ตอนที่ 62 การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
หลังจากผีสาวจากไป สายตาของทุกคนก็หันกลับมามองโถที่เหลืออีก 10 ใบ
ยึดตามที่ผู้อาวุโสหวางพูด ที่เหลืออีก 10 ใบ มีวิญญาณที่บริสุทธิ์อยู่ 9 ใบ
พวกเขาถูกทำให้เป็นผีร้าย โดยการฝังไว้ที่นี่
เพราะการมีอยู่ของยันต์ชีวิตผี ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกไปไหนได้
แต่ก็มี 1 ตน ซึ่งเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่คอยควบคุมวิญญาณเหล่านี้ มันก็คือโถของผีชั่ว
โถใบนั้นคือโถชีวิตของมัน ดังนั้น มันจึงต่างจากวิญญาณตนอื่น
โถก็เหมือนกับชีวิตและความตาย ถ้าโถไม่แตก มันก็ไม่ตาย
ถ้าอยากจะทำให้ผีชั่วตนนี้ตายอย่างแท้จริง ก็ต้องทำลายโถของมัน
เมื่อมองไปรอบๆ โถทุกใบล้วนหน้าตาเหมือนกัน หาสิ่งที่แตกต่างไม่เจอเลยสักนิด
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ขอแค่ทำลายโถพวกนี้ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะได้รู้เอง ว่าใครกันแน่ที่เป็นผีชั่ว
เหล่าฉินไม่รอช้า รีบพูดออกมาทันที “อย่าชักช้า รีบทำลายโถพวกนี้เร็ว”
“ปล่อยวิญญาณที่บริสุทธิ์ออกมา แต่ถ้าเป็นผีชั่ว ก็ฆ่าทิ้งทันที!”
ทุกคนพยักหน้ารับ แยกย้ายกันหยิบโถขึ้นมาจากพื้น และโยนมันลงอย่างไม่ลังเล
ทันใดนั้นเสียง “เพล้งเพล้งเพล้ง” ก็ดังอย่างต่อเนื่อง โถดินพวกนี้ ถูกทำลายในชั่วพริบตา
แต่ขณะที่ผมกำลังจะทำลายโถใบที่สอง จู่ๆผมก็รู้สึกเย็นที่แขน
ทันใดนั้นด้านในโถดิน ก็มีไอเย็นระเบิดออกมา
ผมอยากจะปล่อยมือจากมัน แต่ตอนนั้นมันสายไปแล้ว ตรงหน้าของผมมีร่างของใครคนหนึ่งปรากฎขึ้นบนอากาศ
เมื่อชายคนนี้ปรากฎตัว ทั้งร่างของผมก็แข็งทื่อไปทันที
เพราะชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือผีชั่วนั่นเอง
เขาพึ่งปรากฎตัว ก็เอื้อมมือมาแย่งโถดินออกจากมือผมทันที
ไม่ใช่แค่นั้น มันยังใช้มืออีกข้างหนึ่ง บีบคอผมเอาไว้
กรงเล็บที่แหลมคม บีบคอของผมทันที
“อ่า!”
ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกบีบคอ ทำให้ผมกรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ ผู้อาวุโสหวางและคนอื่นๆก็สังเกตเห็นผมแล้ว
“เสี่ยวฝาน!”
“ไอ้ชั่ว!”
ทุกคนต่างคนต่างพูด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บคอมาก จึงไม่สามารถพูดอะไรได้
ส่วนผีชั่วที่อยู่ตรงหน้าผม กลับเผยใบหน้าสยดสยองออกมา “คิดจะทำลายโถฉันงั้นเหรอ ฮึฝันไปเถอะ ถ้าคืนนี้ไม่ปล่อยฉันไป ข้าก็จะฆ่าเจ้าเด็กนี้!”
หลังจากพูดจบ มือของเจ้านี้ก็บีบแรงยิ่งกว่าเดิม
กรงเล็บอันนั้นบีบแรกมากขึ้น ตอนนี้ผมรู้สึกว่าที่คอของผมกำลังเจ็บปวดทรมานเหมือนกับถูกรัดคอด้วยเชือกเส้นหนึ่ง
หายใจได้ลำบากมาก รู้สึกทรมานโครตๆ
“ไอ้ชั่ว ถ้ายังกล้าทำอีกฉันจะทำให้วิญญาณแกแตกสลาย!” อาจารย์โมโห
เฟิงเฉ่วหานและคนอื่นๆก็ดึงดาบไม้ออกมาเช่นกัน มองผีชั่วด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เดินเข้ามาล้อมรอบมันเอาไว้
แต่เจ้าผีชั่วกลับเลิกคิ้วขึ้น “พูดมาก รีบถอยไป!”
หลังจากพูดจบ เจ้าผีชั่วก็เพิ่มแรงอีกครั้ง
ทันใดนั้นเลือดสดๆก็ไหลลงมาตามคอของผมที่ถูกกงเล็บบีบ ผมแสดงสีหน้าทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิม อ้าปากกว้าง สูดหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก
แต่แววตาของผมกลับมั่งคง ไม่ร้องขอความเมตตาเลยสักคำ
ผมกลัวตายก็จริง แต่ยังไงก็ไม่มีทางอ้อนวอนร้องขอชีวิตจากไอ้ผีชั่วตัวนี้แน่
อีกอย่างผมเชื่อว่า อาจารย์และผู้อาวุโสหวางอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องคิดหาวิธีช่วยชีวิตผมแน่
เมื่ออาจารย์เห็นผมทรมาน สีหน้าของเขาก็แย่ยิ่งกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกันก็ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เขากำลังคิดจะเปิดทางให้
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหวางก็พูดว่า “เจ้าผีเอ๋ย ความตายมาถึงแล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกผิดอีกนะ!”
“ไอ้แก่ อย่าพูดมาก รีบเปิดทาง!”
ดวงตาของผมเลื่อนขึ้นจนเห็นตาขาว ความอดทนมาถึงขีดสุดแล้ว
แต่สีหน้าของท่านผู้อาวุโสหวางยังคงเหมือนเดิม เพียงใช้ดวงตาสองข้างจ้องผีชั่ว
ขณะที่ผีชั่วตนนั้นกำลังอ้าปากจะพูดอีกครั้ง ผู้อาวุโสหวางก็ใช้มืออีกข้างเสกคาถาขึ้นอย่างรวดเร็ว
จู่ๆเขาก็ตะโกนออกมา “อัญเชิญ!”
เสียงดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่วทั้งวัดร้าง
วินาทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ผมก็เห็นมืออีกข้างที่ผีชั่วใช้ถือโถไว้
“ปัง” ทันใดนั้นโถก็หล่นลงพื้นจนแตกออกเป็นสี่ห้าส่วน
ต่อมาใบหน้าของผีชั่วที่อยู่ตรงหน้าผม ก็เปลี่ยนไปทันที เขาทำหน้าช็อก
ในปากยังแผดเสียงออกมา “ไม่!”
ขณะที่พูด ตามสัญชาตญาณ เขาเอื้อมมือไปจับเถ้ากระดูกที่ตกลงบนพื้น……
แต่นี้ก็เป็นช่วงเวลาสติแตก ดังนั้นนักพรตโปที่ยืนอยู่ข้างๆผู้อาวุโสหวาง ร่างกายของเขาก็ก้าวไปข้างหน้า และพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ไม่รอให้เจ้าผีชั่วได้สติ “ฉึก” ใช้ดาบไม้ในมือแทงเข้าไปที่ท้องของผีชั่วทันที
ร่างของผีชั่วแข็งทื่อ กรีดร้องออกมาครั้งหนึ่ง
และในเวลานั้นเองผมก็รีบคว้าโอกาส หนีจากพันธนาการของผีชั่วทันที
ผมใช้มือกดที่คอไว้ ไอออกมาหลายครั้งอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ตอนนี้ ผมพึ่งรู้ว่าการได้หายใจนั้นเป็นเรื่องที่สวยงามมากแค่ไหน
ความรู้สึกที่มีคนมาบีบคอของตัวเอง มันช่างทรมานจริงๆ
“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝานแกไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” อาจารย์รีบเข้ามาหาผมทันที
ผมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นอะไรครับอาจารย์!”
และในเวลาเดียวกัน ท่านนักพรตโปยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไอ้ชั่ว แกควรตายตั้งนานแล้ว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถีบผีชั่วล้มลงไปกับพื้น
เจ้าผีชั่วไม่ได้ดูสงบเหมือนสองสามครั้งก่อนหน้านี้ เขายังไม่ตาย แต่ร่างกายก็สั่นไปหมด
นอนราบลงกับพื้น เอื้อมมือออกมาคลำเศษโถที่แตกอยู่กับพื้น “ไม่ ไม่ไม่อยากตาย ฉันไม่อยาก ไม่อยากวิญญาณแตกสลาย โถของฉัน โถชีวิตของฉัน……”
แต่โถของเขาได้ผสมปนเปกับเศษโถของวิญญาณดวงอื่นแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่จับที่พื้นมั่วๆเท่านั้น
เมื่ออาจารย์เห็นผมไม่เป็นอะไร ก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว จ้องเจ้าผีชั่วอย่างดุร้าย “ไอ้ผีชั่ว กล้าทำร้ายศิษย์ฉัน!”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ยกดาบขึ้น และพุ่งเข้าไปแทงทันที
ตอนนี้เจ้าผีชั่วหลบได้ที่ไหนละ ดังนั้นมันจึงถูกแทงทะลุหลังทันที
ตอนนี้โถชีวิตก็แตกแล้ว เมื่อรวมกับอาการบาดเจ็บสาหัส แถมอาจารย์ยังเข้าไปแทงซ้ำอีก
หลังจากนั้นเจ้านี้ก็กรีดร้องออกมาทันที ทันใดนั้น “ปัง” เสียงระเบิดก็ดังขึ้น
ขณะนั้นมีแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็จางหายไปจากในวัด
เพียงแค่นี้ ผีชั่วที่มีโถชีวิต ก็ได้วิญญาณแตกสลายไปซะที
ทุกคนถอนหายใจออกมา เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แถมยังเชิญท่านผู้อาวุโสหวางที่เป็นถึงยอดฝีมือมา ในที่สุดก็กำจัดผีชั่วตนนี้ได้
จากนี้ไป ในพื้นที่ของพวกเรา ก็น่าจะสงบลงไม่น้อย
หลังจากจัดการผีชั่วได้ ทุกคนก็เข้ามาดูบาดแผลของผม
เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก ก็หยิบหุ่นฟางและยันต์ชีวิตขึ้นมาจากพื้น
ทำเหมือนก่อนหน้านี้ ฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ปล่อยวิญญาณที่เหลือออกมา
ขณะที่หุ่นฟางและยันต์พวกนี้ถูกทำลาย วิญญาณแต่ละตนก็ได้ปรากฎตัวขึ้นในวัด
เพียงแค่ชั่วพริบตา ในวัดก็มีวิญญาณทั้งชายและหญิงปรากฎขึ้นถึง 9 ตน
ตอนแรกพวกเขาก็เหมือนกับผีตนนั้น หลังจากปรากฎตัว ก็แสดงท่าทางหวาดกลัวอย่างรุนแรง ดูกลัวพวกเราสุดๆ
หลังจากที่พวกเราได้บ่งบอกถึงฐานะที่แท้จริง และพูดให้ชัดเจน วิญญาณพวกนี้ก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที
แต่ละตนต่างก้มหัวขอบคุณพวกเรา พวกเขาดูซาบซึ้งใจมาก
ท่านนักพรตโปยังคงบอกพวกเขาเป็นอิสระแล้ว รีบไปเกิดใหม่ ถ้าช้ากว่านี้ พวกเขาอาจต้องเผชิญหน้ากับหมอผีอีกครั้ง และก็ถูกจับตัวไปอีก
วิญญาณทั้ง 9 ดวงพยักหน้า หลังจากขอบคุณ ก็รีบออกไปจากวัดร้างทันที
ขณะที่ผีพวกนี้จากไป และวิญญาณที่ชั่วร้ายแตกสลาย ไอชั่วร้ายที่อยู่ในวัดร้างแห่งนี้ ก็หายไปกว่า 90%
ตอนนี้เรื่องที่ควรทำก็ได้ทำแล้ว แต่ตอนที่พวกเรากำลังเตรียมตัวกลับบ้าน
จู่ๆนอกวัดก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น “อร๊าย”……