ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 79 : วิชาโลหิตปะทุ

เมื่อหมัดปะทะกับฝ่ามือ ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น พลังดวงดาวปะทุออกไปทั่วทุกหนแห่ง ผู้ชมต่างเชื่อว่าหลังจากการปะทะ หมัดของเซี่ยงเส้าหยุนคงจะพิการ แต่เมื่อมองดูให้ชัดเจนจึงพบว่าหลี่เถียนปาจับแขนของตัวเอง และถอยร่นไป ดวงตาของเขาเผยความตื่นตระหนก

“ทะ ทำไม เป็นไปได้ยังไง? หลี่เถียนปาเป็นผู้ถอยหรือ? นี่ข้ามองผิดหรือเปล่า?”

“ไม่ เข้ามองไม่ผิดหรอก ข้าก็เห็นเช่นกัน นี่มันความแข็งแกร่งอะไรกัน? ข้าคิดว่าเมื่อสองเดือนก่อนเซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นสามเสียอีก

“เซี่ยงเส้าหยุนเป็นตัวประหลาด! เขาอาจเป็นคู่ปรับของหลี่เถียนปาจริง ไม่สิ เขาอาจแข็งแกร่งกว่าเสียอีก มิเช่นนั้นจะกล้าท้าทายพวกเขาทั้งสี่ในคราเดียวหรือ”

“หรือแท้จริงแล้วเขาเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนความแข็งแกร่งของตนไว้ มิเช่นนั้นเขาจะแข็งแกร่งได้เพียงนี้หรือ? ช่างเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้เลยรึ!”

“โอ้สวรรค์ เขาช่างหล่อเหลือเกิน! หญิงสาวผู้นี้หลงรักเจ้าเสียแล้ว!”

บนสนามประลอง เซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานก้าวราชันเก้าปรโลก ทิ้งภาพของตนมากมายขณะเคลื่อนที่ไปรอบลานประลอง เหล่าฝูงชนไม่อาจทราบได้เลยว่าคนไหนเป็นตัวจริง หลี่เถียนปาถอยหนีไป และกวาดขวานไปรอบข้างอย่างบ้าคลั่ง เพื่อสร้างกำแพงขวานขึ้นมา เพื่อให้เซี่ยงเส้าหยุนไปให้พ้นจากตนเอง

“เจ้ามีดีแค่นี้หรือ? อ่อนแอนัก” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเฉยเมย เขาวิ่งผ่านกำแพงขวานนั่นไป และจู่โจมด้วยลูกเตะวายุหมุน

คู้ม! ตู้ม!

การเตะหลายครั้งเข้าใส่หลี่เถียนปา ทำให้เขาสูญเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้น หากเขาไม่สวมเกราะหนักแล้วละก็ ลูกเตะเหล่านั้นคงสร้างบาดแผลฉกรรจ์เป็นแน่

“เข้ามา ลุกขึ้น! เจ้าคิดว่าเจ้าอัศจรรย์นักหรือ? เจ้าคิดจะหักแขน และขาทั้งสี่ของข้ามิใช่รึ? หากเจ้าไม่ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้ ข้าจะเป็นคนหักพวกมันทั้งหมดเอง” เซี่ยงเส้าหยุนหลุด และกล่าว เขาต้องการระบายความโกรธ และพิสูจน์ความสามารถ

หลี่เถียนปาลุกขึ้นยืน และกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดว่าข้ามีดีแค่นี้หรือ? เบิกตาให้กว้างแล้วรับชมเสีย!”

และตอนนั้นเอง หลี่เถียนปาได้รวบรวมพลังทั้งหมดที่มี ด้วยเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ช่วงท้ายของระดับดวงดาวขั้นหก รัศมีสีแดงเข้มส่องประกายจากขวาน รัศมีนั่นสูงหลายเมตร แรงกดดันขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น แรงกดดันมหาศาลที่เทียบได้กับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเจ็ดกำลังถูกปล่อยออกมา

ขวานโลหิตผ่าราตรี!

เขาฟาดขวานออกด้วยพลังทั้งหมด ส่งกำแพงพลังสีแดงโลหิตเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน การโจมตีที่แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเจ็ดก็มิอาจต้านทาน วิชานี้เป็นวิชาระดับสามขั้นสูง และยังมีการโจมตีที่รุนแรง

“ต้องให้ได้อย่างนี้สิ!” ความตั้งใจในการต่อสู้ของเซี่ยงเส้าหยุนเพิ่มขึ้น ขณะหยิบเอาหอกอัสนีจากที่หลังออก และแทงไปด้านหน้า

ชิ้ง! ชิ้ง!

ทันใดนั้น เกิดประกายไฟเต็มไปทั่วทั้งลานประลองจากการปะทะกัน หลังจากนั้นไม่นาน มือของเซี่ยงเส้าหยุนเริ่มชา แม้เขาจะยังคงถือมันไวเ หลี่เถียนปายังไม่พอจะจัดการเขาได้ สำหรับหลี่เถียนปา ไม่ว่าจะต่อสู้มากเพียงใด เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ ในการปะทะกันแต่ละครั้ง เซี่ยงเส้าหยุนกลับไม่ได้ผลกระทบใดเลย ความจริงแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนสามารถสวนกลับการโจมตีได้ทั้งหมด และหลี่เถียนปาเองก็มิสามารถยอมรับได้เช่นกัน

ตอนนั้นเอง สายฟ้าเริ่มปะทุขึ้นรอบหอก ขณะที่มันพุ่งออกจากมุมหนึ่ง และพุ่งทะลุการป้องกันของหลี่เถียนปาก่อนจะฟาดเข้าอย่างจัง อย่างไรเสีย ชุดเกราะหนักของหลี่เถียนปาก็มิใช่ของธรรมดา มันหยุดหอกเอาไว้ได้ และทำให้เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มจู่โจมอีกครั้ง คราวนี้เล็งไปที่แขน และขาของหลี่เถียนปา ส่วนที่ไม่ได้ถูกป้องกันโดยชุดเกราะหนัก

สังหาร!

ความตั้งใจในการสังหารของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นรุนแรง ขณะที่หอกแทงไปด้านหน้า และใช้พลังของวิชาหอกอัสนีไปแปดในสิบ พลังดวงดาวของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีม่วงส่องสว่างไปทั่วทั้งลานประลอง ขณะที่เขาโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสี่ควรจะทำได้เลย พลังในการต่อสู้นั้นมาถึงขั้นที่หกแล้ว หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

“อ๊ากกก!”

ในที่สุด การป้องกันของหลี่เถียนปาก็ล้มเหลวลง และมีหลุมโลหิตปรากฏขึ้นที่แขนของเขา ความเจ็บปวดซึ่งทำให้เขาต้องโอดครวญ เซี่ยงเส้าหยุนเล็งเห็นโอกาส เขาพุ่งไปด้านหน้า และเหวี่ยงหอกไปที่ขวานของหลี่เถียนปา ทำให้ขวานกระเด็นไป และเด็กหนุ่มกระโดด ก่อนจะส่งลูกเตะเข้าที่หน้าของหลี่เถียนปา

ตู้ม

เมื่อถูกโจมตี จมูกของหลี่เถียนปามีเลือดพุ่งออก ขณะที่ตัวของเขากระเด็นไปที่ขอบลานประลอง ผู้ชมต่างเงียบงันเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า หลี่เถียนปา หนึ่งในศิษย์สิบอันดับแรก และยังเป็นราชันอันดับหนึ่งแห่งตำหนักยุทธ์ ถูกจัดการเช่นนี้หรือ? พวกเขารู้สึกราวกับอยู่ในความฝันซึ่งยากจะเชื่อ

“ลุกขึ้น เจ้าทำได้เพียงเท่านี้หรือ? หากเจ้าไม่ลุกขึ้นมา ข้าจะสังหารเจ้าเสีย” เลือดของเซี่ยงเส้าหยุนยังคงเดือดดาลจากความตั้งใจในการต่อสู้

หลี่เถียนปายังคงยืนหยัดอยู่ได้ ในขณะจับแขนที่บาดเจ็บด้วยมืออีกข้าง ความวิกลจริตเผยบนใบหน้า เขาตะโกน “เจ้าขอเองนะ! เจ้าขอเองนะ!”

ขณะตะโกน ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และออร่าสีเลือดได้พุ่งไปรอบข้าง ออร่าสีเลือดแผ่ออกมาจากเจตนาสังหารอันรุนแรง ซึ่งทำให้เส้นผมของทุกคนต่างชูชัน

“เถียนปา หยุดนะ!” ทันใดนั้นเสียงที่ดูเป็นกังวลได้ดังขึ้น เสียงนั้นมาจากหลี่เสวียเหมิง ผู้ที่เฝ้าสังเกตุการณ์ประลองทั้งหมด ด้วยไม่ต้องการให้บุตรชายของตนใช้วิชานี้ มันเป็นวิชาต้องห้าม เขาไม่อาจมองดูบุตรชายใช้วิชานี้ได้ ตอนนั้นเอง พลังของหลี่เถียนปาได้ปะทุขึ้น

วิชาโลหิตปะทุ!

นี่เป็นวิชาที่รวบรวมเอาพลังของผู้ใช้เข้าสู่ดวงดาวเพื่อเพิ่มพลังยุทธ์ของผู้ใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง และผู้ใช้จะได้รับผลกระทบที่รุนแรง หลังจากหนึ่งชั่วโมงนั่น

ดันนั้น ด้วยขั้นเจ็ด ความแข็งแกร่งของหลี่เถียนปาได้เพิ่มขึ้นไปถึงช่วงกลางของขั้นเจ็ด ช่วงท้ายของขั้นเจ็ด และในที่สุดก็ถึงช่วงเริ่มของขั้นแปด ดูเหมือนจะมีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ่นในอากาศเช่นกัน สิ่งที่แตกต่างจากพลังแห่งการเผยตัวสำหรับผู้ที่จะปลดล็อคระหว่างระดับแปรสภาพ แต่กลับมีเลือดไหลออก

“นี่เขาบรรลุถึงขั้นแปดแล้วหรือ?” นับตั้งแต่เซี่ยงเส้าหยุนปลดล็อคการเผยตัวของราชา เขาจึงได้รับความสามารถในการตัดสินระดับยุทธ์ของผู้อื่นได้จากออร่า นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขาทราบถึงความแข็งแกร่งใหม่ของหลี่เถียนปาเมื่อแรกเห็น

“เซี่ยงเส้าหยุน ตายซะ!” หลี่เถียนปาคำราม และพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด

เขาพุ่งไปด้วยความเร็วทะลวงทุกสิ่ง และมาอยู่ตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุนในพริบตา หมัดที่เต็มไปด้วยออร่าสีเลือดถูกปล่อยเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset