“แม่ครับ…ใครบอกกันครับ” โม่จื่อเฉินถามเสียงค่อย
ใบหน้าเชียนหลานขึ้นสีแดงระเรื่อทันที…
“แล้วแต่เลยค่ะ คุณน้า”
“เห็นไหมล่ะ” ถังหนิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจพลางมองหน้าลูกชายตัวเอง “เลิกกลับมาที่บอกแม่ที่บ้านว่าอยากแต่งงานได้แล้ว ลูกต้องทำมันจริงๆ สักทีนะ”
“แม่ครับ…”
“ก็ได้ แม่จะไม่แกล้งอีก ออกไปแป๊บนึงสิ แม่อยากคุยกับเชียนหลานตามลำพัง” ถังหนิงเอ่ยขณะพยักพเยิดไปทางประตู
“แม่ครับ…”
“ออกไปเถอะค่ะ คุณน้าไม่กินฉันเข้าไปหรอก” เชียนหลานเอ่ยไล่ “คุณน้ากับฉันต้องคุยเรื่องส่วนตัวกัน”
โม่จื่อเฉินไม่ได้ปริปากออกมาอีกขณะพยักหน้าและหันหลังเดินออกไป
หลังจากเขาออกไป ถังหนิงลุกขึ้นไปปิดประตูห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาและหันมาคุยกับเชียนหลาน แน่นอนว่าท่าทีของเธอไม่ได้เป็นกันเองอย่างก่อนหน้านี้
“เชียนหลาน…”
“คุณน้าคะ พูดมาเถอะค่ะ”
“ฉันรู้เรื่องของเธอกับจื่อเฉินเมื่อห้าปีก่อนแล้ว” ถังหนิงเอ่ย “ช่วงห้าปีมานี้เธอทำร้ายลูกชายของฉันมาตลอด มันไม่ง่ายที่สุดท้ายเขาจะทำใจได้ แต่หลังจากนั้นอยู่ๆ เธอก็โผล่มาต่อหน้าเขา…”
“คุณน้าคะ…” เชียนหลานมองถังหนิงด้วยความอึ้ง
“บอกมาว่าทำยังไงเธอถึงจะไปจากลูกชายฉัน เธอก็รู้จักวิธีของฉัน ถ้าฉันอยากจะทำบางอย่างไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จหรอก” ถังหนิงมองหน้าเชียนหลานด้วยท่าทีเย็นชา “แค่เธอยอมไปจากลูกชายฉันและไม่ทำร้ายเขาอีก เธอยื่นเงื่อนไขอะไรที่ต้องการมาก็ได้ทั้งนั้น
“ไม่อย่างนั้นฉันจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลเชียนให้พังพินาศซะ เธออาจจะเสียยศทหารของเธอไปด้วยซ้ำ!”
เชียนหลานนึกไม่ถึงว่าถังหนิงที่ดูเป็นกันเองจะเอ่ยคำพูดชวนเจ็บปวดและข่มขู่กับเธอขนาดนี้
มันทำให้เชียนหลานหวาดกลัวไม่น้อย
“คุณน้า…”
“ตัดสินใจมา เธออยากจะคบกับโม่จื่อเฉินต่อไป หรือว่าอยากจะถอนตัวไป” ถังหนิงถามขณะมองหน้าเชียนหลาน
เธอก้มหน้าและสูดหายใจลึก ในที่สุดก็ตอบหลังผ่านไปชั่วครู่ “คุณน้าคะ ฉันรู้ตัวว่าเคยทำให้จื่อเฉินเจ็บปวด แต่…ฉันก็เสียใจจริงๆ ที่ตัวเองไม่ได้พยายามอยู่กับเขา
“ฉันรู้ว่าคุณน้าอาจเกลียดฉันเพราะฉันทำร้ายลูกชายของคุณน้า
“ฉันรู้ถึงความสามารถของไห่รุ่ยและฝีมือของคุณน้าดีค่ะ แล้วฉันก็รู้ว่าไม่ว่าฉันจะต่อสู้แค่ไหนก็คงไม่มีทางเอาชนะพวกคุณน้าได้
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังหวังจะอยู่เคียงข้างโม่จื่อเฉิน มันพอจะเป็นไปได้ไหมคะ…
“ถึงชื่อเสียงของฉันจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ต่อให้ถูกถอดยศทหาร ฉันก็ยังอยากอยู่ข้างจื่อเฉินเพราะมันคือสิ่งที่ฉันให้สัญญาไว้ค่ะ”
น้ำตาเชียนหลานไหลรินมาจากดวงตาขณะที่พูด
“ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ครั้งนี้ฉันก็อยากจะพยายามค่ะ ฉันจะพยายามจนกว่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไป”
เมื่อได้ยินคำตอบของเชียนหลาน ถังหนิงคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นและอ่อนสายตาลง
“ตระกูลโม่ไม่รังแกคนของตัวเองหรอก ฉันเลยพูดเรื่องที่ย่ำแย่ทั้งหมดไปก่อน ฉันหวังว่าเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้น ถ้าเธอกับลูกชายฉันอยากจะคบกันจริงๆ เธอต้องเตรียมใจยอมรับความยากลำบากทั้งหมดนี้
“ถ้าเธอยอมแพ้กลางทางอีก ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อขัดขวางพวกเธอสองคนด้วยตัวเอง”
หลังได้ยินสิ่งที่ถังหนิงบอก เชียนหลานอึ้งไปเล็กน้อย “หมายความว่ายังไงคะ คุณน้า”
“เธอคิดว่าฉันจะเป็นแม่สามีที่น่ารังเกียจเหรอ ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจะยอมแพ้กับลูกชายฉันเอาง่ายๆ หรือเปล่าเท่านั้นแหละ”
“ฉันขอโทษนะคะ คุณน้า”
“เธอไม่ต้องขอโทษฉันหรอก คนเดียวที่เธอควรขอโทษก็คือตัวเองกับจื่อเฉินต่างหาก” ถังหนิงถอนหายใจ “ถิงกับฉันไม่เคยบงการลูกชายของเราจริงๆ สักครั้ง เขามักจะตัดสินใจของเขาเองตลอด แต่พอเป็นเรื่องความรักเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
“ในฐานะแม่ของเขา ฉันหวังว่าเธอจะดูแลเขาให้ดี…”
“แน่นอนค่ะ” เชียนหลานรับคำอย่างมั่นใจ “ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ค่ะ”
ห้าปีที่แล้วโม่จื่อเฉินชอบที่เชียนหลานใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่บัดนี้เขาไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการเธอเท่านั้น
อันที่จริงถังหนิงมีเรื่องพูดกับเชียนหลานอีกมาก หากแต่เธอเกรงว่าตัวเองจะเป็นแม่สามีเจ้ากี้เจ้าการ อย่างไรเสียคนหนุ่มสาวก็มีวิธีจัดการเรื่องต่างๆ ในแบบของตัวเอง ในเมื่อเธอได้มาที่นี่แล้ว ถังหนิงก็ตัดสินใจที่จะเชื่อใจเชียนหลาน
เธอทิ้งลายเซ็นไว้ให้และออกจากห้องไปในท้ายที่สุด
“แม่ของผมพูดอะไรกับคุณ”
“เธอขู่ฉันค่ะ บอกว่าถ้าฉันไม่ดูแลคุณให้ดีเธอจะทำให้ฉันเดือดร้อน” เชียนหลานตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกลัวเธอจริงๆ นะคะแต่ก็แค่แป๊บเดียว หลังจากนั้นฉันก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมแพ้กับความสัมพันธ์ของเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…
…ห้าปีมานี้เราคลาดกันมามากพอแล้ว”
อยู่ๆ โม่จื่อเฉินก็นั่งชันเข่าลงและจับมือเธอไว้ “เชียนหลาน ผมไม่อยากให้เราพลาดอะไรกันไปอีก คุณจะแต่งงานกับผมไหมครับ”
“มีใครขอแต่งงานทั้งที่ไม่มีแหวนบ้างคะ” เธอทุบเขาอย่างหยอกล้อ
“ถ้าคุณเลือกจะอยู่กับผม คุณจะไม่ได้แหวนสักวงหรือดอกไม้สักช่อ ความจริงแล้วคนอื่นอาจไม่มีทางรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คุณปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นคุณจะยังยอมแต่งงานกับผมไหมครับ”
เชียนหลานรู้ว่าตัวตนของโม่จื่อเฉินพิเศษ จนไม่อาจป่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาให้โลกรู้ได้ ถึงได้มีคนไม่มากนักที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของถังหนิงกับโม่ถิงก็ตาม
“ว่าไงครับ คุณจะแต่งงานกับผมไหม”
เชียนหลานกุมแก้มตัวเองอย่างเขินอายก่อนพยักหน้าตกลงในที่สุด
“เราอาจไม่มีงานแต่งงานกันด้วยซ้ำ”
“แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะคะ ฉันแต่งงานกับคุณไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย” เธอว่าพลางจับมือเขาไว้ “ลุกขึ้นได้แล้ว ฉันตกลงแต่งงานกับคุณแล้วค่ะ”
พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน ทั้งคู่อาจจะแต่งงานกันไปแล้วหากไม่ห่างกันไปห้าปี แทนที่จะรอมาจนถึงทุกวันนี้
ทว่ามันดูเหมือนจะไม่สายเกินไปเช่นกัน
…
ไม่นานร่างกายของเชียนหลานก็ฟื้นฟูขึ้นกว่าเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ทางกองทัพจึงปล่อยให้เธอกลับบ้านไปพักฟื้นได้ พวกเขาอนุญาตให้เธอกลับมาร่วมกองทัพหลังจากหายดี
ในวันที่เธอถูกส่งตัวกลับบ้าน เธอรู้สึกว่าโลกสดใสและสวยงาม แต่เธอไม่รู้แม้แต่น้อยว่าโม่จื่อเฉินกำลังพาเธอตรงไปที่ไฮแอทรีเจนซี
“เฮ้ ฉันยังอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารอยู่เลยนะคะ”
“คุณต้องไปเจอกับพ่อของผมครับ” โม่จื่อเฉินเอ่ยขณะเหยียบคันเร่งคล้ายไม่ปล่อยให้เธอรู้สึกเสียใจ
โม่จื่อเฉินบอกว่าเขากำลังพาคู่หมั้นมาที่บ้าน คนทั้งตระกูลโม่พากันตื่นเต้นจนแม้กระทั่งหลินเฉี่ยนกับหลงเจี่ยยังมาที่ไฮแอทรีเจนซี
เมื่อโม่จื่อเฉินก้าวพ้นประตูบ้านและเห็นว่ามีคนเต็มบ้านไปหมด เขาจึงตกใจเล็กน้อย
แต่เขาก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็วก่อนพาเชียนหลานไปหาเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่
“เชียนหลาน…”
“ไม่จำเป็นต้องแนะนำทุกคนหรอกค่ะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกท่านทั้งหมดเป็นใคร” เธอเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ อย่างไรเสียพวกเขาทั้งหมดก็เป็นคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง แม้แต่คนที่สนใจข่าวเพียงนิดยังรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
ทันทีที่หลงเจี่ยเห็นผู้หญิงตรงหน้าเธอก็หันไปขยิบตาให้หลินเฉี่ยน “เห็นไหม เธอเป็นทหารละ”