ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 95 : เจ้าท้าทายข้าหรือ

ผู้ที่กล่าวมิใช่ใครอื่น คือเยี่ยเทียนหลงผู้ซึ่งมีอคติต่อเซี่ยงเส้าหยุนนั่นเอง ในตอนนี้เยี่ยเทียนหลงได้บรรลุระดับดวงดาวขั้นแปดเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาได้บรรลุหลังจากออกไปท่องโลกด้วยตัวคนเดียว

ตอนนี้ เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาแก่เซี่ยงเส้าหยุน มิเช่นนั้น จะต้องมีความบาดหมางกับเฉินฉินด้วย โชคไม่ดีนัก เพราะเขาชอบนางฝ่ายเดียว และในตอนที่ได้เห็นเฉินฉินได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเซี่ยงเส้าหยุน เขาได้หลุดการควบคุมไปเพราะความโกรธ

“เจ้าเป็นใครกัน? ข้าไม่เห็นเคยรู้จักเจ้า” เฉินฉินจ้องไปที่เยี่ยเทียนหลงด้วยสายตาเย็นชา

เยี่ยเทียนหลงได้เรียกชื่อนางด้วยความรัก แต่นางกลับกล่าวว่าไม่รู้จักเขา ช่างราวกับโดนตบเข้าที่หน้า และสร้างความรู้สึกอับอายแก่เด็กหนุ่ม

“ซินซิน…เจ้าจะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้จริงหรือ?” เยี่ยเทียนหลงกล่าวอย่างมืดมน

“ข้าบอกว่าไม่รู้จักเจ้า โปรดอย่าเรียกข้าราวกับสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ เพราะนั่นทำให้ข้าขนลุก” เฉินฉินกล่าวด้วยเผยสีหน้ารังเกียจ

“ศิษย์พี่เยี่ย นางไม่สนใจท่านเลย” ลูกน้องของเยี่ยเทียนหลงกล่าว

คำเหล่านั้นได้ตอกย้ำเยี่ยเทียนหลง และเขากำลังลงความโกรธไปที่เซี่ยงเส้าหยุน ผู้ซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการกินอาหาร เขากล่าว “เจ้า! มานี่! ข้าจะขอท้าเจ้าประลอง!”

เซี่ยงเส้าหยุนเพิกเฉยเขา และยังคงกินไม่หยุด

“นี่เจ้าป่วยรึ? เจ้าเป็นใครกันถึงจะมาท้าทายเขา?” เฉินฉินกล่าวอย่างไม่ยินดี

ลู่เสี่ยวฉิงก็ได้กล่าวเสริม “เจ้าจะเอาความโกรธไปลงกับผู้อื่น เพราะตนเองรู้สึกอัปยศหรือ ช่างไร้เหตุผลยิ่ง”

“เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่ไหม? เหตุใดจึงหลบหลังสตรีเล่า?” เยี่ยเทียนหลงเมินทั้งสอง และเริ่มยั่วยุเซี่ยงเส้าหยุนต่อ

ในตอนนั้น เซี่ยงเส้าหยุนได้เผยท่าที เขาแคะหู และกล่าว “เหตุใดที่นี่จึงหนวกหูนัก เสียงหนวกหูลอยมาจากที่ใดกัน?”

คำนั่นได้ทำให้เย่เทียนหลงโกรธมากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มละทิ้งเหตุผลในตอนนั้น และคว่ำโต๊ะ

“ใครเป็นผู้สร้างปัญหาที่นี่กัน? นี่เจ้าเบื่อหน่ายชีวิตหรือไร?” เสียงมืดมนดังขึ้นจากใกล้เคียง

เยี่ยเทียนหลงกำลังจู่โจม เมื่อได้ยินเสี่ยงนั่น เขาหยุดอย่างรวดเร็ว และสูดลมหายใจจนสุดปอด ด้วยไม่กล้าจู่โจมอีก เขาทราบดีว่าไม่ควรประลองกันในเหลาอาหารแห่งนี้ ผู้ที่ไม่เชื่อฟังจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง

“เดี๋ยว เจ้ากลัวง่ายดายเช่นนี้หรือ? น่าเบื่อเสียจริง” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างดูถูก

เย่เทียนหลงกำหมัดแน่น และคำราม “เซี่ยงเส้าหยุน ข้าขอท้าเจ้าประลอง!”

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนถามขณะแคะฟันอย่างเกียจคร้าน

“ใช่ ข้า เยี่ยเทียนหลง ขอท้าเจ้าประลอง!” เยี่ยเทียนหลงกล่าวซ้ำอย่างเคร่งขรึม

“เจ้าจะท้าทายข้าหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนยืนขึ้น และถามเสียงดัง เสียงของเขาดังราวกับฟ้าผ่า การเผยตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด แม้แต่วิญญาณของคนรอบข้างยังต้องสั่นคลอน

เยี่ยเทียนหลงสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้อัตตะกำลังกดตัวเขาลง ทำให้ต้องก้าวถอยหลัง และพูดติดอ่าง “ข้า ข้า”

“เจ้าจะท้าทายข้าหรือ?”

“เจ้าจะท้าทายข้าหรือ?”

“เจ้าจะท้าทายข้าหรือ?”

ไม่รอให้เยี่ยเทียนหลงได้กล่าวจนจบ เซี่ยงเส้าหยุนได้ตะโกนอีกสามครั้ง เสียงดังขึ้น และดังขึ้น นขณะที่การเผยตัวของราชาปลดปล่อยออกจากร่างกาย ภาพมังกร และพยัคฆ์ก่อตัวขึ้นอย่างจางรอบตัว และพยายามทำร้ายเยี่ยเทียนหลงด้วยแรงกดดันที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้

ชายหนุ่มผู้ตะกละก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนเป็นราชาผู้สง่างาม ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าต้องคุกเข่าตรงหน้า สำหรับเยี่ยเทียนหลง ซึ่งอยู่ตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุน เขาได้เห็นภาพลงของมังกร และพยัคฆ์กำลังพุ่งเข้าหา

“อ๊ากกก!”

ทำให้เกราะทางจิตใจต้องพังทลาน และถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความรีบร้อนในขณะถอยหนี เขาได้ชนเข้ากับโต๊ะด้านหลัง โชคดีที่ โต๊ะนั่นเป็นโต๊ะว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน

“คนเช่นเจ้ามีค่าให้มาท้าทายข้าหรือ? กลับเข้าไปในครรภ์มารดาเจ้าเสีย และฝึกฝนอีกร้อยปี ก่อนจะมาอีกครั้ง” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างไร้ปราณี

เยี่ยเทียนหลงเผยสีหน้าไม่น่าดู และด้วยบางเหตุผล ทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงใดจากปากได้เลย ด้วยได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ผู้มีระดับยุทธ์มากเกินกว่าตน ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกนั้น คล้ายกับตอนที่เขาพบกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา

ไม่ใช่เขาเพียงผู้เดียวที่รู้สึก เหล่าผู้คนโดยรอบต่างรู้สึกเช่นกัน และทุกคนต่างจมลงสู่ความเงียบด้วยไม่กล่าส่งเสียง สำหรับลู่เสี่ยวฉิง และเฉินฉิน พวกนางจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนด้วยแววตาอันว่างเปล่า

คำกล่าวว่ากล้าหาญนั้นยังไม่เพียงพอที่จะพรรณนาถึงเซี่ยงเส้าหยันนตอนนี้ได้เลย ดูเหมือนเขาจะมีเสน่ห์อันไร้ของเขตซึ่งสามารถดึงดูดสตรีได้ทุกวัย

“แค่ไปให้พ้น และหยุดรบกวนการกินอาหารของข้า” เซี่ยงเส้าหยุนปลดแรงกดดัน และโบกมืออย่างไม่ใยดี โดยไม่สนใจจะเหลือบไปมองเยี่ยเทียนหลงเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มกลับไปกินต่อ และก็ไม่ลืมที่จะกล่าวเชื้อเชิญเด็กสาวทั้งสองเช่นกัน “พวกเจ้ามัวรอสิ่งใดกัน? มากินกันเถอะ ไม่ต้องกังวล ข้าจ่ายไหว”

“เส้าหยุน ให้ข้าป้อนขนมปังให้นะ” เฉินฉินเสนอ

เมื่อลู่เสี่ยวฉิงได้สังเกตเห็นแววตาของศิษย์พี่หญิง นางสัมผัสได้ถึงความวิตกในทันที นางเริ่มเสียใจต่อการเชื้อเชิญศิษย์พี่สาวของตนมาด้วย

“มาดื่มด้วยกันเถอะ!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเฉยเมย และเริ่มดื่ม ด้วยไม่ได้เป็นคนติดเหล้า แต่เขารู้สึกราวกับชีวิตจะจืดชืดหากไร้ซึ่งเหล้า ดังนั้น สตรีทั้งสองได้เริ่มกิน และดื่ม แม้พวกนางจะไม่ได้กินอาหารราวกับผู้กระหายเช่นเขา แต่พวกนางต่างผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนแรกที่มา

ในขณะที่เยี่ยเทียนหลงต้องจากไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก่อนที่จะได้ออกจากเหลาอาหาร ผู้ดูแลเหลาอาหารได้มาหยุด และเรียกร้องค่าเสียหายที่ทำกับโต๊ะ และเก้าอีก

แน่นอนว่า การจ่ายเงินสำหรับโต๊ะ และเก้าอี้จะไม่ได้เยอะสำหรับเขา แต่ด้วยยังคงรู้สึกถูกดูถูกอยู่

เซี่ยงเส้าหยุน ข้าจะไม่มันวันลืมวันนี้แน่! เย่เทียนหลงคำรามสุดเสียง

ในตำหนักยุทธ์ เขาเป็นถึงถึงอัจฉริยะ ด้วยความแข็งแกร่งซึ่งอยู่ในระดับหัวแถวของเหล่าศิษย์ จึงเป็นที่รักของผู้อาวุโสมากมาย และเหล่าศิษย์อีกหลายคนต่างก็ชื่นชม อาจกล่าวได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตนอย่างสมบูรณ์

และที่สำคัญกว่านั้น เขายังสันนิษฐานว่าเฉินฉินนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ดังนั้น จึงถือว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นศัตรูโดยสมบูรณ์

เซี่ยงเส้าหยุนตระหนักดีว่าตนได้ทำลายศักดิ์ศรีของเยี่ยเทียนหลง และยังเพิ่มศัตรูเพิ่มอีก แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สนใจ ในสายตาของเขา เยี่ยเทียนหลงไม่สมควรได้รับความสนใจ หลังจากได้กินอาหารเสร็จแล้ว เขาจึงมุ่งหน้าไปยังโถงโอสถ เพื่อเตรียมการสำหรับการเดินทางไปที่เทือกเขาร้อยสัตว์อสูร

ในโถงโอสถ เซี่ยงเส้าหยุนทำราวกับที่นี่เป็นบ้าน และเริ่มหยิบสิ่งที่ต้องการ ผู้ดูแลแสร้างว่าไม่เห็นอะไร เซี่ยงเส้าหยุนมีสถานะพิเศษในตำหนักยุทธ์ ซึ่งมีอิสระในการใช้ทรัพยากรใดก็ได้ที่ต้องการ ตราบที่ใช้อย่างพอประมาณ และยังได้รับอนุญาตให้ทำสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการ

แต่ตอนนั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนได้หยิบเอาสมบัติของโถงโอสถไป สร้างความตกใจให้แก่ผู้ดูแล

“เจ้าหนู เจ้าเอาสิ่งนั้นไปไม่ได้!” ผู้ดูแลรีบพุ่งตัวเข้ามา และกล่าว

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset