ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 76 : ก่อนการประลอง

ตระกูลอู่ได้ทราบข่าวคราวเกี่ยวกับการรอดชีวิตของเซี่ยงเส้าหยุน เมื่ออู่ฮงจื่อมาถึงที่ห้องลับ เขากลับได้พบศพของบิดาตน และเหล่าสมุนที่คอยคุ้มกัน สร้างความหวาดกลัวแก่เขานัก

“ทะ ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงพบที่แห่งนี้แล้วหรือ? เป็นไปไม่ได้!” อู่ฮงจื่อบ่นพึมพำกับตนเอง หากเป็นผู้อาวุโสเจิ้นเผิงแล้ว เขาคงถูกจัดการไปเสียตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงยังสงบสุขเช่นนี้เล่า?

อู่ฮงจื่อได้รับบทเรียนอันแสนเศร้า หลังจากนั้นเขาถึงจำได้ว่าขอความช่วยเหลือกับตระกูลอู่ที่อาศัยอยู่ในนครขอบนภาเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาต้องตามหายอดฝีมือระดับราชาก่อนจะกลับมา มิเช่นนั้น มีเพียงทางเลือกเดียวคือเก็บข้าวของ และไสหัวออกไปจากเมือง

ตอนนั้นเอง หลี่เสวียเหมิง หลี่หงเอ๋อ และหลี่เถียนปาได้มารวมกันยังที่พำนักของหลี่เสวียเหมิง

“ท่านพ่อ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือ?” หลี่เถียนปาถามด้วยความไม่พอใจ ด้วยบิดาของตนได้กล่าวสัญญาจะให้เขาพ่ายแพ้การประลองกับเซี่ยงเส้าหยุนในวันพรุ่งนี้ และเป็นเรื่องยากจะยอมรับได้

“ก็ได้ ท่านพ่อ เขาจะมีผ้อาวุโสเจิ้นเผิงหนุนหลังหรือไม่? นี่มันเป็นการท้าทายอันเลวร้าย! ในลานประลองนั่น แม้จะต้องสังหารพวกมัน ลูกก็จะทำ!” หลี่หงเอ๋อกล่าวด้วยความโกรธ

“ไม่ ลูกยังไม่เข้าใจ มันมิได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด” หลี่เสวียเหมิงถอนหายใจ ด้วยไม่สามารถเล่าเรื่องลักพาตัวให้เหล่าบุตรของตนฟังได้

“ท่านพ่อ ลูกว่าท่านกังวลเกินไป ถ้าหากลูกสามารถสังหารเขาได้ในวันพรุ่งนี้ ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงอาจจะโกรธขึ้นได้ แต่ก็อาจเป็นเรื่องดีต่อเขาด้วยมิใช่หรือ? อย่างที่ท่านได้กล่าว เขาสาบานจะจงรักภักดีต่อเซี่ยงเส้าหยุนต่อหน้าทุกคน หากเซี่ยงเส้าหยุนตาย เขาจะได้เป็นอิสระอีกครั้ง ความภักดีจะคงอยู่กับตำหนักยุทธ์ และเข้าจะไม่ฆ่าเราง่ายดาเช่นนั้น” หลี่เถียนปาวิเคราะห์

หลี่เสวียเหมิงลังเลเล็กน้อย ดวงตาส่องประกาย และกล่าว “ก็ได้! เราจะทำมัน! แต่อย่าฝืนจนเกินไป!”

“มิต้องเป็นกังวล ด้วยความแข็งแกร่งของลูก การสังหารเขานั้นง่ายดายราวกับบี้แมลง” หลี่เถียนปากล่าวคำสัตย์อย่างมั่นใจ

“จงอย่าประมาท เจ้าเด็กนั่นกินยาวิญญาณไปบ้าง ตอนนี้เขาบรรลุขั้นสี่แล้ว” หลี่เสวียเหมิงอธิบาย

“อะไรกัน? นี่ลูกยังเหนือกว่าเขาตั้งสองขั้น” หลี่เถียนปายังคงเฉยเมย

เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจรู้ถึงบทสนทนานี้ เขาพากเพียรฝึกวิชาหมัดอัสนีบาต และหอกอัสนี ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน จึงสามารถปลดปล่อยพลังของวิชาได้มากขึ้น ความชำนาญของวิชาหอกอัสนีนั้นบรรลุถึงแปดในสิบแล้ว เขาจึงมุ่งเน้นไปที่การฝึกหมัดอัสนีบาต

ความเชี่ยวชาญขั้นแรกของหมัดอัสนีบาตนั้น คือการปล่อยการโจมตีราวกับฟ้าผ่า เด็กหนุ่มระเบิดพลังกลางอากาศที่ว่างเปล่า ต่อยออกไปหมัดแล้วหมัดเล่า ปราณสีม่วงหมุนวนรอบหมัดทำให้เขาดูมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง

“ย้าก!”

เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขณะพุ่งไปด้านหน้าซึ่งดูดุร้ายราวกับเสือ และต่อยออกไปด้วยพลังสายฟ้า มีสายฟ้าสีม่วงเลื้อยออกจากหมัด และพุ่งตรงไปยังหินด้านหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกล

ตู้ม!

ทันใดนั้น หินหนักเกือบห้าร้อยกิโลกลัมก็ถูกระเบิดเป็นผุยผง

“ตอนนี้เราสามารถแปรสภาพพลังเป็นสายฟ้าได้แล้ว ดูเหมือนกระดูกสายฟ้าจะมีประโยชน์มากมาย” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำกับตนเอง

แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นหกก็ไม่อาจปล่อยพลังทำลายล้างได้ได้เช่นนี้ เซี่ยงเส้าหยุนกลับพึ่งพาตัวเองจนทำมันได้สำเร็จ และเพิ่มพูรความแข็งแกร่งขึ้นได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

วันคืนผ่านไป และข่าวการประลองได้กระจายไปทั่วทั้งตำหนักยุทธ์

“เซี่ยงเส้าหยุนทำอะไรอยู่? เขาเพิ่งจะกลับมานะ นี่ท้าทายหลี่เถียนปาเชียวหรือ? เขารู้ไหม่ว่าหลี่เถียนปาเป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์ชั้นใน?”

“นั่นสิ แม้ว่าเขาบรรลุระดับดวงดาวแล้ว แต่ก็คงมิได้เป็นคู่ต่อสู้ของหลี่เถียนปาหรอก นี่เขาพยายามสร้างปาฏิหาริย์หรือไร?”

“เป็นไปได้ไหมว่าหลี่เถียนปายั่วยุให้เกิดการประลองครั้งนี้? ด้วยเซี่ยงเส้าหยุนมิอาจหาข้ออ้างปฏิเสธเขาได้ เขาจึงต้อง นี่เขาตอบรับหรือไร?”

“เราควรไปรับชมนะ ข้ารู้สึกว่าการประลองครั้งนี้ไม่ควรพลาด”

การประลองยังไม่เริ่ม แต่เหล่าศิษย์ทั้งหมดได้มารวมกันที่นี่ ไม่มีผู้ใดคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะชนะได้เลย ด้วยเชื่อว่าความห่างชั้นของเซี่ยงเส้าหยุน และหลี่เถียนปานั้นใหญ่เกินไป

“หือ? นั่นคงมิใช่ศิษย์พี่เหลิงหานใช่ไหม?  ข้าไม่เห็นเขานานแล้ว แต่นี่เขาเผยตัวออกมาด้วยตนเองเลยรึ?” ศิษย์ชั้นนอกบางคนร้องออกด้วยความตกใจ เสียงร้องนั้นทำให้ผู้คนมากมายต้องหันไป สายตาทั้งหมดจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่ดูเย็นชา

ผู้เยาว์คนนี้คือเหลิงฮาน และเป็นศิษย์ชั้นนอกที่แข็งแกร่งที่สุด เขาได้ไปฝึกยุทธ์อยู่เงียบ ๆ และแทบไม่มีผู้ใดพบเห็นตั้งแต่เขาขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของศิษย์ชั้นนอก ด้วยใช้เวลาส่วนใหญ่สงบสติด้านนอกตำหนัก แต่ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นเพราะเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางอีกครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ ดังนั้น เขาจึงกลับมาเพื่อดูดาวดวงใหม่ เซี่ยงเส้าหยุน

ที่อีกมุมหนึ่ง โม่ปูหุย และเหม่ยเหลียนฮวาได้ปรากฏตัวเช่นกัน หลังจากการเดินทางที่เทือกเขาร้อยอสูรเมื่อเดือนก่อน โม่ปูหุยได้หายตัวไป แต่วันนี้ เขากลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่กลับมีสีหน้าแปลกประหลาดราวกับมีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา

นอกจากพวกเขาแล้ว เซี่ยหลิวฮุยเองก็มาที่นี่ด้วย เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการฝึกยุทธ์อันเงียบสงบ เมื่อใช้น้ำพุดวงดาวปฐพีที่เซี่ยงเส้าหยุนมอบให้ เขาจึงสามารถบรรลุจุดสูงสุดของระดับดวงดาวขั้นแรกได้ การเติบโตนั้นชัดเจนมากเนื่องจากระดับยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองขั้นในคราเดียว

“ลูกพี่ของข้าต้องชนะแน่นอน! ลูกพี่ของข้าต้องชนะแน่นอน!” ในตอนนี้ เขาช่างดูเด่นเหนือผู้อื่น ด้วยผ้าโพกหัวสีขาว และตะโกนขณะโบกธงสีขาว

ผู้คนโดยรอบต้องอยู่ให้ห่างเซี่ยหลิวฮุย มองดูเขาราวกับคนวิปราศ ภายในใจ พวกเขาก่นด่า ‘ไอ้บ้านี่เป็นอะไรของมัน มิใช่ว่าธงขาวหมายถึงยอมแพ้หรือ?”

แต่กลับมีเด็กหญิงเพียงผู้เดียวที่ไม่ลุกหนี นางลุกขึ้นเคียงข้างเขา รอคอยด้วยสายตาโหยหา นั่นคือลู่เสี่ยวฉิง ซึ่งมาเพื่อให้กำลังใจต่อเซี่ยงเส้าหยุน

‘เส้าหยุนจะต้องชนะแน่นอน!’ ลู่เสี่ยวฉิงคิดกับตนเอง

ทันใดนั้น ที่อีกมุมหนึ่งของลานประลองได้เกิดความวุ่นวายขึ้น

“โฮก! โฮก!”

เสียงคำรามดังขึ้นหลายครั้ง ดึงความสนใจของเหล่าศิษย์มากมาย เมื่อพวกเขามองไปที่จุดนั้นจึงได้พบกับผู้เยาว์มากมายที่กำลังขี่สัตว์ที่ต่างกัน แต่ละคนมีทั้งอาวุธ และชุดเกราะครบครัน เป็นภาพที่น่าประทับใจ และยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ผู้เยาว์ซึ่งดูหล่อเหลาซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มได้กล่าวถามพี่น้องที่อยู่ข้างเคียง

“ศะ ศิษย์พี่เยี่ย นี่คือการประลองระหว่างศิษย์พี่เถียนปา และเซี่ยงเส้าหยุน” มีศิษย์ผู้หนึ่งตอบคำถาม

“ข้ารู้จักหลี่เถียนปา แต่ใครคือเซี่ยงเส้าหยุน? เขาเป็นคนนอกหรือ?” เด็กหนุ่มถาม

“ขะ เขาเป็นศิษย์คนใหม่ และยังเป็นศิษย์น้องของผู้อาวุโสขุนนางอัสนีสีม่วง ด้วยยังมีห้าดวงดาวสถิตร่าง” ศิษย์ผู้นั่นกล่าว

“ยังมีผู้ที่มีห้าดวงดาวสถิตร่างอีกคนรึ? น่าสนใจ” เด็กหนุ่มพึมพำ ใบหน้าดูริษยา เด็กหนุ่มผู้นี้คือเยี่ยเทียนหลง เป็นหนึ่งในสิบอันดับศิษย์ชั้นใน และยังเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสที่หนึ่ง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset