ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 43 : เราคงต้องพบนางในครั้งหน้า

ช่วงเวลาวิกฤตินั้น เซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานพรสวรรค์ในการมองอีกครั้ง ดวงตาของเขาเริ่มส่องแสง ทำให้เวลาโดยรอบเริ่มเดินช้าลง มุมและความเร็วที่ดาบของกงฉินหยินพุ่งเข้ามานั้นชัดเจนขึ้น ด้วยมองเห็นการเคลื่อนไหวที่ช้าลง จะทำให้มีโอกาสหลบการโจมตีได้

ก้าวราชันเก้าปรโลก!

เซี่ยงเส้าหยุนหลบการโจมตีจากดาบด้วยโดยใช้ก้าวราชันเก้าปรโลก เขาโต้กลับในทันที

วิชาดาบหมาป่าสีทอง

พลังปราณคลุมไปทั่วทั้งดาบเกิดเป็นรูปร่างหมาป่า พุ่งตรงเข้าใส่ที่ลำคอของกงฉินหยิน นางตกใจอย่างมากจนถอยหลังไป หากหลบช้ากว่านี้เพียงครู่เดียว ดาบปราณของเซี่ยงเส้าหยุนคงจะฉีกคอของนางออกไปแล้ว

แน่นอนว่าเซี่ยงเส้าหยุนสามารถเลือกที่จะกดความได้เปรียบ โดยการแสดงพลังจากดวงดาวจากภายนอกเพื่อโจมตี แต่เขาเลือกจะทำเช่นนั้น แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เขาก็ได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของนาง

“พอได้แล้ว! อย่าบังคับให้ข้าต้องทำ นี่เป็นการเข้าใจผิด” เซี่ยงเส้าหยุนใช้โอกาสนี้พยายามปรับความเข้าใจต่อกงฉินหยิน

“เจ้าคิดว่าการข้ออ้างเช่นนี้ จะสามารถแก้ปัญหาได้งั้นรึ?” กงฉินหยินตอบอย่างเย็นชา

“เช่นนั้น เจ้าต้องการสิ่งใด? อย่าบอกนะว่าจะให้คุณชายผู้นี้รับผิดชอบ? แม้เจ้าจะดูไม่เลวนัก เมื่อเทียบกับสาวใช้ในตำหนักของข้า แต่เจ้าก็ยังบกพร่อง” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการขณะมองดูร่างกายของกงฉินหยินตั้งแต่บนลงล่าง

มันดำเนินไปโดยไร้ซึ่งคำบอกกล่าวต่อกงฉินหยินในตอนนี้ ว่านางมีเสน่ห์ของสตรีเพียงใด ด้วยเสื้ออาภรณ์ที่ถูกสวมอย่างลวก ๆ ด้วยความเร่งรีบ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางดูมีเสน่ห์ กระนั้นคำกล่าวของเซี่ยงเส้าหยุนมิได้ช่วยให้นางรู้สีกดีขึ้นเลย ตรงกันข้าม เขาเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ ทำให้กงฉินหยินระเบิดความโกรธออกมา!

“ไอ้คนสารเลว! ข้าจะสังหารเจ้า!” กงฉินหยินสีหน้าขุ่นมัวด้วยความโกรธ พลังดวงดาวมหาศาลปกคลุมไปทั้งดาบ เกิดแสงสว่างสาดส่องไปรอบตัว

ดาบคลื่นทลาย!

แสงจากดาบของกงฉินหยินแปรสภาพเป็นคลื่นแสงมหึมา โจมตีเซี่ยงเส้าหยุนจากทั่วทุกทิศทาง นี่เป็นวิชาที่กงฉินหยินใช้เพื่อขจัดความเครียด วิชาที่โหดร้าย แม้แต่ยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสี่ก็ยากจะรับมือ

เมื่อเห็นท่าที่อันน่ากลัวเช่นนี้ เซี่ยงเส้าหยุนมิกล้าปล่อยหมัดออกเช่นกัน พลังดวงดาวของเขาเปล่งประกายขึ้นเมื่อพลังดวงดาวถึงขีดสุด และฟาดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยดาบหมาป่าสีทอง

ตึง! ตึง! ตึง!

ในชั่วอึดใจที่พลังทั้งสองปะทะกัน เสียงกระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งอากาศ และเกิดแผ่นดินไหวทำลายต้นไม้ไปทั่วทั้งบริเวณใกล้เคียง แม้ทั้งสองจะสู้กันอย่างเต็มกำลัง เซี่ยงเส้าหยุนถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะถูกผลักถอยหลังไปหลายก้าว

กระนั้น เช่นเดียวกับกงฉินหยินเริ่มบีบคั้นการโจมตีอีกครั้ง เซี่ยงเส้าหยุนหันไปรอบข้างและวิ่งหนีจากหุบเขา ในตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่แข็งแกร่งพอ เขาเปิดใช้งานก้าวราชันเก้าปรโลกจนถึงขีดสุด แลพวิ่งตรงเข้าไปในป่าที่หนาทึบ ตราบใดที่มีสิ่งกำบังภายในป่า ลูกศรของกงฉินหยินจะสูญเสียประสิทธิภาพทันที

แน่นอนว่า ในตอนนี้กงฉินหยินไม่สามารถตามความเร็วของเซี่ยงเส้าหยุนได้ทัน เขาหนีเข้าไปในป่าลึก ต้นไม้มากมายภายในทำให้นางไม่สามารถยิงธนูใส่ได้

“บ้าฉิบ! แม้เจ้าจะหนีไปยังสุดของโลก ข้าก็จะตามฆ่าเจ้า!” กงฉินหยินร้องเสียงดังอย่างตกใจ รีบพุ่งไปทิศทางที่เซี่ยงเส้าหยุนหายตัวไป พร้อมกับถือธนูในมือ

ด้วยเซี่ยงเส้าหยุนวิ่งด้วยคามเร็วสูงสุด เขาทำให้สัตว์อสูรมากมายต้องตกใจ ทำให้ถูกสัตว์ร้ายจู่โจม โชคดีสำหรับเขา ด้วยพลังดิบที่เพิ่มขึ้นทวีคูณนับตั้งแต่บรรลุเขาสู่ระดับดวงดาว ความเร็วในตอนนี้ไม่อาจเทียบได้กับความเร็วเมื่อยังอยู่ระดับพื้นฐาน และเขามิอาจถูกสัตว์ร้ายจับต้องได้

ยิ่งไปกว่านั้น กับกงฉินหยินที่ตามหลังมา นางต้องเผชิญสัตว์ร้ายมากมาย หากนางยังดื้อดึงที่จะตามเซี่ยงเส้าหยุน นางก็จะพบกับสัตว์อสูรมากมายคอยจู่โจมอยู่ตลอดทาง เป็นการบังคับให้นางเคลื่อนไหวช้าลงเพื่อจัดการกับพวกมัน หากนางไม่สามารถจัดการได้ เช่นนั้นมีเพียงจะต้องหลบหนีไปเท่านั้น

ขณะเดียวกัน กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งลงมาจากเขาด้วยความเร็วเท่าที่สามารถ พวกเขากล่าวว่า เด็กหนุ่มมิได้เป็นอมตะ ถ้าไปถึงที่ทะเลสาบ จึงพบว่าเซี่ยงเส้าหยุนหายไปนานแล้ว

เซี่ยงเส้าหยุนอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุแล้ว ยังคงวิ่งด้วยพลังทั้งหมดที่มี ทว่าเขาพึมพำคำเบากับตนเอง “กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งรึ? คุณชายผู้นี้จะจดจำสิ่งที่พวกมันกระทำ ในคราหน้า ข้าจะชำระพวกมันด้วยเลือด!”

ความขุ่นเคืองเพียงหนึ่งเดียวที่มีต่อกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง สำหรับกงฉินหยินนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเลย ไม่ว่าผู้ใด หากถูกมองขณะเปลือยกายถือว่าเป็นความอัปยศอย่างที่สุด

“ลืมมันไปเสีย เราจะให้นางเห็นตอนเปลือยในครั้งหน้า หากนั่นยังไม่เพียงพอ เราคงต้องยอมแพ้และปล่อยให้นางมาพบอีกสองสามครั้ง จึงจะเท่าเทียม” เซี่ยงเส้าหยุนพูดกับตัวเองอย่างไร้ยางอาย

หากกงฉินหยิงอยู่ใกล้เคียงแล้วได้ยินคำเหล่านี้ นางคงไล่ล่าเขาอีกครั้งและสังหารเขาในทันที แต่เซี่ยงเส้าหยุนไม่สนใจ หลังจากวิ่งไปได้ไกลพอสมควร เขาค่อยลดความเร็วลงเพื่อหายใจ ก่อนจะล่าสัตว์อสูรชั้นกลางโดยรอบ และปรุงมันเป็นอาหารเพื่อบำรุงกำลัง เขาและเสี่ยวไป่ตัดสินใจพักลงที่จุดนี้

หุบเขาร้อยอสูรนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ว่าผู้ใดที่ยังคงตามล่าเซี่ยงเส้าหยุน จึงเป็นการยากที่จะพบตัว เหตุที่เขาไม่ออกจากหุบเขาร้อยอสูรทันทีนั้น เพราะเป็นความตั้งใจของตน เขาตั้งใจจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งก่อนจะกลับไปที่ตำหนักยุทธ์

เซี่ยงเส้าหยุนปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น เขาจะสามารถฟื้นคืนสิ่งที่สูญเสียไป และสามารถกลับบ้านได้หลังจากสิบปี สิ่งที่จำเป็นคือจะต้องมีพลังเพียงพอจะกระทำ กลุ่มนักล่าสิงโตคลังและคนจากตระกูลอู่ เป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ สู่เส้นทางที่ยิ่งใหญ่

“การนำกระเป๋าไปด้วยคงเป็นการยากลำบาก เสี่ยวไป่ ฝากดูแลมันหน่อย! อย่าทิ้งมันเสียล่ะ เข้าใจไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนสั่งสอนเสี่ยวไป่หลังจากทั้งสองกินจนอิ่มท้อง หลังจากนั้น เขาก็เข้าสู่ฌานและเปิดใช้ตำราราชันพิชิตสวรรค์ พลังงานพรั่งพรูไปทั่วทั้งร่าง พลังภายในหนาแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตำราราชันพิชิตสวรรค์คุ้มค่ากับนามของมัน ในฐานะของวิชายุทธ์โบราณระดับสูง มันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนในอัตราส่วน และส่วนสำคัญที่สุด มันสามารถแยกพลังออกเป็นเก้าส่วน และกระจายไปยังดวงดาวทั้งเก้า

“ดวงดาวทั้งสวรรค์และโลกา หากเราสามารถควบแน่นพลังดวงดาวเพื่อสร้างทะเลดวงดาว เราจะสามารถกักเก็บสิ่งของภายในได้ เราจะได้ไม่ต้องแบกสิ่งของมากมายตลอดเวลาในการเดินทาง และสิ่งสำคัญที่สุด เราจะสามารถปรับแต่งอาวุธแห่งโชคชะตาได้! น่าเสียดายที่ขั้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายจะบรรลุ”

ตอนนั้นเองเซี่ยงเส้าหยุนนึกถึงสิ่งที่สำคัญมาก นั่นคือทะเลจักรวาลดวงดาว มันเป็นสิ่งที่เป็นรูปแบบของการแปรเปลี่ยนพลังงานดวงดาวไปสู่ลมปราณ และการเปลี่ยนลมปราณสู่ของเหลว ด้วยการสะสมของเหลวเหล่านี้อย่างเพียงพอ จะเกิดการสร้างทะเลที่มีโลกอยู่ภายใน สามารถกักเก็บสิ่งต่าง ๆ ไว้ภายในได้

เป็นวิธีหนึ่งที่มนุษย์ใช้ศักยภาพสูงสุด ซึ่งจำเป็นต้องมีพลังยุทธ์ที่สูงเสียก่อนจึงจะสามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้ สำหรับเซี่ยงเส้าหยุนในตอนนี้ เขาอาจมองไปข้างหน้าอันแสนไกลอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เช่นนั้น คุณชายผู้นี้มีพรสวรรค์ เราจะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นที่นี่ เราจะต้องลองดู” เซี่ยงเส้าหยุนดำเนินการตามความคิดในทันที และเข้าสู่สภาวะการฝึกยุทธ์

การสกัดทะเลแห่งดวงดาวให้มีโลกอยู่ภายใน สิ่งจำเป็นจะต้องมีคือตำราโบราณ ด้วยวิชาพิเศษเพื่อทำให้สำเร็จ ไม่มีผู้ใดสามารถบรรลุขั้นนั้นได้ด้วยตนเอง เซี่ยงเส้าหยุนเคยศึกษาตำราและคัมภีร์โบราณนับร้อย จึงค้นพบวิธีปรับแต่งทะเลจักรวาลดวงดาว เขาเริ่มเปิดใช้วิชาโบราณหลายวิชาเพื่อเสริมตำราราชันพิชิตสวรรค์ให้แก่เก้าดวงดาวภายใน

วิ้ง! วิ้ง!

เก้าดวงดาวภายในร่างของเซี่ยงเส้าหยุนเปล่งประกายเจิดจ้า เมื่อประกายแสงรวมตัวกัน ค่อยก่อตัวขึ้นภายในร่างกาย อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาขาดความแข็งแกร่งที่จำเป็นในการปรับแต่งพลังงาน ซึ่งจำเป็นต่อการก่อตัวของทะเลจักรวาลดวงดาว เมื่อรู้สึกราวกับพลังงานหยุดพรั่งพรูเข้าสู่ร่างกายที่กำลังส่องแสง เขาหยิบน้ำเต้าออกมาจากกระเป๋าและดื่มน้ำจากมันโดยตรง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset