ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 66 : โดนลักพาตัว

“ลองพูดอีกทีสิ!” ลู่เสี่ยวฉิงกล่าวด้วยความโกรธ นางดูราวกับเสือร้ายที่กำลังจับสะโพกตนเอง

“ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่า ล้อเล่น มาสิ นั่งลงก่อน อย่างที่กล่าวไป ข้ามีความสุขนักที่สหายจากที่ห่างไกลมาเยี่ยมเยียน! ไม่ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าไม่ได้อยู่ห่างไกลเพียงนั้นนี่” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะ

หลังจากลังเลเล็กน้อย ลู่เสี่ยวฉิงเดินเข้าไปในสวน เสี่ยวไปกำลังหลับอยู่ใต้ต้นไม้ ขณะที่นางเดินเข้าไป มันเลิกตาขึ้นก่อนจะจ้องไปที่นางอย่างเพิกเฉย และเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้ เสี่ยวไป่ได้จดจ่อกับการย่อยสลายแก่นปีศาจที่กลืนลงไปก่อนหน้า มันจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนหลับ เมื่อลู่เสี่ยวฉิงมองดูเสี่ยวไป่ ใบหน้าเผยรอยยิ้ม และอุทานขึ้น “ว้าว! นี่มันเจ้าแมวน้อยนี่!”

นางวิ่งเข้าใส่ และพยายามอุ้มเสี่ยวไป่ขึ้น แต่ก่อนที่จะทันได้เข้าใกล้ มันก็กระโจนไปที่อื่นด้วยความเร็ว

“เหมียว!”

เสี่ยวไป่ร้องด้วยความไม่พอใจ ขณะร่างเริ่มเรืองแสงต่อหน้าลู่เสี่ยวฉิง ดูเหมือนมันต้องการจะเตือนไม่ให้นางเข้าใกล้

“อย่าหยาบคายนะ เสี่ยวไป่ ชู่! จะไปนอนต่อที่ไหนก็ไปเถิด” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

แต่เสือน้อยไม่ยอมขยับไปไหน มันกระโดดไปที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม

“เส้าหยุน เขาคือสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือ? เขาน่ารักมากเลย! ข้าหวังว่าจะมีลูกแมวที่น่ารักเช่นนี้เหมือนกัน!” ลู่เสี่ยวฉิงกล่าวด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

“หากเจ้าชอบสัตว์อสูรละก็ ข้าจะนำราชาแห่งสัตว์อสูรมามอบให้เจ้าในภายภาคหน้า!” เซี่ยงเส้าหยุนมอบคำมั่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว

“ชู่ เจ้าจะไม่หยุดโอ้อวดเช่นนี้ใช่มั้ย?” ลู่เสี่ยวฉิงมิอาจเชื่อคำเหล่านั้น ราชาแห่งสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งเท่ากันกับระดับราชา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มาครอบครอง

“ข้ารู้ดีว่า ไม่มีผู้ใดจำเชื่อที่ข้าพูดได้ แม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม” เซี่ยงเส้าหยุนยักไหล่ ก่อนจะกล่าวอีกครา “นั่งลงก่อนเถิด ข้าจะนำบางสิ่งมาให้เจ้า”

เมื่อเซี่งเส้าหยุนเข้าไปในที่พำนัก สำหรับลู่เสี่ยวฉิง นางเริ่มเป็นกังวลอย่างไร้เหตุผล

‘นะ นี่เขาจะนำบางสิ่งมามอบให้ข้ารึ? มันจะเป็นสิ่งใดกัน? ระ หรือว่าเขาจะพยายามมาสารภาพกับข้า? ตะ แต่ ข้ายังไม่พร้อม!’ ลู่เสี่ยวฉิงคิดในใจ ใบหน้าแดงก่ำ

เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาอีกครั้ง เขายื่นขวดหยกให้ “นี่สำหรับเจ้า”

ลู่เสี่ยวฉิงมองดูขวดหยก และถามอย่างสงสัย “นี่คือ?”

“น้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพี” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับอย่างเฉยเมย

“นะ นี่นะรึ น้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพี? จะ เจ้าพบมันรึ?” ลู่เสี่ยวฉิงกล่าวด้วยความตกใจ

“มิต้องตกตะลึงเช่นนี้หรอก คุณชายผู้นี้เป็นถึงลูกที่สวรรค์รักใคร่ ไม่ว่าจะไปที่แห่งใด ที่แห่งนั้นก็จักพบแต่ความโชคดี หากข้าต้องการสมบัติแห่งวิญญาณ มันก็จะมาหาแค่เพียงกระดิกนิ้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะสะบัดผมไปรอบ ๆ

เซี่ยงเส้าหยุนช่างดูหล่อเหลากว่าก่อนหน้า และด้วยบางเหตุผล การสะบัดผมเมื่อครู่ทำให้สตรีทั้งหลายต่างต้องหัวใจเต้นแรง

ลู่เสี่ยฉิงเริ่มงุนงงอีกครั้ง และแทนที่จะรับเอาขวดหยกมา นางกล่าว “ข้าคงรับของมีค่าเช่นนี้ไว้ไม่ได้!”

“หยุดกเกรงใจ แล้วรับมันไปเสีย ไม่งั้น ข้าจะถือว่าเข้ากำลังดูถูกข้าอยู่” เซี่ยงเส้าหยุนฮึดฮัด และกล่าวเสริม “หากเจ้ายังคงปฏิเสธ ข้าจะโยนมันทิ้งไปเสีย ไม่ต้องมีผู้ใดสมควรได้รับมันจากข้า”

“ไม่ อย่า ก็ได้ ข้าจะรับมันไว้” ลู่เสี่ยวฉิงกล่าว

“เช่นนั้นแหละดีแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างสบายใจ

ลู่เสี่ยวฉิงรับเอาขวดหยกมา หัวใจของนางเต้นแรง ขณะที่คิด ‘เหตุใดเขาจึงทำดีต่อเราเช่นนี้? หรือเขาตกหลุมรักเรา?’

ขณะที่เด็กสาวกำลังดื่มดำกับความคิด เสี่ยวไป่ร้องขึ้น และขนของมันฟูฟ่อง มันแยกเขี้ยวออก ด้วยหากมีศัตรูตัวฉกาจปรากฎตัวขึ้นเล่า ตอนนั้นเองที่เซี่ยงเส้าหยุน และเสี่ยวไป่เริ่มรู้สึกตัว เด็กหนุ่มเริ่มสนใจกับสิ่งรอบตัว เขามั่นใจในสัมผัสของสัตว์อสูร เสี่ยวไป่ไม่แสดงกิริยาเช่นนี้หากไร้ซึ่งเหตุผล แต่ที่นี่คือภายในตำหนักยุทธ์ จะมีอันตรายจากที่ใดมาย่างกรายกันเล่า?

ฟึ่บ!

ทันใดนั้น ร่างราวกับเงาพุ่งผ่านอากาศมา ตอนนั้นเอง มีกระสอบสีดำคลุมตัวเซี่ยงเส้าหยุนจากด้านบน แม้เซี่ยงเส้าหยุนจะรังตัวก็ตาม เขายังคงมิอาจกระทำสิ่งใดได้ทันเวลา และถูกทำให้สงบลง เสี่ยวไป่ซึ่งสัมผัสได้ มันจึงกระโดดหลบจากการจับกุมได้ทันเวลา

“เรื่องบ้าอะไรกัน? ปล่อยข้านะ?” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่า ก่อนที่จะเริ่มดิ้นรน

“อยู่นิ่ง ๆ!” ผู้ลักพาตัวตะโกน และทุบตีเด็กหนุ่ม

ตู้ม!

การทุบตีซึ่งรุนแรงมาก แม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนก็ต้องกระอักเลือดจากการโจมตีครั้งนั้น อวัยวะภายในราวกับจะระเบิดออก และสลบไป ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวคนใดจะสามารถปลดปล่อยการโจมตีเช่นนี้ได้ ผู้ลักพาตัวจะต้องเป็นถึงยอดฝีมือช่วงสุดท้ายของระดับแปรสภาพเป็นแน่

ลู่เสี่ยวฉิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก และขณะที่กำลังจะตะโกน นางถูกลูกเตะจนลอยไปไกล โชคดีที่ผู้ลักพาตัวมิได้ต้องการสังหารนาง มิเช่นนั้นนางคงถูกสังหารด้วยลูกเตะเมื่อครู่ไปแล้ว ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้กระเด็นไปหลายเมตร นางไอเป็นเลือดและสลบไป

ผู้ลักพาตัวนั้น พาเซี่ยงเส้าหยุนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ไกลจากที่พำนัก มีรถม้าจอดอยู่ เขานำเด็กหนุ่มขึ้นรถม้าที่จอดอยู่นั่น

“ย่าห์!” ชายคนขับควบม้าในทันที และรถม้าพุ่งตรงไปที่ทางออกของตำหนักยุทธ์

“เหมียว!”

แม้เสี่ยวไป่ไล่ตามรถม้าอย่างร้อนรน หลังจากนั้น มันกระโจนขึ้นบนรถม้าได้สำเร็จ และแอบซ่อนตัว ด้วยคนบนรถม้าสนใจสิ่งอื่นอยู่ จึงไม่ได้สัมผัสถึงเสี่ยวไป่ เมื่อรถม้ามาถึงทางออก ทหารยามมองไปที่คนขับรถม้า ก่อนจะเปิดทางให้รถม้าของผู้อาวุโส เมื่อออกจากตำหนักยุทธ์ได้สำเร็จ ผู้คนบนรถม้าต่างหายใจอย่างโล่งอก และมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลอู่

ในขณะเดียวกัน จื่อฉางเหอย้อนกลับไปที่พำนักของเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความรู้สึกเลวร้าย ทว่า เมื่อไปถึงกลับพบเพียงลู่เสี่ยวฉิงที่สลบอยู่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนในทันที เขารีบปลุกเด็กสาวก่อนจะถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น? แล้วเซี่ยงเส้าหยุนเล่า?”

“ขะ เขาถูกลักพาตัวไป!” ลู่เสี่ยวฉิงพยายามตอบกลับ

“บ้าฉิบ!” จื่อฉางเหออุทานด้วยความโกรธ

‘เซี่ยงเส้าหยุนเป็นถึงศิษย์น้องของเขา และยังเป็นนายของผู้อาสุโสเจิ้นเผิง แต่ก็ยังมีคนกล้าจับตัวเขาไปหรือนี่? ช่างหน้าด้านเกินไปแล้ว!’ หลังจากนำยารักษาให้ลู่เสี่ยวฉิงทาน จื่อฉางเหอมุ่งหน้าไปที่ทางออกทันที

“เจ้าเห็นผู้ใดออกไปเมื่อครู่นี้ไหม?” จื่อฉางเหอตะโกนถามทหารยาม

“ผู้อาวุโสที่สิบเก้าขอรับ วันนี้มีคนมากมายเข้าและออกจากตำหนัก ข้าจะทราบได้อย่างไร ว่าท่านกำลังถามถึงผู้ใด?” ทหารยามผู้หนึ่งตอบกลับด้วยความกังวลใจ

“ข้าถามว่าเมื่อครู่ มันเป็นเวลาอันสั้นเท่านั้น เจ้าเห็นผู้ใดที่น่าสงสัยออกไปไหม? ศิษย์น้องของข้า เซี่ยงเส้าหยุนถูกลักพาตัวไป เจ้าไม่สังเกตเห็นสิ่งใดเลยหรือ?” จื่อฉางเหอคำราม

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset