ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 78 : ตอนนี้ได้เป็นราชันแล้ว

“เซี่ยงเส้าหยุนบ้าไปแล้วหรือ? เขาท้าทายคนมากขนาดนี้เลยรึ? หรือเขามีแผนจะชำระแค้นในคราเดียวกัน?”

“จริงอยู่ ที่ความห่างชั้นระหว่างเขา และหลี่เถียนปานั้นกว้างใหญ่ ผู้อื่นคงมิสามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่เซี่ยงเส้าหยุนยังคงทำตัวบ้าบิ้นเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้ตนเองโดยการท้าทายเช่นนี้ในลานประลองแน่นอน”

“บางที เขาอาจจะคิดว่าด้วยห้าดวงดาวสถิตร่างจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการหรือ? อัจฉริยะผู้นี้คงไม่มีโอกาสได้เติบใหญ่เสียแล้ว”

“ข้าเพียงรู้สึกว่า จะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดแน่นอน ดูจากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาสิ ข้าได้กลิ่นความเจ้าเล่ห์มาตลอดทางเลย”

เหล่าศิษย์มากมายเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม แม้เพียงการประลองระหว่างเซี่ยงเส้าหยุน และหลี่เถียนปา ผู้คนโดยรอบต่างก็คิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนไม่มีโอกาสชนะแล้ว แต่นี่เขาท้าทายคนตั้งมากมาย พวกเขาต่างเชื่อว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางชนะได้อย่างแน่นอน

หลี่เถียนปายืนขึ้น และมองดู ขณะครุ่นคิดกับตนเอง ‘เนื่องจากเจ้าปรารถนาในการตาย เจ้าก็อย่ามากล่าวโทษข้าต่อสิ่งที่จะเกิดแล้วกัน’

“มีใครอีกไหม? ข้าจะได้จัดการในคราเดียว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว สร้างความตกใจแก่ผู้คนโดยรอบ นี่เขาจะท้าทายศัตรูทั้งหมดเลยหรือ?

“พอได้แล้ว เซี่ยงเส้าหยุน นี่เจ้าจะสู้หรือไม่? หยุดตะโกนไปทั่วได้แล้ว” หลี่เถียนปาตะโกน ในที่สุดก็หมดความอดทน

“เหอะ เหอะ พวกเจ้าสามารถโจมตีได้อย่างอิสระ จงจำไว้ อย่าเผลอล่ะ มิเช่นนั้น เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะเยอะขณะแสดงท่าทียั่วยุ นี่จะเป็นช่วงเวลาระบายความโกรธ ตระกูลหลี่ และตระกูลอู่นั้นเกือบจะสังหารเขาได้ ตอนนี้พวกเขาจะต้องชดใช้นิดหน่อย

“เราไม่จำเป็นต้องใช้คนมามายเพราะเจ้าหรอก แค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว” อู่หมิงกวงตะโกน และจู่โจมด้วยอาวุธทันที ดาบยาวพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน

ในชั่วพริบตา ดาบที่เกิดจากพลังจำนวนมากห่อหุ้มเซี่ยงเส้าหยุนไว้ แต่ละเล่มนั้นคมกริบ อู่หมิงกวงคู่ควรแก่การเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสาม การโจมตีด้วยพลังของวิชาดาบเพียงหกในสิบเท่านั้น และผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวทั่วไปจะพบว่า มันยากจะป้องกันการโจมตีดังกล่าว

เซี่ยงเส้าหยุนมองดูดาบพลังอย่างเฉยเมย ด้วยท่าทีเหยียดหยาม และกล่าว “ช่างช้าเหลือเกิน และยังอ่อนแออีกต่างหาก”

หลังจากสิ้นคำกล่าว เขาเริ่มเต้นรำท่ามกลางดาบพลังนั่น เขาหลบหลีกพวกมันได้ทั้งหมดก่อนจะพุ่งเข้าใส่อู่หมิงกวง

ฝ่ามือแยกเมฆา!

เซี่ยงเส้าหยุนใช้เพียงวิชาพื้นฐานระดับหนึ่ง แต่ด้วยบางเหตุผล วิชาระดับหนึ่งนั้นมีพลังมากเสียจนทำให้แผ่นดินแตกแยก

“ระวัง!” หลี่เถียนปามีดวงตาอันแหลมคม และรู้ทันท่วงทีว่าอู่หมิงกวงกำลังตกอยู่ในอันตราย เขารีบละทิ้งความลังเล และพุ่งไปด้วยความรวดเร็ว แต่โชคร้าย เพราะมันได้สายไปเสียแล้ว ฝ่ามือของเซี่ยงเส้าหยุนได้สัมผัสกับหน้าอกของอู่หมิงกวง

ตู้ม!

ฝ่ามือทำให้อู่หมิงกวงกระเด็นไปไกล หน้าอกของเขาเป็นรอยบุ๋ม และกระออกเลือดไม่หยุดหย่อน เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรก เขาสามารถสู้กับผู้มีระดับเหนือกว่าถึงสามขั้นได้ และตอนนี้เขาอยู่ขั้นสี่ แต่กลับจัดการผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสามอย่างง่ายดาย ราวกับผู้ใหญ่กลั่นแกล้งเด็กน้อย

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มตั้งใจไว้แล้ว เพื่อสอนบทเรียนแก่ศัตรูที่หยิ่งผยองพวกนี้ ก่อนที่พวกเขาจะตระหนักว่าเด็กหนุ่มนั้นแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากอู่หมิงกวงกระเด็นไปแล้ว หลี่เถียนปาได้มาถึงพร้อมกับขวานคู่ใจ และกวัดแกว่งมันใส่ด้านหลังของเซี่ยงเส้าหยุน เซี่ยงเส้าหยุนขยับตัวราวกับมีดวงตาอีกคู่หนึ่งบนหลัง ด้วยการก้าวเพียงไม่กี่ก้าว เขาหลบการโจมตีและพุ่งไปในทิศทางอื่น

“เวรเอ้ย! ตายซะ” อู่หมิงเหลียงเพ่งมองไปยังเซี่ยงเส้าหยุน เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มพุ่งเข้าใส่ เขากัดฟันแน่น และโจมตี

อู่หมิงเหลียงเป็นเพียงระดับดวงดาวขั้นแรก การโจมตีไม่ได้อยู่ในสายตาของเซี่ยงเส้าหยุนเลย ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนแข็งแกร่งขึ้น ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมหาศาลจนถึงจุดที่ผู้คนไม่อาจมองการเคลื่อนไหวของเขาได้ทัน เมื่อมาถึงด้านหลังของอู่หมิงเหลียง เด็กหนุ่มได้เตะอย่างแรงที่ด้านหลังของอู่หมิงเหลียง

ป้าบ!

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับอู่หมิงเหลียงนั้นราวกับภาพซ้ำที่เกิดขึ้นกับพี่หกของเขาเอง เขาลอยไปในอากาศ และกระอักเลือด

“เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่สร้างปัญหาให้ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าจะมอบบทเรียนที่เจ้าจะไม่มีวันลืม” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะไล่ตามอู่หมิงเหลียง และมองด้วยแววตาอำมหิต

“อย่าเพิ่งเหนื่อยไปล่ะ!” หลี่เถียนปาคำราม และรวบรวมกำลังทั้งหมดเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน เขาตวัดขวานออกไป แต่โชคร้าย เพราะไม่อาจตามความเร็วของเซี่ยงเส้าหยุนได้ทัน หลังจากจับอู่หมิงเหลียงได้ เซี่ยงเส้าหยุนจับอู่หมิงเหลียงโยนไปที่ขวานของหลี่เถียนปา

“ไม่!” อู่หมิงเหลียงฉี่รดกางเกงด้วยความกลัว เมื่อสัมผัสได้ถึงขวานอันน่ากลัวพุ่งมายังเขา เมื่อหลี่เถียนปามองสิ่งที่เกิดขึ้น เขาต้องเปลี่ยนวิถีขวานอย่างแรงเพราะไม่อาจระงับการโจมตีได้ทัน แต่ทว่า เซี่ยงเส้าหยุนกลับเตะอู่หมิงเหลียงเข้าใส่วิถีใหม่ของขวานนั่น

“อ๊ากกกก!”

หลี่เถียนปามิอาจหยุดการโจมตีได้ และได้โจมตีเข้าใส่ที่ไหล่ของอู่หมิงเหลียง แขนของเขาหลุดออก และมีเลือดพุ่งไปทั่วทุกหนแห่ง เผยให้ทุกคนได้รับชมฉากที่เต็มไปด้วยเลือด

“อ๊ากกก!” อู่หมิงเหลียงจับไหล่ที่ถูกตัดขาด และร้องไห้อย่างน่าเวทนา

“น้องเจ็ด!” อู่หมิงหยางร้องเสียงหลง เขาพยายามกระโดดไปยังลานประลอง แต่ผ็ดูแลหยุดเขาไว้

ผู้ดูแลกล่าว “การต่อสู้ที่ดำเนินอยู่จะไม่ถูกรบกวน ผู้ที่กระทำผิดอาจถูกลงโทษถึงตาย”

“บ้าฉิบ! เขาตัดแขนน้องข้า!” อู่หมิงหยางคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว

“เจ้าคิดว่ากำลังขู่ใครกัน? หากน้องของเจ้ายอมแพ้ เขาจะสามารถออกจากลานประลองได้ทันที” ผู่ดูแลกล่าวอย่างไม่ปิตินัก

“ก็ได้ ก็ได้ ข้ายอมรับในนามของน้องทั้งสอง” อู่หมิงหยางตะโกน

“ข้า ข้าขอ—” หลี่หงเอ๋อร้องออกด้วยความกลัว ร่างของนางสั่นสะท้าน นางพยายามยอมแพ้ แต่โชคร้ายก่อนจะได้ทันกล่าวจนจบ เซี่ยงเส้าหยุนปรากฏตัวตรงหน้า และตบเข้าที่หน้าของนาง

เพียะ!

“เจ้าต้องการประลองกับข้ามิใช่รึ ข้าหวังว่าเจ้าจะสร้างความหรรษาให้แก่ข้าได้นะ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะตบหน้าหลี่หงเอ๋อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ใบหน้าของนางต้องบวมช้ำขณะคร่ำครวญ

ความจริงแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนได้ลืมเลือนเรื่องของหลี่หงเอ๋อไปแล้ว แต่นางยังยืนกรานจะสร้างปัญหาให้แก่เขา เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจไม่อดกลั้นเมื่อเผชิญหน้ากับนาง ตอนนั้นเอง หลี่เถียนปาได้สติคืนหลังจากอู่หมิงเหลียงถูกตัดแขน ควาวโกรธเกรี้ยวเผยในดวงตา “บ้าเอ้ย! ไปให้พ้นจากน้องข้านะ! ตาย!”

ในตอนนั้น หลี่เถียนปาไม่กล้าแกว่งขวานไปรอบข้าง เขาวิ่ง และส่งฝ่ามือเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนด้วยพลังทั้งหมด

ฝ่ามือโลหิตพิษ เต็มกำลัง

“หลี่เถียนปารึ? ประกาศจนเองว่าจะเป็นราชาอันดับหนึ่งแห่งตำหนักยุทธ์มิใช่รึ? วันนี้ ให้คุณชายผู้นี้แสดงให้เข้าเห็นว่าราชาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าเกิดมาเพื่อเป็นราชา และวันนี้ ข้าขอประกาศว่าตนเองคือราชัน ด้วยหนึ่งหมัด ข้าจะจัดการเจ้า!” เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจใช้หลี่เถียนปาเพื่อประกาศศักดาเพื่อปลูกฝังความหวานกลัวในใจให้แก่ศิษย์ทั้งหมด เวลาแห่งการพิสูจน์พลังของเขานั้นได้มาถึงแล้ว

เด็กหนุ่มส่งหลี่หงเอ๋อลอยไปด้วยการตบเพียงครั้งเดียว จากนั้นเขากำหมัดแน่น และรวบรวมพลังไปที่หมัด ปราณสีม่วงขดตัวรอบหมัด ก่อนจะยิ่งออกไปยังฝ่ามือของหลี่เถียนปา

ตู้ม!

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset