สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 191 อันอวี้เป็นน้องสาวของข้า

บทที่ 191 อันอวี้เป็นน้องสาวของข้า

“ไม่มี”

มู่ซืออวี่เอ่ยจบก็เห็นความผิดหวังวาบผ่านแววตาของอันอี้หาง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “แต่ข้าสามารถทำขึ้นมาได้”

“จริงหรือ?” อันอี้หางถาม

“แน่นอน แต่ท่านต้องบอกข้าว่าคนที่จะใช้เป็นสตรีหรือบุรุษ ความสูงประมาณไหน ข้าจะได้ออกแบบได้ถูก”

“นาง…”

อันอี้หางกำลังจะเอ่ย แต่เห็นเซี่ยคุนแบกหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาเสียก่อน เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

“น้องหญิง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

หญิงสาวที่อยู่บนหลังของเซี่ยคุนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็คลายท่าทีตึงเครียดลง

“ท่านพี่”

มู่ซืออวี่มองดูพวกเขาอย่างครุ่นคิด สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่เซี่ยคุน

“จะไม่ปล่อยแม่นางผู้นี้ลงหรือ?”

เท่านั้นเองเซี่ยคุนจึงรู้สึกตัว เขาค่อย ๆ ปล่อยคนลงในที่สุด

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่ถาม

“ขานางเจ็บ” เซี่ยคุนตอบโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม

มู่ซืออวี่จำหญิงสาวนางนี้ได้ นี่ไม่ใช่หญิงสาวที่เกือบจะถูกนางชนเข้าหรือ?

เมื่อได้ยินเสียงนางเรียก ‘ท่านพี่’ ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าไม้เท้าที่อันอี้หางอยากได้จะเอาไปให้ใครใช้

โลกกว้างใหญ่ไพศาลเพียงนี้ แต่กลับกลมเหลือเกิน ไม่ว่าจะหันไปทางซ้ายหรือทางขวา ล้วนแต่พบเจอคนที่เกี่ยวข้องกัน

“เหตุใดขาของเจ้าถึงได้เจ็บ?” อันอี้หางพยุงนาง

“ข้าไม่ระวังจึงหกล้มน่ะ” อันอวี้ ‘มอง’ ไปทางอันอี้หางอย่างรู้สึกอาย “ท่านพี่ ท่านไม่ต้องกังวล ตอนที่ข้าล้ม ข้าเอาหลังลง ไม่เจ็บเลย”

แววตาของอันอี้หางเต็มไปด้วยความปวดใจ เขาลูบหัวนางเบา ๆ “อืม น้องสาวของข้าเก่งที่สุดแล้ว”

สิ้นคำนั้น เขาก็มองไปทางเซี่ยคุน “สหายท่านนี้ เหตุใดท่านถึงอยู่กับน้องสาวข้า?”

“ท่านพี่ พี่ใหญ่ท่านนี้เป็นคนดี ขาข้าเจ็บ เขาเลยพาข้าไปหาท่านหมอ เดิมทีเขาอยากจะไปส่งข้าที่บ้าน แต่ว่าเขานึกขึ้นได้ว่ายังไม่บอกเจ้านายจึงมาหาเจ้านายเสียก่อน”

อันอี้หางเหลือบมองขาของอันอวี้ก็พบว่ามีผ้าพันแผลอยู่บริเวณที่บาดเจ็บจริง ๆ

“นี่เป็นผู้ติดตามของข้า” มู่ซืออวี่บอกอันอี้หาง “เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนที่ไว้ใจได้ ฝีไม้ลายมือล้ำเลิศ หากอยากจะเอาเปรียบสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย”

นางอยากบอกอันอี้หางว่า เขาไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงขนาดนั้น

“ต้องขอบคุณสหายท่านนี้มาก”

“อืม”

มู่ซืออวี่หันไปพูดกับอันอวี้ “พวกเราเคยพบกันมาก่อน ไม่รู้ว่าแม่นางอันยังจำข้าได้หรือไม่? ครั้งก่อนข้าบังคับรถม้าเกือบจะชนท่าน”

“ข้าจำได้แล้ว เป็นท่านนี่เอง พี่สาว” รอยยิ้มของอันอวี้ราวกับดอกไม้รับวสันตฤดู ทั้งสวยงาม บอบบาง และอ่อนโยน “ท่านพี่ ครั้งก่อนข้าเวียนหัว เกือบจะทำให้พี่สาวท่านนี้เสียขวัญแล้ว พี่สาวท่านนี้ยังตามมาส่งข้าจนถึงบ้านอีกด้วย”

อันอี้หางเอ่ยขอบคุณมู่ซืออวี่ที่ช่วยเหลืออันอวี้ จากนั้นก็แนะนำให้พวกเขารู้จักกัน

สายตาของเซี่ยคุนจับจ้องอยู่ที่ร่างกายของอันอวี้

เพราะเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ มู่ซืออวี่จึงให้เซี่ยคุนบังคับรถม้าไปส่งพวกเขากลับบ้าน

“สหายเซี่ย ข้าต้องขอบคุณท่านแล้ว” อันอี้หางช่วยพยุงอันอวี้ลงจากรถม้าพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเซี่ยคุน

เซี่ยคุนพยักหน้าให้ แล้วเหลือบมองอันอวี้อีกครั้ง ก่อนจะหันหัวม้าจากไป

ตระกูลอัน นอกจากอันอี้หางและน้องสาวแล้ว ยังมีมารดาผู้หนึ่งคืออวี้ซื่อ

สุขภาพของอวี้ซื่อไม่ค่อยดีนัก นอกจากเย็บปักถักร้อยและทำงานฝีมือทั่วไปอยู่ที่บ้านทุกวันแล้ว นางก็ไม่เคยออกไปไหน

ที่นี่เป็นเขตชุมชนแออัดในเมืองฮู่เป่ย คนที่อยู่ที่นี่ล้วนมาจากครอบครัวธรรมดาสามัญ ครั้นได้ยินเสียงรถม้าดังขึ้น หลาย ๆ คนจึงโผล่หัวออกมาดู

“อันอวี้ ชายหนุ่มเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่ามาส่งเจ้ากลับบ้านทุกวันหรือ?” ป้าข้างบ้านหาเรื่องคุยกับนาง

“ป้าเมิ่ง พูดจาไร้สาระอะไรกัน?” อันอี้หางถามด้วยสีหน้าเยือกเย็น

“อี้หาง เจ้าไม่รู้อะไร มักจะมีคนแอบตามอันอวี้มา เป็นหนุ่มที่บังคับรถม้าคนเมื่อครู่นี้นั่นแหละ แต่ก่อนหนุ่มคนนั้นเคยสกปรกมอซอ ตอนนี้เขารวยแล้วหรือ? ถึงกับมีรถม้าแล้ว” เมิ่งซื่อพูดน้ำไหลไฟดับ

สีหน้าของอันอี้หางไม่น่าดูขึ้นมาทันที

อันอวี้ดึงแขนเสื้อของพี่ชายไว้ “ท่านพี่ พี่ใหญ่เซี่ยไม่ใช่คนเลวร้าย”

“เข้าไปข้างในแล้วค่อยพูด” อันอี้หางดึงอันอวี้เดินเข้าบ้านไป

หลังจากปิดประตูเรียบร้อยแล้ว เมิ่งซื่อและชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็พูดเรื่อง ‘เซี่ยคุน’ มาส่งอันอวี้ที่บ้านต่อ

“ก่อนหน้านี้ราวกับเป็นขอทาน ตอนนี้แต่งตัวเป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้นมาแล้ว”

“ท่านมองผิดหรือเปล่า?”

“จะมองผิดได้อย่างไร ชายหนุ่มตัวสูงเพียงนั้น ตาดุดันราวกับหมาป่า ในเมืองเรายังมีคนอื่นอีกหรือ อย่างไรเสียข้าก็ว่าข้ามองไม่ผิด”

อันอี้หางมองอันอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ

สายตาของนางไม่ได้จับจ้องไปที่ใด ไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ ออกมา ทว่าดูจากท่าทีกระสับกระส่ายแล้ว ตอนนี้นางจะต้องร้อนใจอย่างแน่นอน

“ข้าไม่รู้ว่าพี่เซี่ยตามข้ามา”

“พี่เชื่อเจ้า”

“แต่ข้าไม่คิดว่าพี่ใหญ่เซี่ยจะมีเจตนาร้ายต่อข้า” อันอวี้คว้าแขนเสื้อของอันอี้หางไว้ “หลายครั้งหลายคราที่เหมือนข้าจะชนบางอย่างหรือกำลังจะหกล้ม มักจะรู้สึกว่ามีคนกำลังคอยช่วยข้า ข้ามองไม่เห็น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนช่วยข้า รู้เพียงว่าทุกครั้งที่ข้าออกไปข้างนอกมักจะเจอคนใจดี”

หลังจากอันอี้หางได้ฟังคำพูดของอันอวี้ สีหน้าก็พลันอ่อนโยนลง

หากเป็นเช่นนี้จริง เซี่ยคุนคนนี้คงไม่มีเจตนาร้ายจริง ๆ

ดูจากสภาพร่างกายของอันอวี้แล้ว หากเขาคิดอยากจะทำร้ายนาง นางคงไม่อยู่ดีมาถึงตอนนี้ นอกจากนี้มู่ซืออวี่ยังบอกไว้ว่าคนผู้นี้ฝีไม้ลายมือไม่เลว ดังนั้นหากคิดจะทำอะไรจริง ๆ ย่อมไม่มีผู้ใดหยุดเขาได้

อวี้ซื่อเปิดประตูเดินออกมา สายตาเข้มงวดคู่หนึ่งหยุดลงที่อันอวี้

“ข้าไหว้วานให้คนไปซื้อบ้านแล้ว อีกสองสามวันค่อยย้ายไปอยู่ที่นั่น”

“ท่านแม่ เหตุใดถึงจะย้ายบ้านหรือ?” อันอี้หางขมวดคิ้ว

“ข้ากับอันอวี้จะย้ายไปอยู่บ้านนอก เจ้าเล่าเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ให้ดี ไม่ต้องเอาแต่ห่วงพวกเราทุกวัน” หลังจากอวี้ซื่อกล่าวจบ นางก็ปรายสายตาเฉียบคมมองอันอวี้ “ย้ายไปอยู่บ้านนอกแล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกทั้งวัน ฝีมือปิดตาเย็บปักถักร้อยที่ข้าสอนให้เจ้าไม่คืบหน้า บางทีเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมก็อาจคืบหน้าขึ้นมาบ้าง”

“แต่ว่า…”

อวี้ซื่อไม่รอให้อันอี้หางได้พูดจบ นางปิดประตูฉับทันที

หลังจากเซี่ยคุนกลับมาที่เรือนกรุ่นฝัน มู่ซืออวี่ก็สั่งให้เขาไปส่งสินค้า อย่างไรเสีย การใช้ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด เงินถึงจะไม่สูญเปล่าไม่ใช่หรือ?

“เจ้ากับคุณหนูอันคนนั้นคงไม่ได้พบกันครั้งแรกใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่มองคนงานขนของขึ้นรถม้า พลางหยอกล้อเซี่ยคุนที่ยืนแข็งทื่อเป็นไม้กระดาน “ข้ามองออกว่าสายตาที่เจ้ามองนางไม่ธรรมดา”

เซี่ยคุนหันหน้ากลับมามองนาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้างนอกเล่าลือเรื่องอะไร?”

“ลือเรื่องอะไร?”

“ฮูหยินของจู่ปู้ลู่ทำงานในจวนสกุลหลี่ ถูกคุณชายสกุลหลี่ข่มเหงรังแก จู่ปู้ลู่เป็นนายทัพโกรธเกศาชันเพื่อโฉมงาม วันต่อมาจึงจับคุณชายสกุลหลี่ไปขังคุก”

มู่ซืออวี่หันมามองเซี่ยคุน

เซี่ยคุนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเพียงอยากจะเตือนเจ้าว่า หากเรื่องนี้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงเจ้าจะเสียหาย กระทั่งตำแหน่งขุนนางของลู่อี้ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้”

“มีข่าวลือเช่นนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ตอนที่ข้าออกไปข้างนอกวันนี้ ข้าเห็นคนทำท่าทางมีลับลมคมใน หลังจากฟังอยู่พักหนึ่งก็มีแต่ถ้อยคำเลอะเทอะพวกนี้” เซี่ยคุนกล่าวต่อ “เดิมทีข้าคิดจะไปหาลู่อี้ แต่วันนี้เขาไม่อยู่ที่ศาลาว่าการ”

“มีคนคิดจะให้ร้ายเขา”

“ศัตรูของเขามีไม่น้อย เรื่องนี้ปกติมาก”

สีหน้าของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยความกังวลใจ

“เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างบุรุษ เจ้าเป็นเพียงหมากในมือของพวกเขา จะคิดมากไปไย?”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset