สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1011 สาวใช้ตัวแสบ 915

ตอนที่ 1011 สาวใช้ตัวแสบ 915
เย่เชินหลินและไห่ลี่หมินทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“นี่คือวิดีโอในตอนนั้น ผมดูแล้ว คุณลุงดูเหมือนจะนั่งอยู่กับจงหวีฉวนสักพักเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไรกัน จากนั้นก็มีการประชุมต่อ” ไห่ลี่หมินบอกเย่เชินหลินเกี่ยวกับเนื้อหาในวิดีโอ
“ลี่หมิน ผมสรุปได้ว่าสิ่งที่จงหวีฉวนพูดกับพ่อผมคือเหยนชิงเหยียนไม่ใช่เสี่ยวห้าน เพราะเสี่ยวห้านตัวจริงตายไปนานแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของผมเกิดอาการหัวใจวาย” สีหน้าของเย่เชินหลินดูเหมือนกำลังเล่านิทานให้คนอื่นฟัง เพราะเขาไม่แสดงถึงความตื่นเต้นใด ๆ เลย แต่ถ้าดูดี ๆ จะสังเกตเห็นว่าเส้นเลือดบนมือของเขาเผยอออก นั่นคือสัญญาณก่อนความโกรธที่รุนแรงจะเกิดขึ้น
“เหยนชิงเหยียนไม่ใช่เสี่ยวห้าน? แล้วผลตรวจดีเอ็นเอล่ะ?” ไห่ลี่หมินตกตะลึง
“ถูกคนอื่นจัดฉาก ลี่หมิน เดี๋ยวผมให้ต้าฮุยมาแล้ว คุณกลับไปช่วยเก็บเส้นผมของโม่เสี่ยวจุนให้ผมหน่อย ผมจะเก็บเป็นหลักฐานในการเปรียบเทียบดีเอ็นเอของเขาดู” เย่เชินหลินจำได้ว่าเซี่ยชีหรั่นพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าโม่เสี่ยวจุนเป็นน้องชายของเธอมาก่อน
ถ้าเหยนชิงเหยียนไม่ใช่น้องชายของเธอ นั้นหมายความว่าน้องชายของเธอจะต้องเป็นคนอื่น มิฉะนั้นผลตรวจดีเอ็นเอนั้น……
“โม่เสี่ยวจุนเหรอ?” ไห่ลี่หมินรู้สึกว่าวันนี้เขารู้มากเกินไป
“ใช่ แล้วคุณคิดว่าเซี่ยชีหรั่นจะหลอกลวงคนอื่นเหรอ?” เย่เชินหลินคิดถึงเซี่ยชีหรั่นที่อยู่คอนโดในเขตพัฒนาใหม่ตามลำพัง เขาจึงเงียบไปสักพักแล้วพูดต่อ “โม่เสี่ยวจุนกับตระกูลเย่ของเรามีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกัน คุณจะรู้ถ้าสังเกตดี ๆ”
เซี่ยชีหรั่นจะรอเขาอยู่ที่คอนโด แต่เย่เชินหลินรู้สึกไม่อยากกลับไป เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจงหวีฉวนเป็นคนฆ่าเย่เฮ่าหรัน เพียงแต่เย่เฮ่าหรันเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย อาจเพราะเซี่ยชีหรั่นเป็นสายเลือดของจงหวีฉวน เขาจึงไม่พร้อมที่จะเห็นหน้าเธอ
“ไม่หรอก”
“คุณน่าจะรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นเคยบอกว่าโม่เสี่ยวจุนเป็นน้องชายของเธอนะ” เย่เชินหลินจำได้ว่าหลังจากได้ผลตรวจนั้นแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็ยังไม่เชื่อทั้งหมด
“เอาล่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมต่อก็แล้วกัน คุณไว้ใจได้ ผมจะรีบกลับไปกับต้าฮุยทันที” ไห่ลี่หมินเข้าใจถึงความรีบร้อนของเย่เชินหลิน ไม่งั้นเขาคงไม่ทิ้งงานใหญ่มาที่นี่หรอก เขาเชื่อว่าชีหรั่นไม่ได้เป็นคนหลอกลวงใคร ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่เปลี่ยนผลตรวจดีเอ็นเอคือจงหวีฉวนหรือ?
หลังจากไห่ลี่หมินไปแล้ว เย่เชินหลินดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากพอสมควรก่อนจะขับรถกลับไป
“คุณเย่ครับ” พ่อบ้านเปิดประตูอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกกดดันมากที่เห็นสีหน้าของเจ้านาย แต่เขาเข้าใจดีว่าคุณเย่ไม่ได้ไร้ความรู้สึกต่อคุณพ่อของเขา เพียงแต่หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร
“คุณแม่ผมไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เชินหลินถาม เขาออกไปเพื่อหาสาเหตุของเรื่องนี้และไม่รู้ว่าฝู้เฟิ่งหยีตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว
“คุณเย่ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณนางไม่เป็นไรครับ” พ่อบ้านกล่าวอย่างเคารพ
“เข้ามาเถอะเชินหลิน” ฝู้เฟิ่งหยียืนพูดอยู่ไม่ไกล เธอยืนอยู่ที่นั่นคนเดียวด้วยความโดดเดี่ยว
“ผมกำลังเข้าไปครับคุณแม่” เย่เชินหลินเดินเข้าไปในบ้าน
“เชินหลิน ทำไมแม่ไม่เห็นชีหรั่นเลย?” ฝู้เฟิ่งหยีถามอย่างสงสัย เย่เฮ่าหรันผู้ซึ่งเป็นพ่อสามีของเธอเสียทั้งคน ต่อให้มีลูกในท้องก็ควรปรากฏตัวให้เห็นบ้าง
“คุณแม่ครับ เธอยังไม่รู้ ผมให้เธอไปอยู่ที่คอนโดก่อน เธอเป็นคนอ่อนไหวถ้าเห็นคุณพ่อจากไปแบบนี้คงทำใจไม่ได้แน่เลยครับ”
“ก็จริงเหมือนกัน ให้เธอระวังลูกในท้องดีกว่า” ฝู้เฟิ่งหยีก็คิดว่าเซี่ยชีหรั่นต้องทำใจไม่ได้อย่างแน่นอน
ในคอนโดเมืองใหม่นั้น เซี่ยชีหรั่นยังนั่งรอเย่เชินหลินบนโซฟาในห้องรับแขกอยู่ตลอดเวลา เธอใช้โทรศัพท์และซิมใหม่โทรหาเย่เชินหลิน แต่ครั้งแรงที่โทรเขาติดสายอยู่ เซี่ยชีหรั่นจึงคิดว่าเขากำลังยุ่งอยู่จึงไม่ได้โทรซ้ำอีก
“อี้ชิง สรุปเกิดเรื่องอะไร?” เซี่ยชีหรั่นมองเซี่ยอี้ชิงที่คอยดูแลเธอตลอดเวลาแล้วถามเขา
“คุณนายหญิงครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ พ่อบ้านไม่ได้บอกอะไรผมเลย หรือว่าให้ผมโทรไปถามอีกรอบไหมครับ?”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว รออีกสักพักก็แล้วกัน!
เซี่ยชีหรั่นรอทั้งคืนจนกระทั่งถึงตีสามถึงจะเข้านอน
เซี่ยอี้ชิงมองใบหน้าที่แสนเศร้าของเซี่ยชีหรั่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายได้แต่กัดฟันแล้วอุ้มเซี่ยชีหรั่นเข้าไปนอนในห้องนอนของเธอ
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเกรงใจแล้ว เพราะคงปล่อยให้เธอที่เป็นหญิงมีครรภ์นอนในห้องรับแขกแบบนี้ไปทั้งคืนไม่ได้
วันรุ่งขึ้นแม่เซี่ยเตรียมอาหารเช้าเสร็จตั้งแต่เช้าตรู่ เซี่ยชีหรั่นไม่มีแรงที่จะแต่งตัวเหมือนปกติ เธอแปรงฟันล้างหน้าปกติแล้วเข้าไปนั่งกินอาหารเช้า เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเย่เชินหลิน แต่เมื่อดูเวลาแล้วก็กลัวจะรบกวนเขา
เซี่ยชีหรั่นไม่อยากให้คนอื่นกังวลจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอส่งข้อความถึงเย่เชินหลินและหวังว่าเขาจะตอบกลับ
เย่เชินหลินเห็นข้อความนั้นและอยากจะตอบกลับเธอมาก แต่เมื่อนึกถึงฆาตกรที่ฆ่าเย่เฮ่าหรันคือจงหวีฉวนแล้ว เขาก็วางโทรศัพท์ลงทันที ถ้าไม่ใช่เพราะจงหวีฉวนพ่อของเขาเย่เฮ่าหรันก็คงไม่ตาย เขายังไม่ทันได้เรียกพ่อเลยพ่อของเขาก็จากไปแล้ว
เย่เชินหลินเกลียดจงหวีฉวน แต่เกลียดตัวเองมากกว่าที่เขานั้นทำตามอำเภอใจแบบนี้
เซี่ยชีหรั่นพยายามโทรหาเย่เชินหลินแต่เย่เชินหลินไม่ยอมรับสายเลย
“เชินหลิน คุณคุยกับฉันหน่อยได้ไหม ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน ลูกของเราก็คิดถึงคุณมากนะ” เซี่ยชีหรั่นส่งข้อความนี้ออกไปและตั้งหน้าตั้งตารอเย่เชินหลินตอบกลับเธอ
ลูกเหรอ เซี่ยชีหรั่นคุณสายเลือดเดียวกันกับจงหวีฉวน ลูกของเราก็เป็นสายเลือดเดียวกันกับมัน แล้วจะให้ผมยอมรับเด็กที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับคนที่ฆ่าพ่อผมเป็นลูกได้อย่างไร?
ไม่ เขารู้สึกผิดอยู่แล้วที่ไม่ได้กตัญญูต่อพ่อในตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ แล้วตอนนี้เขาจะยอมให้ลูกสาวของศัตรูให้กำเนิดลูกเขาได้อย่างไร?
เชินหลิน คุณทำไมไม่ตอบข้อความฉันเลย?
“เชินหลิน เราเป็นคนสนิทกันที่สุดนะ คุณมีเรื่องอะไรเรามาคุยกันดีไหม?” เมื่อเย่เชินหลินไม่มีการโต้ตอบเซี่ยชีหรั่นจึงอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความให้เขาอีก
คนสนิทที่สุดหรือ? ไม่ เขาไม่สามารถอยู่กับเซี่ยชีหรั่นได้อีกต่อไป เพราะเธอเป็นลูกสาวของศัตรู
จงหวีฉวนคุณรอให้ผมได้หลักฐานมัดตัวของคุณก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการตายไปดีกว่ามีชีวิตอยู่
ขณะนี้เสียงโทรศัพท์ของเย่เชินหลินได้ดังขึ้น
“ต้าฮุย เป็นไงบ้างแล้ว” เย่เชินหลินถามอย่างเหลือทน
“คุณเย่ครับ ผมเปลี่ยนชื่อทั้งสองไปแล้วนะครับ แต่ใช้ชื่อของครอบครัวเรา ผมเลือกหมอที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วครับ และคนของเราได้ตรวจสอบกระบวนการทุกอย่างเลยครับ” หลินต้าฮุยรายงานอย่างละเอียด
“เอาล่ะ เราไปฐานสองกัน” หลังพูดจบเย่เชินหลินก็ขับรถออกไปทันที
หลินต้าฮุยได้ผลเปรียบเทียบดีเอ็นเอแล้วรีบออกจากโรงพยาบาลทันที ไม่นานหลังจากนั้นรถของเย่เชินหลินก็ได้ขับเข้ามา หลินต้าฮุยได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นรถคันเก่าของคุณเย่ยังอยู่และตอนนี้เขาขับรถเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย
หลังจากนั้นทั้งสองตรงไปที่ฐาน ชายกลุ่มชุดดำเห็นพวกเขาเข้ามาก็ดีใจและจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปฝึกซ้อมต่อ
เย่เชินหลินรีบเดินเข้าไปนั่งลงในห้องลับส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
มือถือผลตรวจสองชุดนั้นแล้วเขาก็หลับตาก่อนที่จะเปิดมันออกมา ผลตรวจคือความคล้ายคลึงกัน 98% เขากับโม่เสี่ยวจุนคือพี่น้องกัน แล้วใครเป็นคนสับเปลี่ยนผลตรวจก่อนหน้านี้ล่ะ?
จงหวีฉวนหรือ? ถ้าเป็นฝีมือเขา เขาต้องรู้ว่าใครคือเย่จื่อห้านสิ แต่ดูจากท่าทีแล้วจงหวีฉวนเหมือนไม่รู้เรื่องนี้เลย ถ้าจงหวีฉวนรู้เขาคงต้องใช้เรื่องนี้มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ สำหรับเย่เฮ่าหรันที่รู้สึกผิดต่อเย่จื่อห้านนั้น เขาต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน
แสดงว่าไม่ใช่จงหวีฉวน แล้วมันเป็นฝีมือของใคร?
“ต้าฮุย นายคิดว่าจะมีใครอีกทีเป็นคนเปลี่ยนผลตรวจนี้ หรือว่ามีใครที่สมรู้ร่วมคิดด้วย?” เย่เชินหลินกลัวว่าคนคนนี้จะมีอันตรายต่อตระกูลเย่อีก เขาจึงต้องหาตัวเขาออกมาให้ได้
หลินต้าฮุยเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดต่อ “คุณเย่ครับ ผมจำได้ว่าส้งหลิงหลิงเป็นคนให้เหยนชิงเหยียนเข้ามาบ้านตระกูลเย่เองนะครับ”
เย่เชินหลินหรี่ตาทันที เขาลืมส้งหลิงหลิงนางร้ายคนนี้ไปได้อย่างไร? ถ้าเป็นแบบนี้ส้งหลิงหลิงต้องรู้ว่าโม่เสี่ยวจุนคือเย่จื่อห้าน แล้วเธอจะทำไปเพื่ออะไรกัน?
“มีข่าวเกี่ยวกับส้งหลิงหลิงไหม?” เย่เชินหลินไม่เชื่อว่าส้งหลิงหลิงตายไปแล้ว เธอแค่หายตัวไปเท่านั้น
“ไม่มีเลยครับ” หลินต้าฮุยรู้สึกผิดเล็กน้อย
ฝ่ามืออันกว้างใหญ่ของเย่เชินหลินทุบลงไปที่โต๊ะ
“พวกนายไปหามันถึงไหนกัน?”
“ก่อนหน้านี้เราตามหาทั่วเมืองตงเฉิงแล้วแต่ก็ไม่เจอตัวเธอเลยครับ ตอนนี้คาดว่าเธอน่าจะหนีไปเมืองอื่นแล้วครับ”
“ไปตามที่เมืองตงเฉิงใต้ด้วย ส้งหลิงหลิงต้องอยู่ในเมืองตงเฉิงอย่างแน่นอน” หลังพูดจบเสียงโทรศัพท์ของเย่เชินหลินก็ดังขึ้น
เขากำลังจะตัดสายทิ้งแต่เมื่อเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากจงหยุนซางเขาเคาะโต๊ะเสียงดังและเกิดความลังเลใจ เพราะจงหยุนซางเป็นคนที่ดีกับพวกเขามาตลอด
“จริงด้วย ต้าฮุย ให้พวกเขารื้อคดีการหายตัวของน้องชายผมอีกที” เย่เชินหลินรู้สึกสับสน เนื่องจากจงหวีฉวนได้บอกว่าเย่จื่อห้านนั้นตายไปแล้ว นั้นหมายความว่าไม่ได้เป็นแค่การหายตัวตามข่าวที่เขารู้เท่านั้น
ถ้าชัดเจนกับคดีการหายตัวของเย่จื่อห้านแล้ว สาเหตุการตายของเย่เฮ่าหรันก็จะชัดเจนมากขึ้น
“รับทราบครับ” หลินต้าฮุยเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ของเย่เชินหลินโดยไม่พูดอะไรต่อ เขาสงสัยเหมือนกันว่าคุณหญิงจงจะโทรมาทำไม?
“หยุนซาง” เย่เชินหลินรับสายและพูดอย่างใจเย็น
“เชินหลิน ฉันได้ยินว่าคุณลุงป่วยหนักเหรอ?” จงหยุนซางถามด้วยความเป็นห่วง เธอได้ยินพ่อบอกว่าจู่ ๆ คุณลุงล้มป่วยในที่ประชุม เธอจึงพยายามติดต่อคนอื่นแต่โทรไม่ติดกันสักคน จงหยุนซางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีใครรับสายเธอในตอนที่เกิดเรื่องเลย
“ไม่ได้ป่วยหนัก แต่เสียแล้ว” เย่เชินหลินวางสายทันทีหลังพูดคำนี้ จงหวีฉวน คุณคงดีใจไม่น้อยที่ได้ยินจากปากลูกสาวของคุณว่าพ่อผมตายแล้ว แต่อย่าเพิ่งได้ใจก็แล้วกัน
จงหวีฉวนมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความตกใจ เป็นไปได้อย่างไร ประธานเย่จะเสียชีวิตกะทันหันได้อย่างไร เธอไม่เชื่อหรอก
จงหยุนซางหยิบโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งลงชั้นล่าง
จงหวีฉวนนั่งดูข่าวอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ ดูเหมือนว่าสองวันนี้พ่อจะติดตามข่าวเป็นพิเศษ
“คุณพ่อคะ ประธานเย่เสียแล้วนะ” หลังจากจงหยุนซางพูดจบก็มองไปที่จงหวีฉวน เธอรู้สึกเสมอว่าการตายของประธานเย่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อของเธอเลย ถ้าหาก ถ้าหากจงหวีฉวนเป็นคนฆ่าประธานเย่จริง ๆ จงหยุนซางไม่กล้าคิดต่อ เพราะเธอรู้สึกเสมอว่าที่เย่เชินหลินไว้ชีวิตพ่อของเธอมาตลอดก็เพราะเห็นแก่เซี่ยชีหรั่น ตอนนี้เย่เฮ่าหรันตายแล้ว ถ้าเป็นฝีมือของพ่อจริง ๆ แล้วเย่เชินหลินจะยอมง่าย ๆ หรือ? ไม่มีทาง
“จริงเหรอ? น่าสงสารจังเลย” จงหวีฉวนพูดอย่างเจ็บปวดและสีหน้าอันเศร้าโศก แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสุข จงหยุนซางเห็นเพียงสีหน้าการแสดงออกของเขาแต่ไม่ทันสังเกตสายตาคู่นั้นของเขาเลย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset