“พระชายา เรื่องนี้ท่านยังไม่ต้องกังวลจนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ หลายปีมานี้ท่านอ๋องได้ผ่านพายุคลื่นซัดมาถึงเพียงนี้แล้ว เขายังสามารถฝ่าฟันอันตราย พลิกเหตุการณ์ร้ายให้กลายเป็นดีได้ ครานี้ก็จะต้องไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
แม้เยี่ยโยวเหยาจะไม่พูด ทว่าซูจิ่นซีได้ตัดสินกับตนเองเงียบๆ ในใจแล้วว่า นางต้องหาทางช่วยเหลือเยี่ยโยวเหยาออกมาให้ได้
ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในตอนนี้ นั่นคือการคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขสกุลซูที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
ในตอนเช้าของวันเดียวกัน ซูจิ่นซีพาแม่นมฮวาและลวี่หลีพร้อมทั้งอนุปี้และซูอวี้ไปที่สนามประลอง
การแข่งขันครานี้จัดขึ้นที่หอกุ้ยเหรินบนถนนหลักฉางอันตามที่ซูจิ่นซีได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
ซูจิ่นซีสวมอาภรณ์เสร็จและออกเรือนไปหลังจากรับประทานอาหารเช้า พ่อบ้านได้เตรียมรถม้าไว้ด้านนอกประตู ซูอวี้และอนุปี้มาถึงก่อนแล้ว
ซูจิ่นซีมองเห็นหมอเทวดาหวาที่ยืนอยู่ข้างรถม้า
“หมอเทวดาหวาก็ไปด้วยหรือ? ”
“ข้าน้อยและท่านชายน้อยซูอวี้ถือเป็นอาจารย์และศิษย์เช่นกัน ครานี้ท่านชายน้อยซูอวี้เข้าร่วมการแข่งขัน ข้าน้อยต้องการไปที่สนามประลองเพื่อช่วยเหลือท่านชายน้อยซูอวี้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ” หมอเทวดาหวากล่าวขึ้น
“หายากนักที่หมอเทวดาหวาจะมีเจตนาเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด! ”
หลังจากที่ซูจิ่นซีพูดจบ ก็เดินนำขึ้นไปบนรถม้า
ระหว่างทางซูจิ่นซี ลวี่หลี และแม่นมฮวานั่งในรถม้าขนาดใหญ่ ส่วนอนุปี้และซูอวี้นั่งในรถม้าขนาดเล็ก ผู้ที่ขี่ม้าตามมาด้านหลังรถม้าของซูจิ่นซีคือหมอเทวดาหวา
เพื่อไม่ให้สะดุดตา ในครานี้ซูจิ่นซีจึงไม่ได้พาองครักษ์ไปมากนัก
“คุณหนู การแข่งครานี้คุณชายน้อยอวี้จะต้องชนะอย่างแน่นอนเพคะ! ” ลวี่หลีกล่าวขึ้น
แม้ซูจิ่นซีจะนั่งอยู่ในรถม้า ทว่านางกลับหลับตาลงทั้งสองข้างและไม่พูดอันใด
ลวี่หลีพูดเองเออเองอีกครั้ง “ท่านชายน้อยอวี้จะต้องชนะแน่นอน เขาอุตสาหะ ยิ่งไปกว่านั้นยังฉลาดกว่าเด็กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฮูหยินใหญ่และท่านชายน้อยจวิ้นเลวถึงเพียงนั้น อย่างไรก็ปล่อยให้พวกเขาเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้”
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ราวกับว่านางไม่ได้ยินเสียงลวี่หลีเลยอย่างไรอย่างนั้น ทั้งยังไม่พูดโต้ตอบใดๆ
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง “ตูม” ตามมาด้วยเสียงม้าร้องติดๆ กัน
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมาทันที “เกิดกระไรขึ้น? ”
“ทูลพระชายา รถม้าของอนุปี้และท่านชายน้อยอวี้ถูกโจมตีพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ที่ติดตามรถม้ารายงานกลับ
รถม้าของซูอวี้ถูกรถม้าอีกคันชน?
ใบหน้าของซูจิ่นซีสงบ นางก้าวเท้าลงจากรถม้า
“อวี้เอ๋อร์เป็นกระไรหรือไม่? ”
“ยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ รถม้าถูกชนจนพลิกคว่ำพ่ะย่ะค่ะ”
รถม้าของอนุปี้และซูอวี้อยู่ไม่ไกลจากรถม้าของซูจิ่นซี เมื่อซูจิ่นซีเดินลงมาก็เห็นว่ารถม้าที่อยู่ด้านหลังสองคันนั้นชนกันจนพลิกคว่ำจริงๆ
สาเหตุของอุบัติเหตุคือรถม้าสองคันชนกัน รถม้าของอนุปี้และซูอวี้ถูกชนตรงแผงขายก๋วยเตี๋ยวข้างถนน รถหักคว่ำลง ล้อรถข้างหนึ่งถูกชนกระเด็นไปอีกฝั่ง
ร้ายแรงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ซูอวี้…
ซูจิ่นซีรีบตรงไปยังด้านข้างรถม้าและตะโกนว่า “อวี้เอ๋อร์ อนุปี้…พวกท่านเป็นกระไรหรือไม่? ”
“…”
“อนุปี้! อวี้เอ๋อร์! พวกท่านได้ยินเสียงของข้าหรือไม่? หากได้ยินก็ตอบกลับข้าสักคำเถิด! ”
“ท่านพี่จิ่นซี ข้าอวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ได้ยิน! แม่… ท่านแม่เสียเลือดมาก! ”
อนุปี้ได้รับบาดเจ็บ?
“อวี้เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว พี่หญิงจะให้คนช่วยพวกเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้! ”
“เร็วเข้า! ยกรถม้าขึ้น! ” ซูจิ่นซีสั่งองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง
แม้จะมีผู้ติดตามไม่มากนัก ทว่ากำลังคนยังมีมากพอที่จะยกรถม้าขึ้น
ทันทีที่รถม้าถูกยกขึ้น ซูจิ่นซีก็เห็นอนุปี้และซูอวี้
อนุปี้ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังร้ายแรงมากอีกด้วย
เมื่อรถม้าถูกชน คานบนหลังคาได้หักลง ส่วนหนึ่งของคานหลุดลงมาและแทงเข้าไปในเสื้อตัวนอกของอนุปี้ ในเวลานี้อนุปี้หมดสติไปแล้ว ทว่าอนุปี้กลับปกป้องซูอวี้ไว้ใต้ร่างของนางอย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของซูจิ่นซีก็ปวดร้าวขึ้นมาในทันใด
นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอนุปี้ ในขณะเดียวกันก็ต้องการดึงซูอวี้ออกมาจากอ้อมแขนของอนุปี้ กลับคาดไม่ถึงว่ามือของอนุปี้จะทาบทับหน้าอกของซูอวี้ไว้แน่น นางกอดซูอวี้ไว้ในอ้อมแขนของตนเอง ซูจิ่นซีไม่สามารถดึงมือนางออกได้เลย
“องครักษ์! ”
องครักษ์ทั้งสองก้าวไปข้างหน้า พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการดึงมือของอนุปี้ออกและนำซูอวี้ออกมาจากอ้อมแขนของอนุปี้
ในอกของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ นางรู้สึกระทมทุกข์เป็นอย่างมาก
ความรักของแม่ไร้ซึ่งขอบเขตและอาจยาวนานถึงสามพันปีแสง
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความรักของแม่ยังคงยิ่งใหญ่เสมอ
ซูจิ่นซีกล้าสรุปว่าในขณะที่รถม้าเอียงหลังจากถูกชน อนุปี้ต้องปกป้องซูอวี้ไว้เพื่อไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน
เนื่องจากตำแหน่งเมื่อครู่นี้ หากอนุปี้ไม่ขวางไว้ คานที่หักลงมาคงแทงศีรษะของซูอวี้
หมอเทวดาหวาหยุดเลือดให้อนุปี้ได้แล้ว
ซูอวี้ยืนอยู่ด้านข้าง มองไปยังมารดาของตน ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากแน่นจนมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ใบหน้านั้นแทบจะร้องไห้ ทว่ากลับกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ทำให้คนที่มองเห็นต่างรู้สึกเป็นห่วงร้อนใจ
ซูจิ่นซียืนอยู่ด้านข้างซูอวี้อย่างเงียบงัน นางจับมือซูอวี้เอาไว้
ในที่สุดน้ำตาของซูอวี้ก็ไหลลงมา เขาสะบัดมือซูจิ่นซีออกและรีบวิ่งไปยังด้านข้างของอนุปี้อย่างสิ้นหวัง “ท่านแม่! ”
เสียงตะโกนร้องเรียก “แม่” นั้นทำร้ายหัวใจของทุกคน
ซูจิ่นซี เหล่าองครักษ์ และฝูงชนโดยรอบต่างเฝ้ามองอย่างเงียบงันด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
ผู้คนล้วนมองออกว่าแผลของอนุปี้อยู่ในขั้นวิกฤต แม้นางจะหมดสติไปชั่วคราว ทว่ายังยากที่จะบอกได้ว่านางจะมีชีวิตรอดหรือไม่
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ อนุปี้บาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก จำเป็นต้องรักษาทันที ต้องเอาคานอีกครึ่งออกจากบาดแผล มิเช่นนั้นอนุปี้อาจสิ้นลมทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“ตกลง! กลับจวนทันที” ซูจิ่นซีพูดขึ้น
“คุณหนูเพคะ ทว่า… ยังมีการแข่งขันที่หอกุ้ยเหรินทางนั้นนะเพคะ! การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หากท่านชายน้อยอวี้ไม่ปรากฏตัว ถือว่าเขาได้ละทิ้งการแข่งขันโดยสมัครใจ”
การละทิ้งการแข่งขันของซูอวี้หมายความว่าตำแหน่งทายาทของประมุขสกุลซูนั้นต้องตกไปเป็นของผู้อื่น เมื่อถึงเวลานั้น ซูจิ่นซีต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ป้ายสัญลักษณ์ของประมุขสกุลซู นอกจากนั้นสมุดบัญชีหอโอสถทั้งเจ็ดแห่งของสกุลซูต้องถูกส่งมอบกลับไปอีกครั้ง
แววตาลึกซึ้งของซูจิ่นซีแสดงออกอย่างยากที่จะทนไหว ทว่าเมื่อนางเห็นอนุปี้ที่หมดสติและซูอวี้ที่ร้องไห้อย่างบีบคั้นหัวใจ ซูจิ่นซีก็ยังคงสั่งการว่า“กลับจวน! รีบไปเชิญหมอหลวงอวิ๋นมา”
“ทว่า… ”
เดิมทีลวี่หลีต้องการจะบอกว่าตอนนี้หมอหลวงอวิ๋นอยู่ที่หอกุ้ยเหรินเพื่อรอเป็นผู้ตัดสิน! หากหมอหลวงอวิ๋นออกจากลานประลอง การแข่งขันในครานี้ก็จะเสียสมดุลและผู้คนส่วนใหญ่ที่เหลือก็จะเป็นคนของฮั่วซื่อ
ทว่าเมื่อลวี่หลีเห็นดวงตาที่แน่วแน่ สง่างาม และไม่อาจโต้แย้งของซูจิ่นซี นางจึงนิ่งเงียบและไม่พูดอันใดอีกต่อไป
การตัดสินใจของคุณหนู สาวใช้ผู้นี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อได้ยินคำสั่งให้กลับจวนของซูจิ่นซี องค์รักษ์จึงลากรถม้าขึ้นมาและย้ายร่างอนุปี้ที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไปในรถม้า ผู้ชมโดยรอบเริ่มตั้งคำถามขึ้น
“พระชายาโยวอ๋องและซูอวี้ต้องการละทิ้งการแข่งขันชิงทายาทประมุขสกุลซูหรือ? ”
“ได้ยินมาว่าซูอวี้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำสกุลซูที่พระชายาโยวอ๋องพึงพอใจ หรือว่าจะยอมแพ้เช่นนี้? ”
“ยิ่งไปกว่านั้น! การแข่งขันครั้งนี้ยังเป็นการคัดเลือกทายาทของประมุขสกุลซู เท่ากับเป็นการแข่งขันระหว่างพระชายาโยวอ๋องและฮูหยินฮั่วซื่อ พระชายาโยวอ๋องกำลังจะกลับจวนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หรือนางจะยอมแพ้การแข่งขันกับฮูหยินฮั่วซื่ออย่างสมัครใจ? ”