“พระชายา ท่านอย่าได้กังวลพระทัยเลยเพคะ ท่านอ๋องไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน” เสียงใสไพเราะดั่งสายน้ำ ดังเข้ามาในหู
ซูจิ่นซีหันไปมอง นางเห็นหลานเยวี่ยหลียืนอยู่ด้านหน้าของตน
พูดให้เข้าใจก็คือ ซูจิ่นซีในเวลานี้ สมควรเรียกนางว่าเสี่ยวหลี
เพราะนางคือแม่นางเสี่ยวหลีผมขาวที่มีอาการป่วย ตาบอด และเป็นใบ้ที่ซูอวี้รักษาจนหายในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำสกุลซู
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวหลีสวมผ้าไหมคลุมใบหน้าและทำการแสดงฟ้อนรำเพื่ออวยพระพรต่อพระพักตร์องค์ไทเฮา ซูจิ่นซีรู้อยู่แล้วว่าคือนาง ทว่าไม่มีโอกาสได้พูดคุย
อย่างไรก็ตาม นางคือบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลาน ทั้งยังเป็นเผ่าวิหคที่มีสถานะสูงส่ง เหตุใดตอนนั้นนางถึงปรากฏตัวในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดสกุลซู?
อาการป่วยเหล่านั้นของนางเป็นจริงหรือเท็จกันแน่?
นางมีเป้าหมายอื่นหรือไม่?
ในเวลานี้ แม้ตระกูลหลานจะอยู่ภายใต้อำนาจของเยี่ยโยวเหยา ทว่าด้วยเหตุนี้ ซูจิ่นซีจึงต้องตั้งข้อสงสัย
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ซูจิ่นซีจึงเตรียมพร้อมรับมือกับแม่นางน้อยที่มีอายุเพียงแปดปีผู้นี้
กลับไม่คิดว่าหลานเยวี่ยหลีจะฉลาดเฉลียวมาก นางสามารถมองทะลุจิตใจได้ปรุโปร่ง นางมองออกว่าซูจิ่นซีคิดเช่นไร
“พระชายาวางพระทัยได้เพคะ ในตอนนั้นที่เสี่ยวหลีปรากฏตัวในการแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดสกุลซู เสี่ยวหลีไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง ในตอนนั้นเสี่ยวหลียังไม่ได้พบกับบิดาที่แท้จริง จึงไม่ได้แสดงสถานะของตน ขอพระชายาโปรดอภัย”
ซูจิ่นซีประหลาดใจเล็กน้อย
ทว่าหลานเยวี่ยหลีกลับไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก นางทำเพียงหันไปมองเยี่ยโยวเหยากับฮ่องเต้ที่กำลังแข่งขันดื่มสุรา
“พระชายา ท่านดูสิ ฝ่าบาทเริ่มไม่ไหวแล้ว”
ซูจิ่นซีได้ยินคำพูดนั้นจึงหันไปมองเยี่ยโยวเหยากับฮ่องเต้ เป็นเรื่องจริง ฮ่องเต้ไม่ไหวแล้วจริงๆ
แม้ระหว่างการแข่งขัน ฮ่องเต้จะดื่มได้เร็วกว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่หนึ่งไห ทว่าเมื่อพระองค์ดื่มถึงไหที่สิบสาม ก็ไม่สามารถดื่มได้อีกแล้ว
ฮ่องเต้ใช้พละกำลังอย่างมากในการดื่มสุราไหที่สิบสาม ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับดื่มสุราไหที่สิบสามหมดแล้ว เมื่อฮ่องเต้ร้อนพระทัย ภายในกระเพาะอาหารจึงเกิดแรงกระเพื่อม พระองค์เกือบอาเจียนสุราในท้องออกมาทั้งหมด ทว่าพระองค์ยังสามารถควบคุมไว้ได้
เยี่ยโยวเหยาหยิบสุราไหที่สิบสี่ขึ้นมา ทว่ายังไม่ยกดื่ม เขาชำเลืองมองฮ่องเต้และพูดว่า “เสด็จพี่ พระองค์ยังดื่มไหวหรือไม่? ”
คำพูดเช่นนี้แสดงว่าเขากำลังสงสัยความสามารถของฮ่องเต้ ในเวลานี้พระเกียรติของฮ่องเต้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี พระองค์จะยอมรับคำพูดยั่วยุเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยาได้อย่างไร?
ฮ่องเต้กรอกสุราไหที่สิบสามลงไปคำโต พลางยกสุราไหที่สิบสี่ขึ้นมาด้วยท่าทางโซเซและตรัสว่า “เจ้าเจ็ด มา ดื่ม! ”
ฮ่องเต้ไม่เพียงดื่มสุราจนซวนเซไปมาเท่านั้น พระพักตร์ของพระองค์แดงก่ำ สายพระเนตรพร่ามัว เห็นได้ชัดว่าทรงเมาเต็มที่แล้ว
ทว่าใบหน้าเยี่ยโยวเหยายังคงเป็นปกติ เขาสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้ดื่มสุราแม้แต่หยดเดียว ทว่าสิ่งที่ดื่มลงไปล้วนเป็นน้ำเปล่า
บุรุษผู้นี้สามารถดื่มสุราได้หรือไม่กันแน่? ซูจิ่นซีอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็เกิดเสียง ‘โครม ตุบ’ สุราในพระหัตถ์ของฮ่องเต้ตกพื้นจนแตกกระจาย จากนั้นพระองค์ก็ล้มลงนอนกับพื้นทันที
หนึ่งคนกับสุรายี่สิบไห ทั้งยังดื่มไม่หมด ทว่าฮ่องเต้ที่แข่งดื่มสุรากับเยี่ยโยวเหยาได้ล้มพับลงไปแล้ว
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“ทหาร ฝ่าบาททรงดื่มจนเมาพับไปแล้ว รีบพยุงฝ่าบาทเข้าไปตำหนักในเดี๋ยวนี้” ไทเฮารีบเข้าไปประคองฮ่องเต้
โยวอ๋องชนะแล้ว โยวอ๋องชนะอย่างไร้คำครหา ทั้งยังชนะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอีกด้วย
ฮ่องเต้แข่งดื่มสุรากับโยวอ๋องจนนอนพับลงไปใต้โต๊ะ พระเกียรติถูกทำลายอีกครั้งจนไม่เหลือแล้ว
แคว้นจงหนิงในเวลานี้ ผู้ที่หาญกล้าหยามพระเกียรติของฮ่องเต้ได้ถึงเพียงนี้ คงจะมีเยี่ยโยวเหยาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เหล่าผู้คนยังมีใบหน้าตกตะลึง เยี่ยโยวเหยาเดินอย่างหนักแน่นมั่นคงกลับไปยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซี และนั่งลงด้วยท่าทีสุขุม
“กระหม่อมขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง! ”
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ฝ่ายเยี่ยโยวเหยาต่างเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับเขา
เยี่ยโยวเหยายกจอกสุราขึ้นมาด้านหน้า ทำเหมือนกับจะดื่มสุราลงไปจริงๆ
จู่ๆ ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกทั้งระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือนว่า ด้านข้างของนางมีระดับแอลกอฮอล์สูงมาก
ซูจิ่นซีมองหาอยู่ครู่ใหญ่ นางพบว่าแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาเปียกชุ่ม มีหยดสุราไหลออกมาจากแขนเสื้อและไหลลงสู่กระถางต้นฝอโส่วที่อยู่ด้านหลังของเขา
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเป็นเกลียว นางพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เยี่ยโยวเหยา มิน่าเล่า ฝ่าบาทแข่งดื่มกับท่านจนเมาล้มพับไปแล้ว ทว่าท่านกลับไม่เป็นอันใดสักนิด ที่แท้ท่านก็โกง”
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปาก เขาคีบอาหารวางในจานให้ซูจิ่นซี
“เยี่ยโยวเหยา ท่านทำได้อย่างไร? ”
สุราเหล่านั้น ทุกคนล้วนเห็นกับตาว่าเยี่ยโยวเหยาดื่มมันลงไปจริงๆ เหตุใดตอนนี้มันถึงไปอยู่ในแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาได้เล่า?
ในขณะที่ซูจิ่นซีกำลังซักไซ้และตั้งข้อสงสัย เยี่ยโยวเหยาก็ยื่นมือออกมาโดยใช้โต๊ะกำบังเอาไว้
เมื่อซูจิ่นซีเห็นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
เยี่ยโยวเหยาใช้พลังภายในขับสุราที่ดื่มออกมาทางปลายนิ้วก้อย
สุราเหล่านั้นไหลออกมาจากปลายนิ้วก้อยของเยี่ยโยวเหยาราวกับสายน้ำ นอกจากนั้นซูจิ่นซียังไม่เห็นบาดแผลที่ปลายนิ้วก้อยของเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
ครั้งหนึ่งซูจิ่นซีเคยดูหนังเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ต้วนอี้กับเฉียวเฟิงแข่งดื่มสุรากัน เฉียวเฟิงคอแข็งกว่าต้วนอี้มาก ดังนั้นต้วนอี้จึงใช้วิธีเช่นนี้รับมือ
ทว่านั่นมันนิยายของท่านจอมยุทธ์กิมย้ง เป็นละครที่นักแสดงแสดงออกมา คิดไม่ถึงว่าวรยุทธ์เช่นนี้จะมีอยู่จริง
มหัศจรรย์ยิ่งนัก
ความอิจฉาบนใบหน้าของซูจิ่นซีไม่อาจปกปิดไว้ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเกิดความคิดอยากเรียนวรยุทธ์
“วางใจเถิด ต้องมีสักวันที่เจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้” เยี่ยโยวเหยาบีบมือของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่เยี่ยโยวเหยาล่วงรู้ถึงความต้องการของตน นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาเปล่งประกายพลางพูดว่า “เมื่อใด? เยี่ยโยวเหยา ท่านจะสอนวรยุทธ์ให้ข้าหรือ? ”
ทว่าเยี่ยโยวเหยาเพียงยกยิ้มมุมปากด้วยความรักใคร่ เขาไม่ได้ตอบคำถามของซูจิ่นซีแต่อย่างใด
ซูจิ่นซีในเวลานี้คอยแต่จะสนทนากับเยี่ยโยวเหยา นางไม่ได้มองพฤติกรรมของไทเฮาที่ประทับอยู่ด้านบน
หลังจากที่ฮ่องเต้ถูกนางกำนัลประคองเข้าไปในห้องบรรทมแล้ว ที่ประทับด้านบนจึงเหลือไทเฮาเพียงพระองค์เดียว
พระเนตรของไทเฮาฉายแววเคร่งขรึม พระองค์หันพระพักตร์ไปมองไหวหยางจวิ้นจู่ที่ประทับอยู่บนที่นั่งด้วยพระพักตร์สุขุม
เมื่อไหวหยางจวิ้นจู่สบสายตากับไทเฮา นางก็ยกจอกสุราบนโต๊ะ และรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี
“โยวอ๋อง เวลานี้ท่านโดดเด่นเป็นเลิศ ไร้ผู้ใดเทียบเทียม ทั้งยังควบคุมอำนาจในราชสำนักไว้ได้ วันนี้ท่านทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงอำนาจบารมีของท่าน ข้านับถือท่านยิ่งนัก เชิญ โยวอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” ไหวหยางจวิ้นจู่พูดขึ้น
ทว่าน่าเสียดาย แม้แต่เปลือกตาของเยี่ยโยวเหยาก็ไม่เหลือบขึ้นมองแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสุราที่ไหวหยางจวิ้นจู่นำมาอวยพร
ไหวหยางจวิ้นจู่ล่วงรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว นางจึงไม่มีท่าทีอึดอัดอันใด
นางหันไปมองเว่ยเหม่ยเจียที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เว่ยเหม่ยเจียยกจอกสุราขึ้นมา และพูดกับซูจิ่นซีว่า “พี่สะใภ้ เสด็จพี่โยวเหยาดื่มสุราไปมากแล้ว ในเมื่อเสด็จพี่ดื่มไม่ไหว เช่นนั้นท่านดื่มแทนเป็นเช่นไร! โชคดีที่เหม่ยเจียเคยเป็นคนในตำหนักหนานย่วน และเป็นลูกผู้น้องของเสด็จพี่โยวเหยา ในตอนนั้นที่เหม่ยเจียออกเรือนไป พวกท่านยังไม่ได้ดื่มสุรามงคลเลย วันนี้…สุราจอกนี้ ไม่ว่าอย่างไร ท่านจะต้องดื่มชดเชยให้ข้านะเพคะ”
เว่ยเหม่ยเจียพูดด้วยท่าทีนอบน้อมจริงใจ อีกทั้งแววตายังแสดงความเสียใจเล็กน้อย
ราวกับว่า ในตอนนั้นที่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ไปร่วมพิธีสมรสของนาง ทำให้นางเสียใจ
ในเวลานี้ สายตาของผู้คนรอบด้านต่างจับจ้องมาทางซูจิ่นซี
สถานการณ์เช่นนี้… ทำให้ซูจิ่นซีลำบากใจอย่างมาก!
หากไม่ดื่มสุราแทนเยี่ยโยวเหยา ก็เหมือนนางไม่ให้เกียรติไหวหยางจวิ้นจู่กับเว่ยเหม่ยเจีย หากนางดื่มสุราจอกนี้ ก็เท่ากับยอมรับว่า ในตอนนั้นนางทำให้เว่ยเหม่ยเจียเสียใจจริงๆ
เว่ยเหม่ยเจีย นางได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับซูจิ่นซีเสียแล้ว
ซูจิ่นซีควรทำเช่นไร?