ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 75 : บ้าจริง! ข้ามิได้กล่าวคำโกหกใด

ลู่เสี่ยวฉิงได้รับบาดเจ็บเพราะหลี่เสวียเหมิง แม้บาดแผลจะไม่ร้ายแรกนัก แต่ก็ยังสร้างความเจ็บปวด โชคดีที่จื่อฉางเหอไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที นางจึงฟื้นฟูได้รวดเร็ว และไร้ปัญหาเช่นนี้ หลังจากที่นางตื่น ความกังวลที่มีต่อเซี่ยงเส้าหยุนเอ่อล้นออกมา ด้วยหลังจากที่เจ้าตำหนักส่งกลุ่มค้นหาออกไปตามหา แต่กลับล้มเหลวในการตามหาเด็กหนุ่มที่ถูกลักพาตัวไป

“ศิษย์น้องหญิง ดูสิว่าใครมาเยี่ยมเยียนเจ้า” เฉินฉินกล่าวเมื่อมาถึงหน้าห้องของลู่เสี่ยวฉิงพร้อมเซี่ยงเส้าหยุน เมื่อนางออกจากห้อง ใบหน้ายังคงซีดเซียว เมื่อสังเกตเห็นเซี่ยงเส้าหยุน น้ำตาไหลออกจากดวงตาอาบแก้มของนาง

“อ๊ากกก หยุดร้องก่อนเถิด เจ้าดูน่าเกลียดเวลาร้องไห้นะ!” เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้มีไหวพริบในการพูดคุยเช่นเดิม ในอดีต ปกติหากเขากล่าวกับลู่เสี่ยวฉิงเช่นนี้จะทำให้นางโกรธ แต่ตอนนี้นางพุ่งเข้าไปโผกอดเด็กหนุ่ม

“ฮึก…ฮึก… ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก รู้มั้น!” ลู่เสี่ยวฉิงคร่ำครวญในวงแขนของเซี่ยงเส้าหยุน

‘หือ? นี่คืออะไรกัน?’ ปฏิกิริยาที่มากเกินไปทำให้เด็กหนุ่มต้องตะลึง เขาไม่คิดว่าลู่เสี่ยวฉิงจะมีท่าทีเช่นนี้ มันต่างจากที่เขาคิดไว้สิ้นเชิง

“เจ้านี่มันช่างโชคดีเสียจริง อย่าได้ลืมดูแลศิษย์น้องหญิงของข้าให้ดีด้วย” เฉินฉิงจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนก่อนจะจากไป ทิ้งความอึดอัดใจให้แก่เซี่ยงเส้าหยุนเมื่อเขาได้ฟังเช่นนั้น

เขาตบไหล่ของลู่เสี่ยวฉิง และกล่าว “ลู่เสี่ยวฉิง เจ้ากำลังหลับอยู่หรือไร? ตื่นเสีย!” ภายในเขาบ่นอุบกับตนเอง ‘บ้าฉิบ นางกำลังเอาเปรียบเราอยู่!

ความจริงแล้ว พวกเขามิได้รู้จักกันนานเพียงนั้น อย่างมากที่สุด เขาคิดเพียงแค่นางเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น

เหตุใดนางจึงกอดเราตอนกลางวันแสก ๆ เช่นนี้? ชายและหญิงมิควรจับเนื้อต้องตัวก่อนแต่งงาน!

“ไม่ ข้าสบายดี เส้าหยุน ข้าว่าข้าตกหลุมรักเจ้า!” ลู่เสี่ยวฉิงแนบใบหน้ากับหน้าอกของเซี่ยงเส้าหยุน และโอบแขนรอบตัวเด็กหนุ่มแน่น ขณะสารภาพความในใจ

โครม!

เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกว่างเปล่า

“นะ นี่เจ้าล้อเล่นหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม เขามิได้มาที่นี่เพื่อฟังคำสารภาพรัก ด้วยมาที่นี่เพราะต้องการหาที่ฝึกยุทธ์อย่างสงบสุข ขณะ

ลู่เสี่ยวฉิงค่อยปล่อยเซี่ยงเส้าหยุน และจ้องมองไปยังดวงตา “เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นรึ? จะ เจ้า ไม่ชอบข้าหรือ?”

เซี่ยงเส้าหยุนไม่รู้ว่าควรจะตอบสิ่งใด

“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิด และไม่เคยคิดกับเจ้าแบบนั้น” เซี่ยงเส้าหยุนตอบอย่างเถรตรง

“ไม่ ข้าไม่ต้องการเป็นเพียงเพื่อนของเจ้า ข้าอยากเป็นอีกครึ่งหนึ่ง เจ้าจะกล่าวว่าข้าไม่งดงามแล้วหรือ? เจ้าชมข้าเช่นนั้นเพราะมันสนุกหรือไร?” ลู่เสี่ยวฉิงตะเบ็งเสียง

‘บ้าฉิบ! ข้าไม่ได้กล่าวเพราะมันสนุก’ เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าในใจ

ลู่เสี่ยวฉิงนั้นงดงามหาใครเปรียบไม่ แต่เซี่ยงเส้าหยุนเคยพบผู้ที่งดงามกว่า แต่ละคนนั้นมีอิริยาบถที่ยากจะเปรียบเทียบกันได้ ในความเห็นนั้น ลู่เสี่ยวฉิงนั้นเป็นผู้ที่มีความอ่อนโยน

“ลู่เสี่ยวฉิง ฟังข้านะ ข้ามีสายเลือดที่อาฆาตแค้น และเป้าหมายของข้าคือบรรลุระดับราชา หรืออาจจะบรรลุสูงขึ้นและรวดเร็วกว่านี้ มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่ข้าจะสามารถแก้แค้นได้ ก่อนหน้านั้น ข้าไม่สนใจในเรื่องรักใคร่ เพราะข้าไม่มีเวลาจะมาสนใจสิ่งอื่นในตอนนี้ เจ้าเข้าใจไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

“เจ้ามิได้โกหกใช่ไหม?” ลู่เสี่ยวฉิงถาม

“ข้าขอสาบาน! หากข้าโกหกก็ให้ฟ้าผ่าข้าเลย!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำสัตย์

ครืน! ครืน!

ทันใดนั้น ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดมิด และฟ้าผ่าลงมา ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนร้องเสียงหลง

“เวรเอ้ย! ข้าไม่ได้โกหกจริง ๆ นะ!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน

“ก็ได้ ข้าขอแบกภาระนั้นร่วมกัน และเต็มใจจะฝึกให้หนักขึ้นเพื่อเจ้า วันหนึ่งจะบรรลุให้ถึงระดับราชา และร่วมแก้แค้นไปกับเจ้า!” ลู่เสี่ยวฉิงกุมมือเซี่ยงเส้าหยุน และกล่าวด้วยความปั่นป่วน นางดูเหมือนจะมอบทั้งชีวิตให้แก่เซี่ยงเส้าหยุน จะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดหญิงสาวได้ หากนางตกหลุมรัก

เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจกล่าวสิ่งใด ด้วยหัวใจอ่อนโยนเสมอเมื่อกล่าวถึงเพื่อน และไม่อาจทำตัวหยาบคายได้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นคนมีไหวพริบ จึงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ลู่เสี่ยวฉิง ข้าเองก็รู้สึกตื้นตันใจ หากเจ้ารักข้าจริง เจ้าต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำเสีย หากวันนึงระดับยุทธ์ของเจ้าเทียบเท่าข้าแล้ว ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ด้วยมีห้าดวงดาวสถิตร่าง และอนาคตที่สดใส ข้าไม่ต้องการสตรีอ่อนแอมาเคียงคู่ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ลู่เสี่ยวฉิงค่อนข้างเรียบง่าย และนางพบว่าคำของเด็กหนุ่มนั้นสมเหตุสมผล จึงพยักหน้า และกล่าว “ตกลง! เจ้าพูดเองนะ! หากข้าตามถึงเจ้าแล้ว เราจะแก้แค้นไปด้วยกัน!”

“อืม ตอนนี้ข้าบรรลุระดับดวงดาวขั้นสี่แล้ว เจ้าต้องฝึกให้หนักกว่านี้ มิเช่นนั้น ความห่างชั้นระหว่างเราจะมากขึ้นไปอีก” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“ไม่มีทาง ข้าจะตามเจ้าให้ทันให้ได้!” ลู่เสี่ยวฉิงสาบานอย่างเค่งขรึม ก่อนที่จะหยิกแก้มของเซี่ยงเส้าหยุน จากนั้นนางก็ปล่อยเข้าไป นางกลับเข้าไปในห้อง และล็อคกลอน ทุกสิ่งที่ทำก่อนหน้าเป็นสิ่งที่นางไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นจึงอายเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม

เซี่ยงเส้าหยุนลูบใบหน้า และยิ้มอย่างขมขื่น หัวใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก น่าเสียดายที่มีบางสิ่งที่เขามิอาจยอมรับ หากเป็นในอดีต คงไม่จำเป็นต้องหลอกนางเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ด้วยต้องรับผิดชอบตนเอง และคนรอบข้าง และไม่ต้องการให้นางบาดเจ็บอีก

“พักผ่อนเสีย ข้าไปก่อนนะ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว และจากไป

แต่ยังไม่ทันออกไป เฉินฉินออกมาจากมุมมืด และกล่าว “เจ้าหนู เจ้ากล้าเอาเปรียบศิษย์น้องหญิงของข้าหรือ! ข้าจะฟ้องอาจารย์ข้า!”

“ไม่สุภาพเอาเสียเลย ท่านอาจารย์ของท่านเป็นศิษย์พี่สาวของข้า เช่นนั้นข้าต้องเป็นศิษย์อาของท่านนะ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเฉินฉินมองดูท่าทีจริงจังของเซี่ยงเส้าหยุน นางรู้สึกผิดทันที และกล่าว “ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจลบหลู่เจ้า!”

“ฮ่า ฮ่า! ข้าล้อเล่น!” เซี่ยงเส้าหยุนคำรามเสียงหัวเราะ และกล่าวเพิ่มเติม “แนะนำให้ศิษย์น้องสาวท่านอยู่ให้ห่างข้าไว้ ข้ามิใช่คนดีนักหรอก”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น เซี่ยงเส้าหยุนเดินเข้าใกล้เฉินฉิน ราวกับจะลวนลามนาง

“หากเจ้ายังก้าวเข้ามาใกล้อีกละก็ ข้าจะทุบอัณฑะของเจ้าเสีย!” เฉินฉินกล่าวอย่างดุเดือด การคุกคามของนางทำให้เซี่ยงเส้าหยุนกลัวมากจนร่างกายสั่นเทา และกุมมือไปที่เป้ากางเกงโดยไร้เหตุผล และรีบหนีไป

“ก็ได้ ท่านชนะ!” เซี่ยงเส้าหยุนมิได้ลืมที่จะหยุด และตะโกน ขณะยกหัวแม่มือขึ้น และวิ่งหนีไป

“ฮ่า ฮ่า ตกลง อย่าลืมล่ะว่าข้าคือใคร” เฉินฉินหัวเราะเสียงดัง แม้นางจะดูขี้เล่น แต่ก็ไม่อยากให้ผู้ใดเข้าใจผิด แท้จริงแล้วนางเป็นถึงศิษย์หนึ่งในสิบอันดับของตำหนักยุทธ์

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset