ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว รุ่งเช้าได้มาถึง เซี่ยงเส้าหยุนได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เขาออกมารับแสงแดดเพื่อดูดซับเอาปราณสีม่วงที่มากับแสงอาทิตย์แรกของวัน ทำให้ร่างกายรู้สึกเบาสบายและอบอุ่น ขณะที่พลังงานภายในหนาแน่นขึ้น
พลังดวงดาวของเขาเพิ่มขึ้น สิ่งที่จำเป็นในการดูดซับพลังจากดวงดาวและดวงจันทร์ แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศตอนนี้ จึงมองหาดวงจันทร์และดวงดาวได้ยากยิ่ง เช่นนั้นดวงอาทิตย์จึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด
ตำนานเล่าขาน ยอดฝีมือบางคนสามารถฝึกยุทธ์ได้ด้วยแสงอาทิตย์ ทำให้การฝึกยุทธ์เติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้มีความสามารถในการฝึกยุทธ์จะมีพลังที่จะทำให้โลกแตกแยกได้ เช่นเดียวกับเทพเจ้า
เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนที่เติบโตขึ้น จำนวนในการดูดซับปราณสีม่วงจึงเพิ่มขึ้นตาม ด้วยร่องรอยของพลังนั้นไร้ขอบเขตภายใน เมื่อพลังงานถูกดูดซับจากปราณสีม่วงเข้ามาในดวงดาว ดวงดาวจะส่องสว่างขึ้น พลังงานบางส่วนรั่วไหลออกจากดวงดาว และการรั่วไหลนั้นจะไปชำระจุดฝังเข็มทั้งสามร้อยหกสิบห้าจุดภายในร่างกาย ทำให้จุดฝังเข็มทั้งหมดส่องแสงเป็นประกายเช่นกัน
ในความเป็นจริง ร่างกายทุกส่วนของเซี่ยงเส้าหยุนดูเหมือนจะเรืองแสงเล็กน้อย ปลดปล่อยออร่าอันน่าพิศวงออกมา หลังจากพลังงานหมุนเวียนได้หนึ่งรอบภายในร่างกาย พวกมันถูกดูดเข้าไปในทะเลจักรวาลดวงดาว จากนั้นก็หลอมรวมเป็นพลังงานใหม่ และหลังจากหลอมรวมแล้ว หยาดดวงดาวจึงใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
“ฟู่”
เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง รู้สึกอ่อนแอลงอย่างมาก ราวกับพลังงานที่ดูดซับก่อนหน้านี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
“การเติบโตขึ้นของทะเลจักรวาลดวงดาวเป็นเรื่องที่เหนื่อยนัก มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถทำให้มันเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ ดูเหมือนเราจะต้องเปิดใช้มันตลอดเวลา” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นคำเบากับตนเอง
“ข้าได้เห็นเจ้าดูดซับปราณสีม่วงแล้ว เหตุใดพลังงานยังคงอ่อนแอมากกว่าจะเติบโตเล่า? เจ้าลืมวิธีสกัดปราณแล้วหรือ?” จื่อฉางเหอปรากฎตัวขึ้นใกล้เคียง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้ว
“ศิษย์พี่ ท่านมาไม่ส่งเสียงให้ข้าทราบเลย อาจทำให้ใครบางคนกลัวจนตายได้เลย รู้ไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นขณะรู้สึกตกใจกับการปรากฏตัวของจื่อฉางเหอ เขากล่าวอีกครั้ง “นั่นเป็นเหตุสุดวิสัย ข้าไม่ได้รวบรวมรากฐานอย่างถูกต้อง” เซี่ยงเส้าหยุนมิอาจบอกจื่อฉางเหอถึงการก่อตัวของทะเลจักรวาลดวงดาวได้ แม้จะทำเช่นนั้น ศิษย์พี่ก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
“เข้าใจแล้ว ระวังอนาคตและอย่าฟุ้งซ่านมากนัก ปราณสีม่วงเป็นพลังงานที่สามารถทำให้พลังงานดวงดาวเติบโตอย่างรวดเร็ว พยายามอย่าใช้มันอย่างเปล่าประโยชน์ล่ะ” จื่อฉางเหอแนะนำ และกล่างเสริม “เราจะเริ่มสอนวิทยายุทธ์แก้เจ้าในวันนี้ หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ปราศจากวิทยายุทธ์ คงเป็นดั่งเสือที่ไร้คมเขียว มิอาจสร้างบาดแผลแก่ผู้ใดได้”
“ตกลง แล้ววิทยายุทธ์ใดที่ท่านจะสอนข้า? ใช้วิทยายุทธ์ระดับห้าหรือหกหรือไม่?” เซี่ยงเส้าหยุนถูมือเข้าด้วยกันด้วยความยินดี
จื่อฉางเหอขมวดคิ้วทันที และกล่าว “ดูเหมือนเจ้าจะคิดว่าวิทยายุทธ์คล้ายกับพืชผักที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั่วไปงั้นรึ? วิชาระดับห้าหรือหกงั้นหรือ? เจ้าตำหนักก็ต้องฝึกเช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้น!”
“ก็ได้ ก็ได้ แล้ววิทยายุทธ์ระดับสี่เล่า? ท่านควรจะต้องมีสักวิชาสิ ใช่หรือไม่?” เซี่ยงเส้าหยุนตั้งใจจะระงับบางสิ่ง
“วิทยายุทธ์ระดับสองขั้นสูงสุด วิชาหอกอัสนี!” จื่อฉางเหอขานชื่อวิชาโดยตรง โดยไม่ต้องการต่อล้อต่อเถียงกับเซี่ยงเส้าหยุนอีกต่อไป
แม้จะเป็นวิทยายุทธ์ระดับเดียวกัน แต่ก็มีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง วิชาหอกอัสนีเป็นวิทยายุทธ์ระดับที่สองขั้นสูงสุด ซึ่งมีพลังมากกว่าวิทยายุทธ์ระดับที่สองทั่วไป
“เพียงแค่ระดับสองรึ? นั่นเป็นการดูถูกตัวตนของท่านเองในฐานะศิษย์พี่และผู้อาวุโส ก็ได้ ข้าจะถ่ายทอดวิชาระดับสี่ให้ท่านเมื่อมีเวลา และขอสัญญาว่าจะไม่มีผู้อาวุโสคนใดสามารถเทียบเทียม” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว ด้วยน้ำเสียงดูถูก
“ข้าจะกล่าวซ้ำอีกคราเดียว และจะสาธิตให้เจ้าดูท่วงท่าเพียงครั้งเดียวเช่นกัน เรียนรู้มันหากเจ้าต้องการ!” จื่อฉางเหอไม่อาจกังวลถึงสิ่งที่ศิษย์น้องของเขากล่าวอย่างหลงตัวเอง หลังจากประกาศคำสั้น เขาเริ่มดำเนินการร่ายคาถาวิชาหอกอัสนี
ต่อมา ร่างของเขาเริ่มเคลื่อนไหวไปพร้อมกับร่ายคาถา หอกถูกแทงไปเบื่องหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระแสไฟฟ้าประทุออกด้วยพลังทำร้ายล้าง ซึ่งยากจะจะมีผู้ใดสามารถป้องกัน
แม้ว่าท่าทางของเซี่ยงเส้าหยุนจะดูราวกับอยู่เหนือวิทยายุทธ์ระดับสองนี้ เขายังคงให้ความสนใจกับมนต์ที่จื่อฉางเหอกำลังสวด และจดจำท่วงท่าของจื่อฉางเหอแสดงให้ประจักษ์ ในขณะที่ฟังและมองดู เขาเปิดใช้งานพรสวรรค์สัญชาตญาณและจินตภาพไปพร้อมกัน
ในตอนนี้จื่อฉางเหอสอนเสร็จ เซี่ยงเส้าหยุนจดจำมนต์และท่วงท่าได้ขึ้นใจ
“เจ้าจดจำได้หมดไหม?” จื่อฉางเหอถามอย่างเคร่งครัด
“แน่นอน” เซี่ยงเส้าหยุนพยักหน้า
โดยธรรมชาติแล้ว จื่อฉางเหอไม่เชื่อเขา “ท่องออกมาเสียงดัง”
เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มท่องมนต์โดยไม่พลาดแม้เพียงคำเดียวจนจบบท จื่อฉางเหอรู้สึกมึนงงไปหมด แม้มนต์จะไม่ยาวนัก แต่คนทั่วไปสามารถจดจำได้หลังจากพยายามมากกว่าสิบครา เจ้าเด็กนี่สามารถจดจำได้หลังจากฟังเพียงครั้งเดียว
“ศิษย์พี่ อย่ามองข้าเช่นนั้นสิ ข้ารู้ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะด้านการจดจำ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างทะนงตน
ทำให้ถูกตีเข้าที่หลังศีรษะ จื่อฉางเหอกล่าว “เจ้าภูมิใจกับสิ่งใดกัน? หากเจ้าสามารถปลดปล่อยพลังจากวิชาหอกอัสนีได้เพียงเล็กน้อยในวันนี้ ข้าจะยอมรับว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ”
“อย่าตีหัวข้าสิ!” เซี่ยงเส้าหยุนท้วงติงก่อนจะทำท่าทางเคร่งขรึม และกล่าว “อะไรนะ? เพียงเล็กน้อยรึ? ท่าดูถูกข้าเกินไปแล้ว! ข้าสามารถบรรลุวิชาไร้ประโยชน์นี่ได้อย่างน้อยก็หนึ่งในสิบในหนึ่งวัน!”
“แน่นอน ในเมื่อกล่าวเช่นนั้น หากเจ้าทำได้ ข้าจะสอนวิทยายุทธ์ระดับสามและมอบสิ่งพิเศษให้แก่เจ้า” จื่อฉางเหอกล่าวแล้วจากไป
จื่อฉางเหอป็นคนตรงไปตรงมาและไม่เคยพิรี่พิไร แม้เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจเคารพศิษย์พี่ของตนได้ “ด้วยท่าทางเช่นนี้ของศิษย์พี่ น่าเสียดายที่เขาค่อนข้างอ่อนแอ เราควรมอบความรู้บางอย่างแก่เขาในอนาคต เพื่อช่วยให้ความแข็งแกร่งเติบโตขึ้น เราคิดว่าพละกำลังที่เพิ่มขึ้น แม้แต่การยั่วยวนของสตรีที่ออกเรือนแล้ว ก็คงมิใช่เรื่องยากสำหรับเขา”
จื่อฉางเหอยังไม่ได้จากไป เมื่อเขาได้ยินคำของเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้เซและเกือบจะล้มลงกับพื้น ‘เขา จื่อฉางเหอผู้นี้ต้องการให้เซี่ยงเส้าหยุนสอนบางสิ่งงั้นรึ? เพื่อหลอกล่อสตรีที่ออกเรือนอย่างนั้นรึ? ช่างเป็นเด็กที่พูดจาใหญ่โตนัก!’
หลังจากจื่อฉางเหอจากไป เซี่ยงเส้าหยุนถือหอกขึ้น นี่คือหอกระดับสองซึ่งถูกเรียกว่าหอกสายฟ้า ซึ่งจื่อฉางเหอทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจะจากไป ด้วยหอกนี้มีชื่อตรงกันกับวิทยายุทธ์ที่เขากำลังฝึกฝน
เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่เริ่มฝึกฝนในทันที แต่ภาพจำที่จื่อฉางเหอแสดงให้เห็นก่อนหน้าปรากฏขึ้นในใจ ถ้าหากจื่อฉางเหอปรากฎตัวอีกครั้ง ขณะที่ภาพเหล่านั้นพุ่งผ่านเข้าในจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยงเส้าหยุนสามารถเข้าใจท่วงท่าทั้งหมด และได้ค้นพบช่องโหว่ของท่วงท่าเช่นกัน
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนก็เริ่มฝึกฝน ในเบื่องต้นเขาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า การแทงในแต่ละครั้งราวกับหลุดออกมาจากตำรา หลังจากที่เริ่มคุ้นเคยกับวิชาหอกอัสนี เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง
ในช่วงเช้าวันหนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนเคลื่อนไหวตามวิชาหอกอัสนีซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน และยังแก้ไขช่องโหว่ของท่วงท่า เพื่อให้วิชาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“แก่นแท้ของวิชาหอกอัสนีคือความรวดเร็วปานสายฟ้า สามารถโจมตีได้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเผยช่องโหว่เล็กน้อยขณะโจมตี และยังสามารถแปรสภาพลังงานดวงดาวเป็นสายฟ้าเพื่อปลดปล่อยการโจมตีอันมหาศาล วิชานี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นความเร็วเท่านั้น ความแข็งแกร่งก็เช่นกัน” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นพึมพำด้วยความภาคภูมิต่อวิชา หลังจากกินเนื้อรมควันเป็นมื้อเที่ยง
ในปัจจุบัน เขาเข้าใจการเคลื่อนไหวที่สำคัญของวิชาแล้ว และต้องการเพิ่มพลังดวงดาวเข้าไปอย่างสมดุล และจะได้เห็นว่าสามารถปลดปล่อยพลังของวิชาได้มากเพียงใดในตอนนี้
หลังจากพักเพียงครู่เดียว เซียงเส้าหยุนเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง เขาแทงหอกซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่พลังงานดวงดาวพุ่งเขาไปในหอก และปลดปล่อยพลังสีม่วงออกมาจากหอก