ในขณะเดียวกันที่ไฮแอทรีเจนซี อยู่ๆ ถังหนิงก็ได้รับสายจากลูกชายของเธอ ขอให้เธอช่วยติดต่อแพทย์ผิวหนังชาวอเมริกันให้เขาเพราะว่าที่ลูกสะใภ้ได้รับบาดเจ็บ
ในขณะที่ถังหนิงได้ยินคำขอของเขา เธอให้ความสำคัญและบอกให้ลู่เช่อติดต่อแพทย์ผิวหนัง เธอยังบอกให้เขาเชิญแพทย์คนนั้นมาที่ปักกิ่งอีกด้วย
ถังหนิงรู้เรื่องเชียนหลาน ผู้หญิงที่อยู่ในใจลูกชายของเธอมาห้าปีแล้วมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามเธอไม่มั่นใจว่าว่าที่ลูกสะใภ้ที่โม่จื่อเฉินพูดถึงจะยังเป็นคนเดิมอยู่หรือไม่
หลังจากใช้เวลาทั้งวันที่โรงพยาบาล โม่จื่อเฉินเหนื่อยสุดขีดเมื่อกลับมาที่ไฮแอทรีเจนซี
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาได้พักเพราะต้องกลับไปบอกเรื่องบางอย่างกับถังหนิงที่บ้านครอบครัวของเขา “แม่ครับ อีกไม่นานแม่กำลังจะมีลูกสะใภ้แล้วนะครับ”
“คนเดิมกับผู้หญิงเมื่อห้าปีก่อนเหรอ” ถังหนิงเดา เมื่อเป็นเรื่องของความรักลูกชายของเธอได้เชื้อความทุ่มเทและความรักจากเธอและโม่ถิง ซ้ำเธอยังเห็นว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาลูกชายของเธอเศร้าสร้อยตลอดเวลา ถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังคงอยู่ในใจของเขา
“ครับ” โม่จื่อเฉินพยักหน้า “ผมเข้าใจผิดเธอหลายเรื่องมาตลอดห้าปีนี้ เมื่อคืนเราเลยปรับความเข้าใจทุกอย่างกันครับ”
“ลูกเลยวางแผนจะแต่งงานงั้นเหรอ” ถังหนิงถาม
“มันอาจจะลำบากไปสักหน่อยน่ะครับ…เธอเป็นทหาร”
“ครอบครัวของเราดวงสมพงศ์กับทหารหรือเปล่าเนี่ย พี่ชายของลูกเป็นทหารก็แย่พอแล้ว ตอนนี้ลูกสะใภ้ของแม่ก็เป็นไปด้วย!”
ลูกชายคนรองของเธอเป็นถึงรองเจ้ากรมกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ
แต่แน่นอนว่าโม่จื่อเฉินไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้
“อีกอย่างแม่ก็ดีใจที่เห็นลูกชายกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” ถังหนิงเอ่ยขณะกอดลูกชายตัวเอง
“แต่แม่ครับ ผมอาจต้องรบกวนแม่บางอย่าง”
เขาคิดว่าถังหนิงคงสามารถจัดการเรื่องตระกูลเชียนได้ดีกว่าเขา อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเอาชนะแม่ของเขาได้
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ” ถังหนิงเดาได้ทันที
สุดท้ายเขาจึงได้ใช้เวลาอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดของตระกูลเชียนให้ถังหนิงฟัง คุณนายเชียนไม่ได้เป็นปัญหา หากแต่พวกเขาต้องระวังคุณพ่อเชียนกับเชียนฮุ่ย
หลังถังหนิงได้ยินเรื่องนี้ เธอก็พยักหน้ารับ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องนี้เอง มันไม่ใช่เรื่อยากอะไร แม่แค่ต้องใช้เงินนิดหน่อย”
ความกลัวเพียงเรื่องเดียวคือตระกูลเชียนอาจจะโลภเกินไป
อย่างไรก็ตามมันไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับถังหนิง
เธอเชี่ยวชาญด้านการจัดการกับคนโลภเป็นพิเศษ
ถังหนิงใช้เวลาช่วงเย็นที่เหลือฟังโม่จื่อเฉินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเชียนหลาน รวมถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างห้าปีที่ห่างกันไปและความทรมานที่พวกเขาเผชิญหลังจากได้กลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อได้ยินเรื่องทุกอย่าง ถังหนิงสุดแสนจะอยากมอบความรักทั้งหมดในโลกใบนี้ให้ลูกชายตัวเอง
โม่จื่อเฉินไม่เหมือนกับโม่จื่อซี เขาไม่ชอบผูกมิตรมากนัก ใครมองมาที่เขาก็ดูออกว่าเขาเป็นคนเก็บตัว
ในขณะที่โม่จื่อซีมีเพื่อนร่วมงานอยู่ด้วย โม่จื่อเฉินนั้นอยู่เพียงลำพัง…
เขาถูกลิขิตมาให้แตกต่างเพราะความเฉลียวฉลาดของเขา
จึงเป็นเรื่องปกติที่ถังหนิงจะใส่ใจลูกชายคนนี้มากกว่า
แน่นอนว่าในที่สุดตอนนี้ลูกชายของเธอก็ได้พบกับคู่ชีวิต เธอไม่ต้องการให้เขาต้องผิดหวัง ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องตระกูลเชียนจึงเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ
คืนนั้นถังหนิงนอนซบอกสามีอยู่บนเตียง บอกเขาเรื่องที่โม่จื่อเฉินมาเยี่ยมเมื่อเย็น
“ลูกชายของเราไม่เคยมาหาฉันด้วยท่าทางมีความสุขอย่างนั้นเลยนะคะ ทั้งหมดคงเป็นเพราะเขากำลังจะแต่งงาน”
“ลูกชายคุณก็มั่นคงเหมือนคุณนั่นแหละครับ หลังทรมานมาห้าปีในที่สุดเขาก็ได้คำตอบสักที”
“ถิงคะ คุณรู้หรือเปล่าว่าจื่อเฉินไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกต่อหน้าเราเลยนะคะ แต่ครั้งนี้เขายิ้มแล้วรอยยิ้มของเขาก็มีความสุขมากๆ ด้วยค่ะ”
โม่ถิงโอบภรรยาตัวเอง เขารู้ว่าถังหนิงเป็นห่วงโม่จื่อเฉินมาตลอด เขาประทับจูบบนหน้าผากเธอก่อนเอ่ย “ในที่สุดไอ้ตัวแสบนั่นก็จะแต่งงานสักที”
โม่ถิงอยากจะตีโม่จื่อเฉินมานาน เมื่อเห็นภรรยาตัวเองเป็นกังวลกับเจ้าตัวแสบอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าทักษะการต่อสู้ของเขาคงเทียบกับลูกชายไม่ได้
ถังหนิงแค่คาดเดาว่าลูกชายตัวเองมีตัวตนที่เป็นอันตราย หากแต่เธอไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันแน่ ในทางกลับกันโม่ถิงรู้ทุกอย่างอย่างหมดเปลือก
ห้าปีก่อนเขาเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ตอนนี้เขาเป็นถึงรองเจ้ากรมกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติในห้าปีให้หลัง
เขามีฝีมือที่น่าทึ่งและประสบความสำเร็จมามากมาย
“ถิงคะ คุณคิดว่ามันจะบุ่มบ่ามเกินไปถ้าฉันไปเยี่ยมลูกสะใภ้ของเราพรุ่งนี้ไหมคะ”
“แค่คุณอยากทำไม่มีอะไรที่เร็วเกินไปหรอกครับ”
ถังหนิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ดูเหมือนว่าในใจของโม่ถิง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ถูกต้องไปเสียหมด ไม่มีทางผิดสักครั้ง
ตอนนี้พวกเขาแต่งงานมาหลายสิบปีแล้ว ถังหนิงจึงรู้ว่าโม่ถิงรักและเอ็นดูเธอมากเพียงไหน
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้นะคะ คุณอยากไปกับฉันไหม”
“ผมจะบอกให้ลู่เช่อมารับคุณนะครับ เราต้องเตรียมการเรื่องนี้ไว้ก่อน คุณจะได้ไม่ทำให้คนอื่นแตกตื่นมากนัก”
อย่างไรเสียถังหนิงก็เป็นเจ้าแม่วงการไซไฟของจีน ชื่อเสียงของเธอยังดังกระฉ่อนไปทั่ววงการภาพยนตร์ตลอดมา ยิ่งเมื่อทั้งคู่ยังปล่อยภาพยนตร์ไซไฟออกมาในทุกๆ สองปีอยู่อย่างสม่ำเสมอ
เธอถึงต้องแอบไปไหนมาไหนอยู่เสมอ
เชียนหลานจึงไม่รู้ว่าแม่ว่าที่สามีของตัวเองจะปรากฏตัวอย่างกะทันหัน…
…
มีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นมากมายจากการนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนานเกินไป เมื่อเธอสามารถเดินเหินได้จึงขอออกไปเดินเล่นทันที
โม่จื่อเฉินไม่อาจขัดใจเธอได้ จึงยืมรถเข็นมาและพาเธอออกไปเดินเล่นที่สวน
“ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่คะ”
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ครับ” โม่จื่อเฉินตอบ “ผมบอกแม่ของผมเรื่องครอบครัวของคุณแล้วนะครับ”
“คุณกำลังพูดถึง…ถังหนิงเหรอคะ ถังหนิงคนนั้นน่ะเหรอคะ”
เชียนหลานตื่นเต้นสุดขีดเมื่อได้ยินว่าพูดถึงถังหนิง
“เธอเป็นว่าที่แม่สามีของคุณนะ คุณเรียกเธอด้วยชื่อไม่ได้นะครับ” โม่จื่อเฉินเอ่ยเตือนทันที
“ฉันแค่ตื่นเต้นมากเฉยๆ ค่ะ ทหารอาจจะดูระเบียบจัด แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเราก็จะแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหนังไซไฟนะคะ” เชียนหลานหัวเราะ “ฉันทำอย่างนั้นเพราะมันเป็นทางเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเรายังเชื่อมถึงกัน
“เราต่างก็ชอบถังนะ…เอ่อ คุณน้ามากน่ะค่ะ”
ทั้งคู่เข็นรถไปทั่วโรงพยาบาลก่อนกลับมาที่ห้องหลังผ่านไปกว่าชั่วโมง ตอนนี้เองที่โม่จื่อเฉินเห็นบอดีการ์ดในสูทดำบางคนยืนอยู่ด้านนอกห้องของเชียนหลาน
โม่จื่อเฉินจำพวกเขาได้และเดาได้รางๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะก้าวเข้าไปในห้องก็เห็นร่างสง่างามยืนอยู่ด้านใน โม่จื่อเฉินเอ่ยอย่างหนักใจ “แม่ครับ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้โผล่มาโดยไม่บอกก่อนล่ะครับ”
“แม่แค่มาเจอว่าที่ลูกสะใภ้ มันไม่ได้มากไปหรอกใช่ไหมล่ะ แม่ก็แค่อยากเป็นแม่สามีที่น่ารักเท่านั้นเอง” ถังหนิงหัวเราะออกมาน้อยๆ ขณะที่มองหน้าลูกชายตัวเอง ก่อนแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “เชียนหลาน ฉันเป็นแม่ของจื่อเฉินเองจ้ะ”
เชียนหลานแทบจะเป็นลมที่ได้เห็นถังหนิง
“ฉัน…ฉัน…ฉันรู้สึกเกร็งไปหน่อยน่ะค่ะ”
“คุณไม่ต้องรู้สึกอย่างนั้นหรอก แม่ของผมไม่ได้จะกินคุณเข้าไปนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องได้ลายเซ็นคุณน้าก่อน” เชียนหลานถือโอกาสนี้ขอ “คุณไม่รู้หรอกว่ามีคนในกองทัพเป็นแฟนคลับของคุณน้าเยอะแค่ไหน”
“ฉันจะให้ลายเซ็นถ้าเธอแต่งงานกับลูกชายของฉันแล้วกัน!” ถังหนิงว่าอย่างขี้เล่น “เรามาตกลงกันอย่างนี้ได้ไหมจ๊ะ”