋าที่มีสิ่งของอยู่ภายในบริเวณใกล้เคียงศพ เขาวิ่งไปคว้ากระเป๋าและเปิดมันออก เมื่อเห็นสิ่งของด้านในทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง “ชายผู้นี้อาจได้รับเงินว่าจ้างมามหาศาล แท้จริงเขามียาเก่าอยู่ไม่น้อย! ช่างน่าเสียดายนัก แต่ทั้งหมดนี่จะต้องเป็นของเรา!”

เมื่อมองสิ่งของอีกครั้ง เขาพบว่านอกเหนือจากยาจำนวนมาก ยังมีขวดหยกบรรจุยารักษาถึงสี่เม็ด เช่นเดียวกับกระดาษสีทองสองสามแผ่น และตำราวิทยายุทธ์

“หรือนี่จะเป็นสมบัติที่ฟ้าประทานมาให้เรา?” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะด้วยความยินดีขณะห่อของอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

วี้ด!

ทันใดนั้นเองปรากฏกระแสลมพุ่งจากสักแห่ง ตรงเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของเขา

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset