ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 51 : เจ้ากล้ากลั่นแกล้งสมุนของคุณชายผู้นี้รึ?

การประลองส่วนตัวระหว่างศิษย์ชั้นนอกถูกห้ามลง ดังนั้นการกลั่นแกล้งของเซี่ยหลิวฮุยจึงเป็นเรื่องปกติในลานประลอง ผู้ที่เอาชนะเซี่ยหลิวฮุยคือลูกสมุนของอู่หมิงเหลียง โกวจื่อนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ โกวจื่อเป็นเพียงช่วงสูงสุดของระดับพื้นฐานขั้นเจ็ด ขณะที่เซี่ยหลิวฮุยเพิ่งบรรลุระดับพื้นฐานขั้นแปดเมื่อเดือนก่อน โกวจื่อไม่ควรทำเช่นนี้ต่อเซี่ยหลิวฮุยได้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้โกวจื่อขึ้นไปถึงระดับพื้นฐานขั้นเก้าในตอนนี้ แม้เซี่ยหลิวฮุยจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมต่อโกวจื่อเช่นกัน

“ฮ่า ฮ่า เจ้าหนูน้อยขี้โกง เจ้ายังกล้าเรียกเซี่ยงเส้าหยุนว่าลูกพี่อีกไหม? ข้าจะทุบตีเจ้าอย่างไม่ใยดี จนแม้แต่ลูกพี่ของเจ้าก็จะจำเจ้าไม่ได้!” โกวจื่อหัวเราะอย่างโหยหวน ขณะปล่อยหมัดเข้าใส่เซี่ยหลิวฮุย

หมัดที่โกวจื่อใช้คือวิทยายุทธ์ระดับสอง หมัดละรอกคลื่น เป็นหนึ่งในวิชาของตระกูลอู่ เซี่ยงหลิวฮุยรู้จักเพียงแค่หมัดพลังปราณ และความแข็งแกร่งแม้จะเพิ่มขึ้นจากวิชา แต่มิอาจเทียบได้กับหมัดระลอกคลื่น ดังนั้นโกวจื่อจึงชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของซึ่งเต็มไปด้วยรอบฟกช้ำและเลือด ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันแน่น ไร้ซึ่งการยอมจำนน

“ลุกขึ้นมา! ฆ่าข้าเสียหากเจ้าทำได้! เมื่อลูกพี่ของข้ากลับมา เขาจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้แน่!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนอย่างไม่ยอมผู้ใด หลังจากที่ตะโกนคำเหล่านั้น หมัดของโกวจื่อกระแทกเข้าที่ท้อง ก่อนที่จะเตะอีกครั้งส่งผลให้เขากลิ้งไปกับพื้น แม้ว่าจะดูเสียใจอย่างที่สุด แม้แต่เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบนอกลานประลองยังร้องออกด้วยความสงสาร พวกเขาเชื่อว่าเซี่ยหลิวฮุยควรยอมจำนนเสีย เพื่อจะได้ไม่เจ็บต้องปวดอีก

“ลูกพี่ของเจ้าไม่มาหรอก! หากเขากล้าโผล่หน้ามา ข้าจะทุบตีเขาจนฉี่ราดกางเกง และร้องไห้หาแม่เลย!” โกวจื่อกล่าวอย่างภาคภูมิ ราวกับทาสผู้ได้รับความรุ่งโรจน์ในครั้งแรก

เช่นเดียวกับที่โกวจื่อเริ่มทุบตีเซี่ยหลิวฮุยอีกครั้ง มีเสียงดังมาจากนอกลานประลอง “เป็นคำที่ดูใหญ่โตนัก เจ้าสุนัขโง่! ข้ายืนอยู่ตรงนี้ เข้ามาสิ แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าจะทำให้ข้าฉี่รดกางเกง และร้องหาแม่ได้อย่างไร”

หลังจากได้ยินเสียงดังกล่าว ร่างผอมและสูงได้ปรากฎตัวที่ลานประลอง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป เซี่ยงเส้าหยุนไม่มีออร่าบัณฑิตรอบตัวอีกต่อไป  ในตอนนี้เขาได้มีรูปร่างที่แข็งแกร่งจากการฝึกฝน และความสูงเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ทำให้ดูราวกับเป็นวีรบุรุษผู้เยาว์วัย เด็กสาวหลายคนต่างรู้สึกหวั่นเกรงเมื่อเห็นรูปลักษณ์ในตอนนี้ของเซี่ยงเส้าหยุน

“นั่น เซี่ยงเส้าหยุนนี่! เขาเผยตัวออกมาแล้ว! เจ้าสังเกตหรือไม่? ตอนนี้เขาช่างดูหล่อเหลาเอาการ!”

“ใช่แล้ว!”

“เขาดูมาดแมนขึ้นนะ จะต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่งแน่ หากเขาจะช่วยฉันเพียงสักคราละก็…”

“โชคดีสำหรับโกวจื่อ เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้จัดการอู่หมิงเหลียงได้เมื่อเดือนก่อน ด้วยห้าดวงดาวสถิตร่าง คงไม่นานก่อนที่จะอยู่เหนือศิษย์พี่เหลิงฮาน”

“ข้าได้ยินมาว่าอู่หมิงเหลียงได้กลับมาเมื่อสองวันก่อน เขาบรรลุระดับดวงดาวขั้นหนึ่งแล้ว ข้าเกรงว่าจะสร้างความยากลำบากแก่เซี่ยงเส้าหยุน”

โกวจื่อไม่คาดคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะปรากฏตัวขึ้น เขาตัวแข็งทื่อก่อนจะเดินโซเซด้วยความตกใจ และเกือบจะล้มลงกับพื้น

เห็นได้ชัดว่าเขาเกรงกลัวเซี่ยงเส้าหยุนเพียงใด ความเจ็บปวดที่ได้รับจากก้อนอิฐยังคงตราตรึงในความทรงจำ

“ละ-ลูกพี่ ท่านกลับมาแล้ว!” เซี่ยหลิวฮุยร้องออกด้วยความยินดีเมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหยุน หากช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว เขาคงจะยอมจำนนไปแล้ว

“อืม ทุกสิ่งเข้าที่แล้วตอนนี้ เอ้า รับเอาเม็ดยารักษาและรักษาตัวเองเสียก่อน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะยื่นเม็ดยารักษาให้แก่เซี่ยหลิวฮุย ก่อนจะช่วยพาเขาออกจากลานประลอง

เซี่ยหลิวฮุยรู้สึกประทับใจต่อท่าทาง เขาคิดกับตนเอง ‘ดูเหมือนจะเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว ที่จะเลือกติดตามลูกพี่ผู้นี้’

หลังจากช่วยพาเซี่ยหลิวฮุยออกจากลานประลองแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนหันไปรอบข้าง และเริ่มก้าวเท้าไปหาโกวจื่อ

“จะ เจ้าจะทำอะไร? นี่เป็นการประลองระหว่างข้ากับเซี่ยหลิวฮุยนะ! เจ้าพยายามจะแทรกแซงการประลองระหว่างศิษย์รึ? เช่นนั้นเจ้าจะถูกทำโทษนะ!”โกวจื่อพูดติดอ่างด้วยความกลัว

เขากล้าพอจะข่มขู่เซี่ยงเส้าหยุน ด้วยก่อนหน้าไม่คาดคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะปรากฏตัว แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ทำให้ความกล้าก่อนหน้ามลายหายไป

เซี่ยงเส้าหยุนก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น โกวจื่อมองไปที่ผู้ดูแลด้วยสายตาวิงวอนให้ช่วย แต่ผู้ดูแลกลับไม่สนใจตน

“คุณชายอู่ ช่วยข้าด้วย!” โกวจื่อล้มลงในที่สุดและเริ่มร้องขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นเองเซี่ยงเส้าหยุนเริ่มวิ่ง

ลูกเตะวายุหมุน!

เพียงแค่ยกขาเท่านั้น เซี่ยงเส้าหยุนก็บินไปด้านหลังของโกวจื่อ และส่งลูกเตะเข้าใส่ที่ด้านหลัง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงของอู่หมิงเหลียงดังจากที่ห่างไกล แต่ก็สายไปเสียแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนนั้นรวดเร็วกว่ามาก และโกวจื่อไม่อาจหลบหนีจากลูกเตะได้ สำหรับอู่หมิงเหลียงเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาเช่นกัน

โครม!

ลูกเตะกระแทกและส่งโกวจื่อบินตรงไปหาอู่หมิงเหลียงราวกับนก

“อ๊ากกกก!”

อู่หมิงเหลียงก็มิอาจหลบได้ทันเช่นกัน และโกวจื่อก็ได้ร่วงทับเขา บังเอิญโกวจื่อที่พุ่งชนอู่หมิวเหลียง ทำให้ริมฝีปากของทั้งสองประกับกันก่อนที่ทั้งสองจะล้มลง ก่อให้เกิดภาพที่ตลกขบขันแก่ผู้พบเห็น เหล่าศิษย์ทุกคนต่างตกตะลึง

“อ๊าก มันเจ็บชะมัด!” โกวจื่อคร่ำครวญ ยังคงนอนทับอู่หมิงเหลียงอยู่

“ไปให้พ้น!” อู่หมิงเหลียงคำรามและผลักโกวจื่อออก จากนั้นก็พุ่งไปที่เท้าและหยิงดาบออก เขาชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหยุน “เซี่ยงเส้าหยุน ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”

หลังจากกล่าวจบ เขาฟันเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนทันที พลังจากดาบมีระยะถึงหนึ่งเมตร ซึ่งเกิดจากพลังดวงดาวพุ่งไปในอากาศเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน ออร่าที่เกิดจากการฟันทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหมดต้องหน้าซีดเซียว

นี่คือการปล่อยพลังดวงดาว! มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้อย่างมาก เป็นสิ่งยืนยันสำหรับผู้บรรลุถึงระดับดวงดาวแล้ว ทุกคนต่างคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นโชคร้ายในครานี้ แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะอู่หมิงเหลียงได้ในครั้งก่อน แต่ไม่เคยมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานคนใดจะสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวได้

“เจ้าจะมาท้าทายข้าด้วยพลังเพียงแค่นี้งั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสานัก!” เซี่ยงเส้าหยุนเย้ยหยัน ราวกับร่างกายกระพริบขณะหลบการโจมตี เขาปรากฏกตัวข้างอู่หมิงเหลียงแทบจะในทันที และปล่อยฝ่ามือเข้าใส่

ผัวะ!

เซี่ยงเส้าหยุนรวดเร็วกว่าอู่หมิงเหลียง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตบเข้าที่หน้าอู่หมิงเหลียง ทำให้เกิดเสียงก้องกังวานไปทั่ว

“นี่เจ้ากล้ากลั่นแกล้งลูกสมุนของคุณชายผู้นี้รึ? เจ้าไม่มีทางหนีข้าพ้นแน่!” เซี่ยงเส้าหยุนประกาศอย่างเกรี้ยวกราด ขณะโจมตีอีกครั้ง

ฝ่ามือผ่าเมฆา

เซี่ยงเส้าหยุนโจมตีด้วยฝ่ามือทั้งสอง การโจมตีทั้งหมดเข้าใส่อู่หมิงเหลียงอย่างไร้ความปราณี อู่หมิงเหลียงไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย สำหรับสมุนของอู่หมิงเหลียง พวกเขาเข้ามาช่วยเหลือเขาในทันที แต่เมื่อเห็นอู่หมิงเหลียงพ่ายแพ้ราบคาบ พวกเขาก็หนีไปด้วยความกลัว

โกวจื่อซึ่งเป็นคนค่อนข้างซื้อสัตย์ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่พุ่งเข้าไปช่วยและตะโกน “คุณชายอู่ ข้าจะช่วยท่านเอง!”

“โอ้? งั้นหรือ งั้นเจ้าก็ตามเขาไปแล้วกัน!” เซี่ยงเส้าหยุนตอบขณะจับหมัดที่พุ่งเข้ามาของโกวจื่อ และเปลี่ยนทิศทางของสมุนไปยังตำแหน่งของอู่หมิงเหลียง

เป็นอีกครั้งที่โกวจื่อล้มทับอู่หมิงเหลียง และริมฝีปากของทั้งสองก็ประกบกันอีกครั้ง เมื่ออู่หมิงเหลียงรู้สึกถึงความอบอุ่นบนใบหน้า เขาโกรธมากจนไอออกมาเป็นเลือด ในความจริงนั้นเขาเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธ

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset