ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 38 : คุณชายผู้นี้จะฆ่าเจ้า!

โฮก!

เสียงคำรามของเสี่ยวไป่ดังก้องไปทั่ว ความดุร้ายที่ใกล้เคียงกับสัตว์ปีศาจชั้นกลาง นับตั้งแต่เสี่ยวไป่ได้ติดตามเซี่ยงเส้าหยุน นี่เป็นครั้งแรกที่มันส่งเสียงคำรามดุร้ายออกมา เสียงคำรามนั้นสามารถทำให้สัตว์อสูรชั้นกลางนับหมื่นต้องยอมจำนน

อินทรีเพลิงก็เช่นกัน มันตกใจจนตัวสั่น ตอนนั้นเองเสี่ยวไป่กัดไปที่หลังของอินทรี แม้เสี่ยวไป่จะยังเป็นลูกเสือ แต่มันก็ยังเป็นเสืออยู่วันยันค่ำและกัดได้อย่างรุนแรง มันขย้ำเข้าไปที่เนื้อของอินทรีเพลิง

อินทรีร้องด้วยความเจ็บปวดและสะบัดตัวอย่างแรง เพื่อสลัดเสี่ยวไป่ออก ทว่าเจ้าเสือมีฟันที่แข็งแรง จึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ อินทรีเพลิงเริ่มตื่นตระหนก ปีกของมันเริ่มปล่อยคลื่นร้อนออกเพื่อสลัดเสี่ยวไป่ออกด้วยความร้อน

ทว่าไม่เป็นผลต่อเสี่ยวไป่ มันยังคงยืนหยัด หลังจากพยายามสลัดเสี่ยวไป่ออกจากหลัง อินทรีเพลิงเริ่มสูญเสียการทรงตัวและพุ่งตรงไปที่ยอดเขา เมื่อเห็นเช่นนั้นเซี่ยงเส้าหยุนเริ่มฉุนเฉียวขึ้น

“เสี่ยวไป่!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี และเริ่มปีนขึ้นไปที่หน้าผาอีกครั้ง เขาฝ่าสายลมและปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วที่สุด แม้จะเสี่ยงก็ตาม

แม้เสี่ยวไป่จะเป็นแค่ลูกเสือ แต่มันก็ผ่านความยากลำบากมาพร้อมกับเซี่ยงเส้าหยุน สำหรับเด็กหนุ่มแล้วมันเป็นสหายคนสนิทที่ผ่านทั้งทุกข์และสุขด้วยกัน และไม่ต้องการเห็นเสี่ยวไป่ต้องตกอยู่ในอันตราย

ในตอนแรกคิดว่าเขาปีนขึ้นไปถึงในสองชั่วโมง แต่ด้วยความเร็วของเซี่ยงเส้าหยุนตอนนี้ จึงใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เขาข้ามขั้นตอนการฟื้นฟูพลังและพุ่งตรงไปที่ยอดเขา โชคไม่ดีนักเขาไม่พบกับเสี่ยวไป่แม้จะพยายามหาแล้วก็ตาม เขาพบเพียงงูหลามยักษ์ซึ่งเป็นปีศาจชั้นกลาง

เซี่ยงเส้าหยุนพยายามเล็กน้อยเพื่อฆ่างูหลามยักษ์ เขาผ่าเอาถุงน้ำดีออกและกลืนเข้าไปในคำเดียว

รสชาติที่น่าสะอิดสะเอียนของถุงน้ำดีทำให้เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกแย่มาก ทว่าไม่มีเวลาจะหยุดพักรักษาตัว เขายังคงตามหาร่องรอยของเสี่ยวไป่ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบกับสมาชิกของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง ขณะที่กำลังหลีกเลี่ยง พวกมันก็เห็นการเคลื่อนไหวของเขา

“เจ้ามาจากทางไหนกัน? นี่เจ้าสามารถหลบพวกที่อยู่ตีนเขาได้รึ! หลี่ฮุย ไปจับมัน!” หัวหน้ากลุ่มตะโกน

“ขอรับ!” ชายหนุ่มนามหลี่ฮุยตอบและพุ่งเข้าหาเซี่ยงเส้าหยุน พร้อมขี่พยัคฆ์เพลิง

เซี่ยงเส้าหยุนใช้ก้าวราชันเก้าปรโลกจนถึงขีดจำสุด วิ่งไปรอบบริเวณด้วยความเร็วเท่าที่เขาจะทำได้ พยัคฆ์เพลิงเป็นถึงปีศาจชั้นกลาง มันรวดเร็วและไล่ต้อนเซี่ยงเส้าหยุนอย่างช้า ๆ

“เจ้าหนู ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าไม่มีวันหนีพ้นแน่!” หลี่ฮุยด่าทออย่างร้ายกาจ

หลี่ฮุยเป็นผู้บรรลุจุดสูงสุดของระดับดวงดาวขั้นสองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งห่างจากขั้นสามเพียงเล็กน้อย ความห้าวหาญของเขาช่างยิ่งใหญ่ เมื่อเข้าใกล้เซี่ยงเส้าหยุน เขาก็กระโดดลงจากหลังพยัคฆ์เพลิงทันที กระบี่ยาวในมือพุ่งตรงมาที่เซี่ยงเส้าหยุน

กระบี่ขนาดใหญ่เผยพลังกดดันอันรุนแรง พลังดวงดาวรวมตัวรอบขอบใบมีดทำให้เรืองแสง ก้าวราชันเก้าประโลกเป็นวิชาขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวระดับสูงสุด ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเซี่ยงเส้าหยุน ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ แม้เป็นเช่นนั้น เขาเอียงไปทางขวาแต่แทบจะไม่สามารถหลบกระบี่อันชั่วร้ายนี้ได้

ตู้ม!

ต้นไม้หนาทึบตรงหน้าทั้งคู่ถูกพลังจากกระบี่ของหลี่ฮุยจนระเบิดออก เหลือเพียงเศษเล็กน้อย

“เจ้าปลาไหลเอ้ย!” หลี่ฮุยด่า เมื่อเห็นการโจมตีพลาดเป้า

“ข้าเพียงผ่านมาเท่านั้น! หากเจ้ายังไล่ตามข้า เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนตอบ

“เหอะ เหอะ หากเจ้าทำได้ เช่นนั้นจงหยุดวิ่งหนีเสียที!” หลี่ฮุยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“คอยรับชมข้าแล้วกัน!” เซี่ยงเส้าหยุนหยุด และต่อยไปที่หลี่ฮุย

หนึ่งหมัดของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นมีความรุนแรงราวห้าร้อยกิโลกลับ โดยไร้ซึ่งพลังงานดวงดาวมาเสริม บ่งบอกว่าเขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐาน

หลี่ฮุยอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันเซี่ยงเส้าหยุน เขาคว้ามือของเด็กหนุ่มในบัดดลและกำลังจะบิดแขนอย่างแรง ตรงข้ามกับสิ่งที่หวัง ทว่าเขากลับพบว่าไม่สามารถบิดแขนของเซี่ยงเส้าหยุนได้ แม้จะสูญเสียพลังถึงเจ็ดในสิบแล้วก็ตาม

ผู้คนต่างทราบว่าความแข็งแกร่งเจ็ดในสิบจากปกติ เพียงพอที่จะแยกส่วนได้แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่จุดสูงสุดของระดับพื้นฐาน เขาใช้ประโยชน์จากความประมาทของหลี่ฮุย ภายในดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนเป็นประกาย ก่อนจะชี้น้วไปที่อีกฝ่าย ลำแสงพุ่งจากนิ้วตรงไปหลี่ฮุย

“เวรเอ้ย!” หลี่ฮุยเป็นถึงจุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสอง จึงสามารถสัมผัสอันตรายจากการโจมตีนี้ได้ เขาหลบลำแสงของเซี่ยงเส้าหยุนในทันที ทว่าการโจมตีครั้งนี่เป็นเพียงตัวล่อ แม้จะมีพลังงานดวงดาวอยู่เล็กน้อยก็ตาม  การโจมตีที่แท้จริงซ่อนอยู่หลังจากนี้

ฝ่ามือแยกเมฆา!

เซี่ยงเส้าหยุนใช้โอกาสนี้เข้าใส่หลี่ฮุย ส่งฝ่ามือที่ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเข้าใส่บริเวณหน้าอกของหลี่ฮุย ไม่ว่าหลี่ฮุยจะมีประสบการณ์การต่อสู่เพียงใด เข้าก็มิอาจหลบการโจมตีจากเซี่ยงเส้าหยุนได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตาม

ป้าบ!

หลังจากถูกโจมตี หลี่ฮุยกระอักเลือดและกระเด็นอย่างน่าอนาถ

สังหาร!

เซี่ยงเส้าหยุนใช้โอกาสนี้ ฟาดดาบหมาป่าสีทองเข้าใส่ ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว เกิดแสงสีทองเต็มไปด้วยพลังดวงดาวพุ่งเข้าที่ลำคอของหลี่ฮุย สังหารในทันที

หัวของหลี่ฮุยหลุดออกจากบ่า ประสาทสัมผัสแหละการมองเห็นค่อยมืดลง ยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสองกลับถูกสังหารโดย ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่จุดสูงสุดของระดับพื้นฐานขั้นแปดเท่านั้น

ผู้คนต่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่เป็นนิทานสำหรับผู้เยาว์ แม้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานจะอ่อนแอกว่าศัตรูของตน แต่เขาไม่เพียงแค่หลบหนี แต่ยังสามารถสังหารศัตรูได้อีกด้วย! ช่างเป็นเนื้อหาที่ดี และตอนจบที่เปรียบได้กับเทพนิยาย

“โฮก!”

ขณะนั้นเอง พยัคฆ์เพลิงพุ่งตรงเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน อ้าปากกว้างเพื่อจะกลืนเด็กหนุ่ม

“เจ้าต้องการตามเจ้านายไปงั้นสิ!” เซี่ยงเส้าหยุนคำราม และฟาดฟันดาบหมาป่าสีทองอย่างไร้ปราณี

จากที่ห่างไกล กลุ่มนักล่าหมาป่าคลั่งกำลังบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หัวหน้ากลุ่มร้องออก “บ้าเอ้ยเจ้าเด็กนี่! รีบไปจับตัวมันมาให้ข้า! ข้าจะมอบบทเรียนอันสาสมแก่มัน!”

ขณะที่ลูกสมุนจำนวนมากกำลังจะไล่ล่า เสียงคำรามที่น่ากลัวแหวกอากาศเข้ามา

“โฮก!”

เสียงคำรามซึ่งทำให้สวรรค์และโลกาต้องสั่นไหว ทำให้กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งหวาดกลัว

“เวรเอ้ย มีสัตว์ตัวใหญ่อยู่ที่นี่! นั่นมันลิงคิงคองยักษ์!” ยอดฝีมือสองสามคนบนภูเขาเริ่มตื่นตระหนก

ขณะนั้นเอง ร่างจำนวนมากเริ่มตัวสั่นเทา ลิงคิงคองยักษ์สูงถึงหนึ่งเมตรปรากฏตัวขึ้น ด้วยลิงยักษ์มีร่างกายที่แข็งแกร่ง การโจมตีธรรมดาไม่สามารถสร้างบาดแผลแก่มันได้ ด้วยความแข็งแกร่งทางกายนั้นมากเหลือ มันกระโจนใส่กลุ่มคนทันที การโจมตีแทบจะทำลายฝูงชนได้ในคราวเดียว

“บ้าเอ้ย! ตราบใดที่ ข้า สิงโตคลั่ง อยู่ที่นี่ เจ้าอย่าได้มาอาละวาดในถิ่นของข้าเชียว!” ชายวัยกลางคนขี่สิงโตตะโกน ขณะเหวี่ยงดาบอันมโหฬารเข้าใส่ลิงคิงคองยักษ์

ชายวัยกลางคนเป็นถึงระดับแปรสภาพ ทุกการฟาดฟันนั้นมีท่วงท่าที่สง่างาม และตัดต้นไม่ใบหญ้าละแวกนั้นจนเหี้ยน

“ปล่อยเจ้าเด็กนั่นไปก่อน! ไปช่วยหัวหน้าเร็ว!” สมาชิกที่เหลือของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งมิได้สนใจเซี่ยงเส้าหยุนอีก พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง เตรียมเข้าล้อมหมายจะสังหารลิงคิงคองยักษ์

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset