จงอู่โหว!
เป็นพระสวามีของไหวหยางจวิ้นจู่
ฉินเทียนและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างรู้สึกแปลกใจ แม้แต่ซูอวี้ก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าซูจิ่นซีกลับมีใบหน้าสับสน
นางไม่รู้จักจงอู่โหว!
เจ้าของร่างเดิมไม่รู้จัก วิญญาณต่างโลกที่ทะลุมิติมายิ่งไม่รู้จัก
เมื่อจงอู่โหวซึ่งก็คือทูตซ้ายชุดดำมองใบหน้าซูจิ่นซีและทุกคน เขาก็เฉลียวใจ ที่แท้พวกเขาไม่รู้ว่าตนคือทูตซ้ายชุดดำแห่งสำนักห้าพิษของไหวเจียง นี่คือกับดักที่ซูจิ่นซีเป็นคนวางไว้ เขาตกหลุมพรางเสียแล้ว
“ซูจิ่นซี เจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก! ” จงอู่โหวขบเคี้ยวฟันสบถด่า
เวลานี้ ซูอวี้ที่ยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซีกระซิบบอกนางว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ใด
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา ทั้งยังแฝงความประหลาดใจเล็กน้อย “เช่นกัน เช่นกัน! จงอู่โหวเป็นผู้อาวุโส เล่ห์กลเล็กน้อยของข้า หากเทียบกับแผนซ่อนตัวมาหลายปีในแคว้นจงหนิงของท่าน… ข้าอับอายยิ่งกว่า”
ทันใดนั้นซูจิ่นซีพลันนึกถึงเว่ยเหม่ยเจียที่แต่งงานกับบุตรชายของจงอู่โหว…ฮั่วปี้ ทั้งยังมีไหวหยางจวิ้นจู่ที่เย่อหยิ่งจองหอง วันนี้สถานะที่แท้จริงของจงอู่โหวถูกเปิดเผย สำหรับนางแล้วเป็นเรื่องที่มีผลกระทบไม่น้อย
ทว่าซูจิ่นซีต้องการมอบตัวจงอู่โหวให้กับคนอีกผู้หนึ่ง
“องครักษ์ คุมตัวจงอู่โหวไปให้เยี่ยโยวเหยาที่จวนโยวอ๋อง! ”
สายลับจากไหวเจียง เรื่องนี้ล้วนเป็นความรับผิดชอบของเยี่ยโยวเหยา เรื่องที่จะจัดการกับจงอู่โหวเช่นไรนั้น คงต้องให้เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้ตัดสินใจ
ทันใดนั้นองครักษ์ก็เข้ามาคุมตัวชายชุดดำอีกคนหนึ่งและมัดรวมกับจงอู่โหว
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พระชายาโยวอ๋อง เจ้ามันเจ้าเล่ห์เสียจริง วันนี้ข้าอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแล้ว แม้ในใจจะไม่ยินยอม ทว่ายังต้องชื่นชมเจ้า! ”
ความจริงแล้ว ตอนนี้ซูจิ่นซีสามารถคุมตัวจงอู่โหวเข้าพระราชวังได้ทันที เพื่อรับการปูนบำเหน็จอย่างงามจากฮ่องเต้หรือเพื่อกดดันฮ่องเต้ให้ทรงตระหนักถึงการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่นการกักขังเยี่ยโยวเหยาก่อนหน้านี้
ท้ายที่สุด บุรุษของคนรักเก่ากลับกลายเป็นสายลับจากแคว้นอื่น ตระกูลของคนรักเก่าย่อมพลอยติดร่างแหไปด้วย เรื่องเช่นนี้คงกระทบฮ่องเต้ไม่น้อย
ทว่าซูจิ่นซีกลับส่งตัวเขาให้กับเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีเย็นชา เพื่อให้เยี่ยโยวเหยาจัดการ เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนี้ สงบนิ่ง สุขุม และฉลาดเฉลียว ซึ่งเป็นสิ่งที่โดดเด่นกว่าสตรีนางอื่นมาก
แม้จงอู่โหวจะถูกซูจิ่นซีจับตัวได้ ทว่าภายในใจยังคงชื่นชมนาง
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ออมแรงไว้พูดกับท่านอ๋องของพวกเราดีกว่า! ข้าไม่สนใจคำพูดไม่กี่คำของเจ้าหรอก” ซูจิ่นซีพูดพลางยกมือสั่งการให้องครักษ์ควบคุมตัวจงอู่โหวออกไป
ทว่าซูจิ่นซีไม่ทันได้สังเกต เพราะคำว่า ‘ท่านอ๋องของพวกเรา’ ที่นางพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น กลับทำให้ใบหน้าของฉินเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างแปรเปลี่ยนไปเป็นถมึงทึง ไอสังหารคุกรุ่น เขากระชับกระบี่ในมือแน่น
“พี่จิ่นซี วันนี้อันตรายมากจริงๆ หากเมื่อครู่องครักษ์ฉินมาไม่ทันกาล พวกเราคงต้องจบชีวิตเป็นแน่” จนถึงตอนนี้ ซูอวี้ยังตกใจกลัว
ซูจิ่นซีจับมือน้อยๆ ของซูอวี้ พบว่ามือของเขาเย็นเฉียบ
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว! ” ซูจิ่นซีถูมือของซูอวี้ด้วยความเคยชิน
ซูอวี้เห็นการกระทำเช่นนี้ของซูจิ่นซี ทว่าหาได้ยากที่ครั้งนี้เขาไม่ปริปากปฏิเสธอันใด
“พระชายา อวี้เอ๋อร์! ”
ฮูหยินปี้วิ่งมาจากห้องโถงกลางด้วยใบหน้าซีดเผือด
เมื่อครู่นี้ขณะที่นักฆ่าบุกเข้ามานั้น นางอยู่ที่ห้องโถงกลาง ทั้งยังเห็นเหตุการณ์อันตรายทั้งหมด ทว่านางไม่ร้องตะโกนและไม่บุ่มบ่าม แม้จะหวาดกลัวและเป็นกังวลเพียงใด นางก็ยังยืนนิ่งอยู่กับบ่าวรับใช้ในห้องโถงกลางอย่างสงบ
ปี้ซื่อรู้ดี แม้นางจะออกไปก็ไม่สามารถช่วยเหลืออันใดได้ กลับกันนางอาจทำลายแผนการของพระชายาก็เป็นได้
เวลานี้ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว นางจึงรีบวิ่งเข้ามา
“ท่านแม่! ”
ซูอวี้รีบวิ่งเข้าไปหาฮูหยินปี้ทันที
หลังจากที่ฮูหยินปี้แน่ใจแล้วว่าซูอวี้ปลอดภัยดี นางจึงหันไปมองซูจิ่นซีครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าซูจิ่นซีเองก็ปลอดภัยเช่นกัน
“พระชายาตกพระทัยหรือไม่ หม่อมฉันกับคนอื่นๆ ปลอดภัยดี ทุกคนในจวนล้วนปลอดภัยดีเพคะ”
“ดีมาก! ” ซูจิ่นซีพยักหน้าด้วยความพอใจ
ทันใดนั้น ฮูหยินปี้ก็เบิกตากว้าง นางวิ่งเข้าไปหาซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางคิดจะหลบ ทว่าฮูหยินปี้กลับเข้ามาโอบกอดนางไว้แน่น
เสียงสะอึกสะอื้นของฮูหยินปี้ และเสียงเรียกที่แสดงความตกใจของซูอวี้ดังขึ้น “ท่านแม่… ”
ซูจิ่นซีถูกฮูหยินปี้โอบกอดเอาไว้จนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดนิ่ง นางเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระบี่ในมือของฉินเทียนแทงเข้าที่ด้านหลังของฮูหยินปี้
นางไม่อยากจะคิดเลย ในเวลาคับขันเช่นนี้ หากเมื่อครู่ฮูหยินปี้ไม่วิ่งเข้ามา กระบี่ยาวเล่มนั้นคงแทงเข้าข้างหลังของนางไปแล้ว!
ฉินเทียนเป็นคนของเยี่ยโยวเหยา เหตุใดถึงต้องการสังหารนาง?
“ฮูหยินปี้” ซูจิ่นซีโอบฮูหยินปี้ไว้ในอ้อมกอด แววตาแสดงถึงความเจ็บปวด
กลับไม่คิดว่าฮูหยินปี้ที่กำลังหายใจรวยรินจะยกยิ้มแผ่วเบา นางแย้มยิ้มให้กับซูจิ่นซีด้วยสายตาหมดห่วงพลางพูดว่า “พระชายา ท่านไม่ต้องกังวล หม่อมฉันไม่เป็นอันใด”
“ท่านแม่ ท่านจะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร บาดแผลเก่าของท่านยังไม่หายดี ทั้งยังมีเลือดไหลออกมามากมายถึงเพียงนี้” ซูอวี้ตกใจร้องห่มร้องไห้
“ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว รีบห้ามเลือดก่อน”
ซูจิ่นซีรีบหยิบเข็มเหมันต์เทวะออกมายื่นให้ซูอวี้
การห้ามเลือดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซูอวี้
สาเหตุที่นางไม่ได้ห้ามเลือดให้ฮูหยินปี้ด้วยตนเองนั้น เป็นเพราะฉินเทียนยังถือกระบี่ที่เปื้อนเลือดและเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางโหดเหี้ยม
ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าขึงขัง ดวงตาทั้งสองที่เคยงดงามพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางลุกขึ้นยืนเหมือนเสาไม้ที่แทงทะลุขึ้นมาจากผืนดิน และมองฉินเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ฉินเทียน เหตุใด? เจ้า… ถึงต้องการสังหารข้า? ”
ฉินเทียนยกยิ้มเย้ยหยัน “ซูจิ่นซี ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากถามแล้ว ข้าก็จะบอกเหตุผลให้เจ้าฟัง เพื่อให้เจ้าได้ตายตาหลับ นี่คือคำสั่งของเยี่ยโยวเหยา”
คำสั่งของเยี่ยโยวเหยาหรือ?
การแสดงออกของซูจิ่นซีไร้การเปลี่ยนแปลง มองไม่ออกว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
ฉินเทียนเห็นท่าทางเช่นนี้ของซูจิ่นซี ก็คิดว่านางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขายกยิ้มด้วยใบหน้าลำพองใจ “ซูจิ่นซี ตายเสียเถิด! วันนี้เป็นวันตายของนางมารร้ายอย่างเจ้า! ”
ฉินเทียนพูดพลางตวัดกระบี่พุ่งเข้าแทงซูจิ่นซี
แววตาของซูจิ่นซีเย็นยะเยือก นางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย จากนั้นก็สาดผงพิษเข้าใส่ กลับคิดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะสามารถหลบผงพิษได้
ซูจิ่นซีซัดเข็มเงินออกไปอีกครั้ง ฉินเทียนก็หมุนตัวหลบ กระบี่ในมือพลันกวัดแกว่งตามไปด้วย เขาปัดป้องเข็มเงินของซูจิ่นซีจนตกกระจัดกระจายลงบนพื้น
ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจนัก!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฉินเทียนยกยิ้มมุมปาก “ซูจิ่นซี เจ้าไม่ต้องดิ้นรนให้เสียแรงเปล่า เจ้าไม่เป็นวรยุทธ์ เข็มเงินที่ซัดออกมากับผงพิษล้วนไร้พลังภายใน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าล่วงรู้รูปแบบการใช้พิษของเจ้าจนหมดสิ้นแล้ว”
เพราะฉินเทียนเป็นคนของฝ่ายตน ซูจิ่นซีจึงไม่ได้ระมัดระวังไว้ก่อน และเพราะฉินเทียนเป็นคนของฝ่ายตน เขาจึงจับจุดรูปแบบการใช้พิษของซูจิ่นซีได้โดยง่าย
ยาพิษของซูจิ่นซีทำให้ทูตซ้ายชุดดำของสำนักห้าพิษแห่งไหวเจียงป้องกันตัวไม่ทัน เขาหลงกลจนถูกจับตัวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเสียทีให้กับคนของฝ่ายตนโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว
“เยี่ยโยวเหยา… ” จู่ๆ ซูจิ่นซีก็มองไปทางด้านหลังของฉินเทียนด้วยแววตาแปลกใจ
“หึ… ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้ เจ้ายังกล้าใช้อีกหรือ”
กระบี่ยาวของฉินเทียนอยู่ห่างจากหน้าอกของซูจิ่นซีเพียงหนึ่งนิ้ว ทว่าไม่ได้แทงเข้าไป