ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 189 กำจัดรัชทายาท!

ด้านล่างอู่เหมิน การปรากฏของแสงสีทองอย่างกะทันหันนั้น ทำให้มู่สิงโจวต้องขมวดคิ้ว และมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น  

 

 

เขามองไปตรงสถานที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง สิ่งที่ปรากฏคือร่างที่เพรียวระหงส์สวมชุดเกราะบอบบางและดูเหมือนว่ายังเยาว์วัยอยู่  

 

 

สองพี่น้องที่ถูกเขาสั่งให้ประหารในตอนนี้ ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาและไม่เป็นอันตรายใดๆแล้ว  

 

 

ลูกธนูที่ถูกยิงใส่พวกเขา เมื่อสัมผัสแสงสีทองบนร่างของหญิงสาวก็หมุนเป็นเคว้งคว้าง ได้ปิดกั้นลูกธนูทั้งหมดไว้ด้านนอนชุดเกราะ  

 

 

“ผู้นี้เป็นใครกัน” มู่สิงโจวถามคนรอบข้างอย่างร้อนรน  

 

 

ชายผู้หนึ่งมองดูอย่างละเอียด ดวงตาของเขาหรี่ลงแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “กราบทูลองค์รัชทายาท หญิงสาวผู้นั้นเป็นลูกสาวของฆาตกรเจียงหลินเฟิง จากนั้นไม่ทราบเพราะเหตุอันใด นางจึงเข้าร่วมกับตระกูลลู่ในฐานะทาสสาวพ่ะย่ะค่ะ พรสวรรค์ของนางน่าทึ่งมาก และเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว อายุเพียงสิบสามปี ว่ากันว่า ตระกูลู่ใจดีกับนางมาก ดูเหมือนว่าจะได้รับการปลูกฝังอย่างมีนัยสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

มู่สิงโจวยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาที่แหลมคมส่องประกาย “ดูเหมือนว่าปลาตัวเล็กทั้งสองยังมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ขึ้นได้บ้าง ไม่รู้ว่าปลาตัวใหญ่กว่านี้จะช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ตัวต่อไปได้หรือไม่”  

 

 

“แม่นาง!”  

 

 

ภายใต้อู่เหมิน ในแสงสีทองหลังจากประสบกับความเป็นและความตายชั่ว ขณะที่อวี้ซูเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ  

 

 

อวี้เฉินมองไปที่นางอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็เกิดความกังวล “แม่นางทำไมท่านถึงมาที่นี่! พี่สาวของข้าและข้ามีชะตากรรมต่ำต้อย ถ้าตายก็ตายเถอะ แต่ท่านคือยอดฝีมือของนายน้อยและนายหญิง ท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไร”  

 

 

“เจ้าสองคนอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” น้ำเสียงของเจียงหลีเย็นชาเล็กน้อย  

 

 

ไม่ใช่ว่านางโกรธสองพี่น้อง แต่นางก็ยังค่อนข้างลังเลที่จะใช้ชุดเกราะเสวียนกัง เพื่อต้านทานลูกธนูเหล่านี้  

 

 

ก่อนนั้น นางเปิดใช้งานเกราะเสวียนกังชั้นแรกเท่านั้น เพื่อป้องกันตัวเอง  

 

 

ในตอนนี้ นางใช้ชั้นที่สองอย่างไม่เต็มใจ เพื่อปกป้องทั้งสองพี่น้องเอาไว้  

 

 

แม้ว่าจะถูกเจียงหลีตำหนิ แต่พี่น้องทั้งสองก็ยังคงมองดูนางด้วยความซาบซึ้งใจ “แม่นางไม่คำนึงถึงอันตรายใดๆ มุ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องอย่างพวกข้า จากนี้ไปชีวิตของพวกข้าพี่น้องทั้งสองเป็นของแม่นาง ตายไปก็เป็นผีของแม่นาง” อวี้ซูสาบานกับเจียงหลีด้วยน้ำตาคลอเบ้า  

 

 

เจียงหลีกัดริมฝีปากและยิ้มมีความสุขมากมายอย่างนับไม่ถ้วนในรอยยิ้มนั้น “เจ้าสองคนเดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว”  

 

 

เหนืออู่เหมิน มู่สิงโจวยกมือขึ้นและทหารหลายร้อยคนก็หยุดยิง  

 

 

ทันทีที่ความกดดันคลี่คลายลง เจียงหลีก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นยืนและหันไปเผชิญหน้ากับรัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้น ซึ่งยืนอยู่บนหออู่เหมิน  

 

 

ร่างที่ใหญ่และร่างที่เล็กเผชิญหน้ากันบนลานประหาร ร่างของลู่ซิ่งเฉาและชายาของของเขาถูกแขวนไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของมู่สิงโจว  

 

 

ยืนอยู่ที่ตรงนี้ เจียงหลีมองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว มีข้อสรุปในใจว่า  ถ้าต้องการเอาศพไป เหมือนว่าจะต้องฆ่าทุกคนที่นี่จึงจะทำได้   

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของนางและลู่เสวียน  

 

 

จูเสีย เจ้าจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด  เจียงหลีกัดฟันกรอดในใจ นางรอคอยการตื่นของจูเสีย ถ้าจูเสียตื่นขึ้นมา นางก็มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะในการต่อสู้ในครั้งนี้ได้  

 

 

ถ้าหากไม่ตื่น นางคงได้แต่หวัง ให้ลู่เจี้ยเตรียมแผนรับมือไว้จริงๆ ก่อนที่นางและลู่เสวียนจะตาย จะมีทางออกสำหรับทุกอย่าง  

 

 

“เจียงหลี” มู่สิงโจวเรียกชื่อของนาง  

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้วเม้นริมฝีปากและยิ้ม “องค์รัชทายาท” เมื่ออีกฝ่ายไม่รีบร้อนในการลงมือ นางจะถ่วงเวลาต่อไป  

 

 

ดวงตาเรียวของมู่สิงโจวหรี่ลง และมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้ เขามองจากเบื้องบนลงไปที่เจียงหลี และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเมตตา “เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ ทำไมเจ้าต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ข้ารัชทายาทรู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ข้าสามารถทำให้เจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของข้า ทรัพยากรในการฝึกฝนจะไม่น้อยไปกว่าของตระกูลลู่เป็นแน่ ในอนาคตหากเจ้าทำได้ดี ข้ายังสามารถช่วยเจ้าขอร้องเสด็จพ่อ ยกโทษให้พี่ชายของเจ้าที่ต้องหลบหนีได้”  

 

 

“แน่นอนว่ามันเป็นเงื่อนไขที่น่าซาบซึ้งใจเพคะ” เจียงหลีกล่าวอย่างสนุกสนาน ท่าทีที่นางไม่ปฏิเสธ ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของมู่สิงโจวชัดเจนขึ้น “ผู้ที่สามารถรู้เรื่องปัจจุบันนั้นเป็นคนที่เก่งกาจ เจียงหลีเจ้าก็อย่าปฏิเสธน้ำใจของข้าเลย”  

 

 

ทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง เหล่าคันธนูที่แข็งแกร่งบนมือก็วางลงบนช่องกำแพงอีกครั้ง ทันใดนั้น เจียงหลีรู้สึกเหมือนมีของแหลมคมอยู่บนหลังของตน ถูกจ้องมองด้วยสายตานับไม่ถ้วน  

 

 

เจียงหลียิ้มยียวนและพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเป็นลำดับที่สามของสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง เจียงหลีต้องการที่จะประมือกับรัชทายาทในวันนี้ ถ้าพ่ายแพ้ ข้าจะแปรพรรคเป็นคนของรัชทายาท จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ แน่นอนว่าเมื่อนั้นผู้อื่นก็ไม่สามารถครหาในตัวข้าได้”  

 

 

ดวงตาของมู่สิงโจววูบไหวและทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “เจ้าต้องการข้ออ้างที่ตรงไปตรงมา ข้าจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้า”  

 

 

เขาคิดว่า เจียงหลีไม่ต้องการทรยศต่อเจ้านายคนเดิมก็เท่านั้น  

 

 

แต่ทว่า มีคนรอบข้างเตือนเขาว่า “รัชทายาท หญิงสาวผู้นี้เคยสาบานในการล่าสัตว์วสันต์ฤดู เพื่อปกป้องเจ้านายน้อยของตระกูลลู่ นางจะเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้คำสั่งของรัชทายาทได้อย่างไร ตอนนี้รัชทายาทควรระวังว่าจะเป็นการหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ!”  

 

 

แต่มู่สิงโจวหาได้สนใจไม่ “คำสาบานของหญิงสาวจะจริงจังได้อย่างไร ในวันนั้นตระกูลลู่ยังคงปกป้องนางได้ นางต้องการทำให้เจ้านายของนางพอใจ ดังนั้นนางจึงต้องปฏิบัติอย่างดี แต่ในตอนนี้ตระกูลลู่ล่มสลายไปแล้ว ถ้านางฉลาดนางจะรู้ว่าควรทำอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”  

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างนอก และเหาะลอยตัวลงมาจากด้านบนของอู่เหมิน เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางของเขายังคงดูสง่า “เจียงหลีจงฟังข้า ข้าจะใช้เพียงมือเดียวในการแข่งขันกับเจ้า” ข้ออ้างที่เจียงหลีต้องการที่จะออกจากตระกูลลู่ เขาก็อยากได้ชื่อเสียงที่ดีงามในการดึงตัวยอดฝีมือมาด้วย การต่อสู้ในสนามนี้ ต่างก็เพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้นเอง  

 

 

มู่สิงโจวคิดว่าตนเองนั้น ได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว  

 

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ตระกูลลู่ต้องการที่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน  

 

 

 “ขอบพระทัยรัชทายาทเพคะ” เจียงหลีมองเขาด้วยรอยยิ้มและยอมรับการ ‘ออมมือ’ ของเขาอย่างไม่เกรงใจ  

 

 

นี่คือการแข่งขันแบบตัวต่อตัว และไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ ภายใต้สายตาของเจียงหลี อวี้ซูและอวี้เฉินก้าวถอยหลังไปและไม่มีใครจะหยุดพวกเขาได้  

 

 

 ฆ่าเขาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จากนั้นก็ฆ่าเหล่าองครักษ์ชั้นยอดเหล่านี้ และหาโอกาสหนีไปก่อนที่กองทัพจากพระราชวังมาถึง ยังคงมีโอกาส  ใบหน้าของเจียงหลีมีรอยยิ้ม แต่มีความคมซ่อนอยู่ในดวงตา  

 

 

“ลงมือเถอะ” เมื่อมู่สิงโจวพูด พลังวิญญาณที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา “หมัดเจ้าสังหารรร!”  

 

 

เพียงเริ่มต้น เขาก็ใช้ทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่นมาก เขาต้องการที่จะชนะ และก็ต้องชนะอย่างสวยงามด้วย!  

 

 

เจียงหลีใช้ทักษะชวนเสินอิ่นหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว และร่างของนางก็พุ่งไปด้านหลังของมู่สิงโจว จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยเรียกเสียงต่ำ “ฉีกเวหาาาา!”  

 

 

วิญญาณยุทธ์ตัวแรกถูกปล่อยออกมาทันที เขาของเลี่ยเทียนซื่อหันไปทางด้านหลังของมู่สิงโจว…  

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset