แม้ซูจิ่นซีจะดูออกว่าซูอวี้มีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่งทักษะทางการแพทย์ในปัจจุบันของเขาก็ถือว่าดีกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ทว่าอย่างไรก็ตามอาจมีตัวแปรอื่นๆ มากมายในการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายสิ่งที่ซูอวี้จำเป็นต้องแสดงทักษะทางการแพทย์ของเขาต่อไปในอนาคต ดังนั้นซูจิ่นซีจึงคิดหาผู้ใดสักคนมาให้ซูอวี้ฟื้นฟูทักษะทางการแพทย์ของเขาอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด
ในบรรดาคนที่ซูจิ่นซีรู้จักทั้งหมด ผู้ที่มีทักษะทางการแพทย์ไม่เลวมีเพียงอวิ๋นจิ่นและจิ่วหรงเท่านั้น
ทว่าอวิ๋นจิ่นเป็นหมอหลวงของสำนักหมอหลวง เวลาว่างมีจำกัดมาก นอกจากนั้นการเข้าออกจวนโยวอ๋องบ่อยครั้งคงไม่เหมาะสม ดังนั้นในที่สุดซูจิ่นซีจึงตัดสินใจให้พ่อบ้านเป็นธุระช่วยไปหาจิ่งหรง
จิ่งหรงเป็นดั่งนกกระป่าบินเหนือเมฆและล่องลอยอย่างเพลิดเพลิน [1] มักไม่มีที่อยู่แน่นอนเป็นหลักแหล่ง สามารถหาเขาพบหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พ่อบ้านทำได้เพียงลองพยายามดู เขาเขียนจดหมายให้เทียนอีเหมินหนึ่งฉบับ และให้นกพิราบบินนำจดหมายไปส่ง
แม่นมฮวาเมื่อได้ยินว่าซูจิ่นซีต้องการพบตัวจิ่วหรง ใบหน้าก็ไม่สบอารมณ์ หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ครู่ใหญ่
ท้ายที่สุดเป็นแม่นมฮวาที่อดไม่ได้ นางพูดกับซูจิ่นซีว่า “พระชายาเพคะ เช่นนี้จะดีหรือเพคะ? หรือท่านลืมไปแล้วว่าครั้งก่อนฝ่าบาทเข้าใจผิดไปเพราะเรื่องไท่จื่อและคุณหนูฮั่ว? ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าฝ่าบาทมีความประทับใจที่ไม่ค่อยดีต่อจิ่วหรงเท่าไรนะเพคะ”
เรื่องนี้ซูจิ่นซีคิดไว้แล้วเช่นกัน ทว่ายังมีวิธีการอื่นอีกหรือ?
เยี่ยโยวเหยาสามารถหาบุคคลที่มีทักษะการแพทย์ไม่น้อยไปกว่าจิ่วหรง อีกประการหนึ่งคือสามารถเข้ามาสอนซูอวี้ในจวนโยวอ๋องได้หรือไม่เล่า?
ด้วยเหตุนี้ เมื่อซูจิ่นซีถามแม่นมฮวาในคำถามเดิม แม่นมฮวาจึงไม่มีคำพูดอันใดอีก
บางทีซูจิ่นซีอาจโชคดีจริงๆ นกพิราบสื่อสารยังไม่ถูกส่งไปยังเทียนอีเหมิน คนที่ส่งออกไปตรวจสอบก็ได้รับข่าวสารว่าจิ่วหรงอยู่ในเมืองตี้จิงแห่งนี้
พ่อบ้านออกมาชี้แจงเจตนาเป็นการส่วนตัว เมื่อได้ยินว่าซูจิ่นซีร้องขอ จิ่วหรงก็รับปากด้วยความยินดียิ่ง
“เรื่องเล็กน้อย ค่าตัวขึ้นแล้ว เริ่มอวดดีใจใหญ่ใจโตเสียแล้วสิ หือ? คาดไม่ถึงว่ากระทั่งอาจารย์ยังกล้าใช้ได้”
“หากท่านไม่เต็มใจ ข้าคงไม่บังอาจใช้ท่านหรอกเจ้าค่ะ! ”
จิ่วหรงยกยิ้ม นิ้วมือประสานกันดีดลงไปบนหน้าผากของซูจิ่นซีหนึ่งครั้ง
“พูดมาเถิด ตามอาจารย์มาด้วยเรื่องอันใด? ”
“จิ่วหรงเจ้าคะ ข้ามั่นใจว่าเรื่องสำคัญนี้ท่านต้องช่วยข้าได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ขณะที่พูดอยู่ ซูจิ่นซีก็เหลือบมองไปทางลวี่หลี หลังจากลวี่หลีออกไปไม่นานก็พาซูอวี้เข้ามาด้วย
ทันทีที่ซูจิ่นซีพูดเกี่ยวกับความตั้งใจของนางจบ สีหน้าของจิ่วหรงก็มืดมน “เมื่อใดกันที่เจ้าจะต้องมากังวลเรื่องที่อาจารย์จะรับลูกศิษย์ เด็กน้อย ความกล้าหาญของเจ้านับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว”
“จิ่วหรงเจ้าคะ แท้จริงแล้วข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านรับซูอวี้เป็นศิษย์ เพียงต้องการให้ท่านแนะนำและสอนเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สักสองสามอย่าง ถึงอย่างไรหากท่านสามารถใจกว้างมากกว่านี้อีกสักหน่อย ยอมรับเขาในฐานะลูกศิษย์ ข้าก็ไม่ถือสาอันใดมาก”
ซูจิ่นซีพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
จิ่วหรงหรี่ตาลงมองซูจิ่นซีในทันใด “เด็กน้อย… ”
“หือ? ”
“เจ้ากล้าวางแผนกับอาจารย์แล้วสิ ช่างสามารถยิ่งนัก! ”
ซูจิ่นซียิ้มร่า “จิ่วหรงเจ้าคะ ท่านรับปากแล้วใช่หรือไม่? ”
“ให้รับปากก็ได้อยู่หรอก ทว่าอาจารย์มีเรื่องหนึ่ง”
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ได้กลิ่นไม่ค่อยดีเสียแล้ว “เรื่องอันใดเจ้าคะ? ”
“ต้องการให้ข้าสอนเจ้าเด็กนี่ก็ย่อมได้ ทว่าข้าต้องการทานอาหารฝีมือเจ้าทุกวัน ห้ามซ้ำ”
ที่แท้จิ่วหรงต้องการให้ซูจิ่นซีเลี้ยงอาหารหรือ?
นี่ไม่ง่ายไปหรืออย่างไร?
ดูไม่ออกเลยว่าจิ่งหรงจะเป็นนักกินตัวยง
“ได้สิเจ้าคะ ไม่มีปัญหา” ซูจิ่นซีรับปากอย่างมีความสุขยิ่ง
“สิ่งใดที่อาจารย์อยากทาน เจ้าต้องทำเองกับมือ” จิ่วหรงเน้นย้ำ
นี่มีอันใดยากกัน ตั้งแต่เด็ก ซูจิ่นซีก็ไม่ใช่เด็กนิสัยเสีย คุณลุงยังเป็นพ่อครัว นอกจากนั้นซูจิ่นซียังได้เรียนศาสตร์การทำอาหารกับอาจารย์ตั้งแต่ยังเล็ก
“ได้เจ้าค่ะ! ทว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ซูจิ่นซีเอ่ยขึ้น
“โอ้โห ไม่เลวเลยจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะต่อรองกับอาจารย์อีก พูดมาเถิด มีเรื่องอันใด? ”
“ทุกวันข้าจะทำอาหารให้ท่านทานหนึ่งอย่าง หากท่านคิดว่าอาหารที่ข้ายังพอมีฝีมือใช้ได้! ท่านจะต้องสอนซูอวี้เพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม ยิ่งไปกว่านั้น ท่านจะต้องสอนทักษะที่แท้จริง ไม่สามารถสอนอย่างไม่ตั้งใจได้นะเจ้าคะ”
นี่เป็นกลยุทธทางการตลาดที่ฉลาดยิ่ง ผู้ค้าต้องการผูกมัดเพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจและติดตามสินค้าในระยะยาว กระทั่งฟังข้อกำหนดทิศทางของเจ้า สินค้าของเจ้าไม่อาจทำให้ลูกค้าอิ่มได้เลย
จิ่วหรงหรี่ตามองซูจิ่นซีอย่างครุ่นคิด
ซูจิ่นซีเผยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธ์อย่างสงบเยือกเย็น
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จิ่วหรงจึงพูดขึ้นว่า “ได้! ”
ซูจิ่นซีแปะมือ “ตามนี้! ตกลง! “
การปรึกษาหารือในฝั่งของซูจิ่นซีและจิ่วหรงเป็นไปอย่างสบายและราบรื่น ทว่าแม่นมฮวาที่ฟังอยู่ด้านข้างและพ่อบ้านกลับมีใบหน้าสลดใจ
พระชายา เช่นนี้ดีจริงหรือ?
ท่านให้บุคคลที่มีรูปร่างท่าทางและใบหน้าอารมณ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าท่านอ๋องมาอาศัยอยู่ในจวน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุรุษผู้หนึ่งที่มีความคลุมเครือต่อท่านภายใต้ร่มธงของศิษย์อาจารย์ นอกจากนั้นท่านยังจะทำอาหารให้เขาทานด้วยตนเองทุกวัน เช่นนี้ดีจริงหรือ?
ท่านไม่กลัวท่านอ๋องหึงหรือ?
ไม่กลัวหรือ?
ท่านอ๋องหึงรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง!
ไม่ต้องพูดถึงแม่นมฮวาและพ่อบ้านเลย กระทั่งลวี่หลีที่ไม่ว่าเรื่องใดก็คอยติดตามซูจิ่นซีเสมอ นางยังมีใบหน้าที่กังวลเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าวันนี้อากาศอบอุ่นและมีแดดปลอดโปร่งแจ่มใส ทว่าการยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์กลับทำให้ตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา
นางสัมผัสได้ถึงความหึงหวงของเยี่ยโยวเหยาที่ลอยอยู่เต็มเหนือท้องฟ้า เมื่อเยี่ยโยวเหยาเห็นพระชายาของพวกเขาทำอาหารให้แก่จิ่วหรง ความพิโรธเดือดดาลนั้นคงทำให้ทั้งจวนโยวอ๋องเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก
ในความเป็นจริง ซูจิ่นซีเป็นผู้ที่มีมโนธรรมชัดเจน เดิมทีไม่ทราบว่าที่ตนกระทำเช่นนี้มีสิ่งใดผิด ทั้งหมดที่นางต้องการทำคือการหาปรมาจารย์ที่ดีให้ซูอวี้ เพื่อที่เขาจะได้เป็นตัวเลือกอันดับต้นในการแข่งขันทายาทสกุลซู ภายภาคหน้าในอนาคตสามารถชุบชีวิตสกุลซูในฐานะของวงศ์ตระกูล
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองครักษ์ของเยี่ยโยวเหยาในจวนมองนางและจิ่วหรงราวกับว่าพวกเขากำลังดู ‘คู่ชู้ชายโฉดหญิงชั่ว’ อย่างไรอย่างนั้น
พระชายา ท่านทำเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับมาจะต้องฆ่าท่านให้ตายเป็นแน่!
แน่นอนว่าหลังจากที่เยี่ยโยวเหยากลับมาได้ยินว่าซูจิ่นซีวางแผนจัดการให้จิ่วหรงอยู่ในจวนแห่งนี้ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็พลันมืดมน เยี่ยโยวเหยาตรงดิ่งไปยังลานที่จิ่วหรงอาศัยอยู่ เขาเตะประตูให้เปิดออกโดยไม่พูดไม่จา และเริ่มประลองวรยุทธ์กับจิ่วหรงทันที
วิทยายุทธของเยี่ยโยวเหยาและจิ่วหรงไม่มีผู้ใดเหนือผู้ใด ทั้งสองต่อสู้กันทั้งคืน ทว่าไม่อาจบอกได้ว่าผู้ใดแพ้ชนะ
ในที่สุดซูจิ่นซีก็รับรู้ความผิดพลาดของตนเองแล้ว นางขอร้องให้เยี่ยโยวเหยาวางมืออยู่ตลอดเวลา ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดจิ่วหรงก็พ่ายแพ้ให้กับเยี่ยโยวเหยาในยกสุดท้าย เขาถูกฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยากระแทกลงกับพื้น หลังจากนั้นดาบของเยี่ยโยวเยาก็แทงทะลุหัวใจของจิ่วหรงทันที
โชคดีที่จิ่งหรงวิ่งเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจถูกดาบของเยี่ยโยวเหยาฆ่าตายไปแล้ว
“ซูจิ่นซี เจ้ากล้ามากเสียจริง! คาดไม่ถึงว่าจะพาชายชู้มาถึงจวน หากข้าไม่กลับมา พวกเจ้ายังคิดจะทำสิ่งใด? หือ? ”
ในลานของจวนโยวอ๋อง เยี่ยโยวเหยาบีบคอซูจิ่นซีอย่างรุนแรงกลางที่สาธารณะ
“เยี่ย… โยวเหยาเพคะ ท่านปล่อย…มือ ปล่อย…ปล่อยมือ! ”
ซูจิ่นซีเหมือนลูกไก่ถูกบีบอยู่ในกำมือของเยี่ยโยวเหยา ดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
“ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาในจวนโยวอ๋องของข้าแล้ว ชีวิตนี้เจ้าเป็นได้เพียงคนของข้า…เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ยอมให้เจ้าไม่ซื่อสัตย์หรือทรยศ ยิ่งไม่อนุญาตให้เจ้าคบชู้สู่ชาย ซูจิ่นซีเจ้าเข้าใจหรือไม่? ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยความโกรธ เย็นชาและกระหายเลือด
ลวี่หลีถูกทำให้ตกใจกลัวจนทรุดลงไปกับพื้น นางร้องไห้ไม่หยุด ไม่กล้าพูดกระไรแม้แต่น้อย
แม่นมฮวา พ่อบ้าน และเหล่าทหารอารักขาล้วนไม่กล้าหายใจเสียงดังแม้แต่ผู้เดียว
จวนโยวอ๋องทั้งหมดแทบจะถูกครอบงำไปด้วยกลิ่นอายรัศมีแห่งความโกรธ ความเย็นชา และความหดหู่ที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเยี่ยโยวเหยา
ทันใดนั้น…
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกตะลึงอย่างฉับพลัน…
……
เชิงอรรถ
[1] นกกระป่าบินเหนือเมฆและล่องลอยอย่างเพลิดเพลิน คือสุภาษิตจีน หมายถึง บุคคลสันโดษ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของชาวโลก เป็นบุคคลที่ปราศจากการผูกมัดของโลกีย์วิสัย