ลิขิตรักสมรสพระราชทาน – ตอนที่ 14 ปิ่นปักแทนใจ

ภายในศาลาเหลียนฮวา

เผิงอวิ๋นที่กางร่มพร้อมกับประคองหยาเหยาก็เดินมาถึงยังด้านหน้าของศาลาหลังงามนี้…. โดยที่เด็กน้อยในศาลาก็ได้เเต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีเพียงเเต่ชิงชิงที่ยิ้มกว้างกว่าผู้อื่น

“เกอเกอ…. ” หยาเหยาพยามดันร่างของเผิงอวิ๋นให้ห่างออกไปหน่อย

“เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าพึงใจในตัวพี่เจ้า? ” เผิงอวิ๋นกระซิบ

ในตอนนั้นหยาเหยาใบหน้าเเดงกล่ำ นางเเสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เผิงอวิ๋นกล่าวเสีย นางเดินไปหาพวกเด็กด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างอบอุ่นนั้น

“เด็กๆ ที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าทำเสร็จเเล้วใช่หรือไม่? ”

“เสร็จเเล้ว” เสียงเด็กน้อยร้องตอบพร้อมกัน

ในเวลานั้นเผิงอวิ๋นที่ยืนยิ้มอยู่ก็ได้ เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น

“พวกเจ้าอยากรู้หรือมไม่ ว่าเเคว้นรอบๆ ของเรามีเรื่องราวเป็นอย่างไร? ”

“อยากๆ ๆ ” เด็กน้อยหันเหความสนใจมาที่เผิงอวิ๋นเเทนที่จะเป็นหยาเหยา

“เกอเกอ” หยาเหยาร้องขึ้นอย่างขัดใจ หากเเต่นางก้สงบได้หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่เผิงอวิ๋นจะกล่าวให้เด็กๆ เหล่านี้ฟังนั้นล้วนเป็นคำพูด พูดถึงในสิ่งที่เด็กน้อยเล่านี้อาจจะมิได้ประสบไปชั่วชีวิต

สิ่งที่เผิงอวิ๋นจะสั่งสอนเด็กน้อยเล่านี้นับว่าล้ำค่ามาก โลกกว้างของเด็กน้อยจะได้เปิดออก

หยาเหยานางเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่เผิงอวิ๋นกระทำทุกประการ

ตกเย็นของวันนั้น

เผิงอวิ๋นเเละหยาเหยานั่งบนรถม้าเพื่อกลับจวนอัครเสนาบดีพร้อมกัน ในตอนนั้นเผิงอวิ๋นดูอย่างไรก็งามพร้อมด้วยคุณสมบัติบัณฑิตทุกประการ

หยาเหยามองไปที่เผิงอวิ๋นในใจก็นึกภาคภูมิในตัวเขาไม่น้อย ไม่ผิดในตอนที่นางยังเด็กที่คาดไว้ว่าบุรุษผู้นี้มากด้วยสามารถล้วนเป็นความคิดที่ถูกแล้ว

ที่คาดว่าบุรุษผู้นี้เติบโตขึ้นจะเป็นที่พึงพิงของนางได้ นับเเต่วัยเยาว์มารดาของนางที่เอ่ยไว้ไม่มีผิดเเม้นสักคำ

บุรุษสองผู้ที่มิวันทรยศต่อเจ้า…. มีท่านพ่อเเละเกอเกอของนางผู้นี้ เป็นนางที่ใจเเท้ไม่มั่นคง โกรธเคืองไร้เหตุผลก็ปานนั้น หากเเต่คนผู้นี้เอ่ยคำใดก็คือคำนั้น

หลายวันผ่านไป

ในตอนนั้นเสนาบดีสกุลซื่อก็ได้บอกให้เผิงอวิ๋นพาหยาเหยาไปเดินเที่ยวชมเทศกาลชมดอกเบญจมาศ เผิงอวิ๋นโดยเเท้ก็เต็มใจที่จะพาดวงใจของเขาผู้นี้ไปอยู่เเล้ว

ในตอนที่ทั้งสองเดินชื่นชมซุ้มดอกเบญจมาศหลากหลายสีสันที่ระรานตาตลอดทางความยามของถนน

ซื่อหยาเหยานางเดินไปเคียงคู่กันไปกับเผิงอวิ๋น โดยที่มีชิงชิงเดินตามหลังอยู่ไม่ห่างนักเป็นภาพที่งดงามเเละตราจึงใจเป็นที่สุด

“เหยาเหยา” เผิงอวิ๋นเอ่ยเสียงหวานล้ำ

“เจ้าคะ”

จู่เผิงอวิ๋นก็หยิบปิ่นหยกลวดลายงดงามเล่มหนึ่งขึ้นมา…. ในตอนนั้นก็หมายที่จะมอบให้เหยาเหยาของเขา

หยาเหยาในตอนนั้นก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

“ปิ่นหยกนี้เป็นของที่ท่านพ่อเคยมอบให้กับท่านเเม่ข้า วันนี้ข้าขอมอบให้เจ้า ไม่รู้เจ้ายินดีจะรับไว้หรือไม่? ” เผิงอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้งเเละอบอุ่นยิ่ง สองตาประสานราวกับห้วงเวลามีเพียงกันเเลพกันท่ามกลางผู้คนมากมายที่วุ่นวาย

“ข้า….. “หยาเหยานางกำลังเอ่ยตอบด้วยเเววตาที่เปี่ยมสุข

หากเเต่ในตอนนั้นเอง…. จู่ๆ ก็มีสตรีนาง วิ่งเข้ามาโผเข้าสวมกอดเผิงอวิ๋น

“เผิงอวิ๋นเกอเกอ ในที่สุดข้าก็พบท่าน ท่านคิดถึงฮวนเอ่อร์หรือไม่? ”

โปรดติดตามตอนต่อไป

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ลิขิตรักสมรสพระราชทานบทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง “ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ “มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ” หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!! . . คืนวันเเต่งงาน ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้ “สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ” “ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก “ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ” “เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….” “ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น” ‘ปั่ง!! ‘ เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ.. บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่?? เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่… …………… โรงเตี้ยมฟูหลัว “ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ” “จะพูดถึงนางทำไมกัน” “อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ” “หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย” “ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น” “ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ” สามวันต่อมา หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ… กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง “ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน” “ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก” “ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ” “ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “เอ้?? ” “ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ” “ได้.. ได้เจ้าคะ” หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น สามเดือนผ่านไป หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset