ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 50 : เฉพาะระดับดวงดาวเท่านั้น

ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 51 : เจ้ากล้ากลั่นแกล้งสมุนของคุณชายผู้นี้รึ? ฟรี วันที่ 2020/12/16

               “ไอ้บ้าเอ้ย! คุณหญิงผู้นี้จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้แน่!” หลี่หงเอ๋อตะโกนจากทะเลสาบ นางเติบโตขึ้นภายในตำหนักยุทธ์ และเป็นที่รู้จักในนามนายหญิงผู้ชอบกดขี่อันดับหนึ่งแห่งตำหนัก นางเป็นผู้ชอบกดขี่ผู้อื่นมาโดยตลอด ไม่แม้แต่คนรอบตัว วันนี้ขณะที่นางกำลังจะสั่งสอนบทเรียนแก่เด็กหนุ่ม แต่กลับถูกผลักลงทะเลสาบเสียอย่างนั้น! ช่างเป็นเรื่องน่าโมโหนัก!

อย่างไรก็ตาม หลี่หงเอ๋อนั้นฝึกฝนวิทยายุทธ์มาตั้งแต่ยังเยาว์ และตอนนี้นางได้บรรลุช่วงกลางผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสาม หลังจากใช้เวลาไม่นานขึ้นมาจากทะเลสาบ ร่างกายซึ่งเปียกปอนไปทั้งตัว เผยถึงสัดส่วนร่างกายที่งดงามตามวัยต่อหน้าต่อตาเซี่ยงเส้าหยุน

“เอ๊ะ เจ้าก็ดูดีนี่ แต่โชคไม่ดีเลย หน้าอกของเจ้าเล็กไปหน่อย และบั้นท้ายของเจ้าก็ยังโคงมนไม่พอ และที่สำคัญบุคลิกของเจ้าแย่มาก หากข้าต้องให้คะแนนเจ้าละก็คงจะต้องติดลบเป็นแน่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวต่อหน้าหลี่หงเอ๋อ

“ตายซะ!” หลี่หงเอ๋อไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป หลังจากได้ยินคำของเด็กหนุ่ม ความโกรธของนางก็ปะทุขึ้น นางเพิกเฉยต่อคำขอโทษและเข้าจู่โจมเซี่ยงเส้าหยุน ฝ่ามือที่แฝงไปด้วยพลังดวงดาวและเปล่งปรพกายสีแดงเลือด พุ่งเข้ากระแทกไปที่หน้าอกของเด็กหนุ่ม

ฝ่ามือโลหิตพิษ!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสามซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นยอดฝีมือ แม้คนธรรมดานั้นไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้ได้ แต่เซี่ยงเส้าหยุนกลับเผชิญหน้าแทนที่จะหลบหลีก เขาปล่อยหมัดออก

หมัดพลังปราณ!

หมัดธรรมดาไร้ซึ่งพลังดวงดาว แต่ก็มีท่วงท่าที่แข็งแกร่ง เมื่อฝ่ามือและหมัดปะทะกันเกิดเสียงดังอู้อี้ไปทั่วทั้งอากาศ ทำให้หลี่หงเอ๋อถอยหลังไปสองก้าว และแม้แต่ฝ่ามือก็ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับกันเซี่ยงเส้าหยุนมิได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบใดต่อการโจมตีของหลี่หงเอ๋อ

“พิจารณาว่าเจ้าได้รับบทเรียนใด ข้ามาที่นี่เพื่อบอกให้เจ้าไปให้พ้นจากที่นี่ เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิที่ข้าไม่เมตตาต่อเจ้า” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเยือกเย็น

หลี่หงเอ๋อที่ครั้งหนึ่งเคยเอาแส้ฟาดใบหน้าอันงดงามจนเกิดบาดแผล และเขาเคยสาบานว่าจะสอนบทเรียนอันโหดร้ายแก่นาง แต่ในคตอนนี้เมื่อมองดูหลี่หงเอ๋อรู้สึกเสียใจหลังจากตกลงไปในทะเลสาบ ความโกรธก็มลายหายไป เช่นนั้นเขาคิดจะไว้ชีวิตนาง ด้วยเชื่อว่าในฐานะสุภาพบุรุษ จะต้องเป็นผู้ใจกว้าง โชคร้ายที่หลี่หงเอ๋อมิได้สำนึกค่าความเอื้อเฟื้อของเขาแม้แต่น้อย

“เจ้ากล้าไล่ข้างั้นรึ? หากข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจระงับความโกรธในใจได้!” หลี่หงเอ๋อตะโกนก่อนที่นางจะรวบรวมพลังทั้งหมด และเริ่มเข้าโจมตีเซี่ยงเส้าหยุนอย่างบ้าคลั่ง

นางเป็นถึงบุตรีของหลี่เสวียเหมิง ด้วยยังเชี่ยวชาญฝ่ามือโลหิตพิษ และฝ่ามือแต่ละข้างซึ่งมีพลังไร้ขอบเขต การโจมตีของนางหมายจะเอาชีวิตของเซี่ยงเส้าหยุน และยังจู่โจมแต่ละครั้งจากมุมซึ่งจัดการได้ยาก

เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนเองออกมา เซี่ยงเส้าหยุนมิอาจเปิดใช้งารพรสวรรค์สัญชาตญาณได้ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงใช้ฝ่ามือแยกเมฆาเข้าปะทะกับฝ่ามือโลหิตพิษเท่านั้น เพียงแค่กะพริบตา ทั้งสองต่างก็แลกกระบวนท่ากว่าสิบครั้ง และยังไม่อาจกล่าวได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

“ไม่ยุติธรรม! เจ้าได้เปรียบกว่าข้าด้วยร่างกายที่เปียกปอน! เช่นนั้นข้าควรรวบตัวเจ้าแทนดีไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจหยุดจ้องมองร่างกายของหลี่หงเอ๋อได้

และเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางสั่นเล็กน้อย เผยช่องว่างในทันที เมื่อเห็นช่องว่างนั้น เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของเด็กสาวทันที ส่งผลให้หลี่หงเอ๋อถูกผลักตกทะเลสาบอีกครั้ง

ซู้ม!

นี่เป็นครั้งที่สองที่นางตกลงไปในทะเลสาบ และร่างกายเปียกปอน นางลอยอยู่เหนือน้ำด้วยความตะลึงงัน ก่อนจะคำรามออกราวกับนักโทษที่โกรธเกรี้ยว “ข้า….จะไม่พักจนกว่าเจ้าจะตาย!”

“เฮ้ นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ!” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าไรเดียงสา และรีบกล่าวเสริมอีกครั้ง “ข้าบอกให้เจ้าถอยไป แต่เจ้าก็ยังสับสน งั้นก็ได้ คุณชายผู้นี้เป็นคนใจกว้าง ข้าจะอภัยให้เจ้าสักครั้ง”

หลังจากกล่าวจบ เขาเดินออกไปโดยไม่รอให้หลี่หงเอ๋อขึ้นจากทะเลสาบ ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยังเป็นบุตรีของผู้อาวุโส หากพ่อของนางปรากฏตัวขึ้น เขาจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน

“ไอ้เวรตะไลเอ้ย! ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้แน่! อย่าหวังว่าจะหนีข้าพ้น!” หลี่หงเอ๋อกรีดร้องใส่เซี่ยงเส้าหยุนเมื่อนางขึ้นจากน้ำแล้ว มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจต่อเซี่ยวเส้าหยุนแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันเขามุ่งกลับไปที่พักของตนเอง ฟลังจากเก็บสัมภาระและสิ่งของที่สำคัญออกไป เขายังนำตัวยาบางอย่างที่ไม่จำเป็นและมุ่งหน้าไปที่โถงโอสถ

ตำหนักยุทธ์นั้นไม่เพียงแต่มีสมุนไพรและอาวุธสำหรับเหล่าศิษย์มากมาย แต่พวกเขายังรับซื้อสิ่งเหล่านี้จากศิษย์อีกด้วย เซี่ยงเส้าหยุนแบกยากเก่ามากมายที่ได้จากการผจญภัยที่เทือกเขาร้อยอสูรแม้จะไม่สามารถขายทั้งหมดได้ แต่ก็ยังขายบางส่วนเพื่อแลกกับแต้ม และด้วยแต้มเหล่านี้ จะสามารถแลกยาเก่าที่ต้องการอย่างแท้จริง

หลังจากเข้าสู่โถงโอสถ เซี่ยงเส้าหยุนได้นำยาเก่าออกและกล่าว “ท่านผู้ดูแลที่เคารพ โปรดลองชมสมุนไพรเหล่านี้ว่ามีมูลค่าเท่าใด”

ผู้ดูแลจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนอย่างตกตะลึง “หืม? นี่เจ้าบรรลุระดับดวงดาวแล้วรึนี่? ช่างรวดเร็วนัก!”

เซี่ยงเส้าหยุนเป็นหนึ่งในศิษย์สองคน ผู้มีห้าดวงดาวสถิตร่างในตำหนักยุทธ์แห่งนี้ และยังเคยมาซื้อสมุนไพรที่นี่มาก่อน จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ดูแลจะมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อเขา

เขายังจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เซี่ยงเส้าหยุนเข้ามาที่นี่ ยังอยู่ระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดอยู่ มันผ่านไปเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และตอนนี้บรรลุถึงระดับดวงดาวแล้ว ช่างเป็นความเร็วที่น่าตกตะลึงนัก

สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เขาสามารถเห็นความก้าวหน้าของเซี่ยงเส้าหยุนโดยไม่พึ่งพาตัวยาใด! นั่นหมายถึงรากฐานของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นแน่นหนาและมั่นคงเพียงใด ซึ่งเป็นสัญญาณที่จะไม่ปรากฏแก่ผู้ที่อาศัยตัวยาในการก้าวหน้า

“ฮ่า ฮ่า เพียงแค่ระดับดวงดาว ไม่มีสิ่งใดน่ากล่าวชม” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังเผยใบหน้าซึ่งแสดงความพอใจ เขามิได้ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย!

“อืม เจ้ามีพรสวรรค์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ด้วยเหตุนี้เจาจึงควรวฝึกฝนให้หนักขึ้นและลดความอวดดีลงบ้าง” ผู้ดูแลแนะนำอย่างจริงใจ “นำสมุนไพรออกมาเสีย ข้าจะช่วยดูให้”

เซี่ยงเส้าหยุนส่งมอบห่อยาและเปิดมัน ผู้ดูแลศึกษาสมุนไพรและกล่าวยกย่อง “นี่เจ้าไปเก็บเกี่ยวมารึ! นี่มันดอกหญ้าหางอายุหนึ่งร้อยปี และนี่เถาอสรพิษแห้งอายุหนึ่งร้อยห้าสิบปี…หืม? แล้วยังเห็ดโลหิตจำนวนมากนี่อีก! ก้านนี้มีอายุเกือบสามร้อยปีแล้วรึนี่? มันกำลังจะกลายเป็นยาวิญญาณระดับต่ำเชียวนะ!”

เซี่ยงเส้าหยุนมิได้กล่าวคำใด ยังคงครุ่นคิดกับตัวเอง ‘เราได้เก็บราชันเห็ดโลหิตไว้หนึ่งดอกไว้กับตัว เรามิได้กังวลกับสมุนไพรระดับต่ำเช่นนี้’

หลังจากผู้ดูแลคำนวณ เขาสามารถให้เซี่ยงเส้าหยุนได้ถึงหกพันห้าร้อยแต้ม เขาเองก็พอใจกับราคานี้เช่นกัน หลังจากทั้งหมด สมุนไพรส่วนใหญ่ซึ่งได้รับจากการฆ่าสมาชิกของกลุ่มนักล่าสิ่งโตคลั่ง และได้รับมาโดยบังเอิญ

หลังจากรับเอาแต้มมาแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนได้แลกเปลี่ยนกับยาวิญญาณระดับต่ำทันที ดอกไม้ดาราลวงตา และยาเก่าอีกนิดหน่อย ซึ่งใช้แต้มไปเป็นจำนวนถึงหกพัน

“เจ้าหนู ข้าคิดว่าดวงดาวของเจ้าตื่นขึ้นแล้วงั้นรึ? เหตุใดเจ้าจึงยังจำเป็นต้องใช้ดอกไม้ดอกราลวงตาอีกเล่า” ผู้ดูแลถามอย่างสงสัย ดอกไม้ดาราลวงตานั้นเป็นสิ่งยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่อยู่ช่วงสูงสุดของระดับพื้นฐาน

ด้วยเหตุนี้ ดอกไม้ดาราลวงตานั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์กับผู้ที่ดวงดาวตื่นขึ้นแล้วเฉกเช่นเซี่ยงเส้าหยุน นั่นเป็นที่มาของความสงสัยของผู้อาวุโส

“ฮี่ ฮี่ ข้ามีวิธีใช้มันในแบบของตัวเอง” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะเผยร้อยยิ้มกว้าง แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกกับผู้ดูแลนอกจากเรื่องดวงดาวที่ตื่นขึ้น ดอกไม้ดาราลวงตานั้นมีประโยชน์มากในการสร้าง และเติบโตของทะเลจักรวาลดวงดาว

หลังจากออกจากโถงโอสถ เซี่ยงเส้าหยุนมุ่งหน้าไปที่สวนชั้นนอกทันที แต่เมื่อมาถึงสวนชั้นนอก เขาพบว่ามีผู้อื่นกำลังกลั่นแกล้งเซี่ยหลิวฮุย อารมณ์เขาเดือดพล่านขึ้นทันที

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset