สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1072 สาวใช้ตัวแสบ 976

ตอนที่ 1072 สาวใช้ตัวแสบ 976
หากจะกล่าวว่าก่อนหน้านี้เย่เชินหลินยังโทษเนี่ยนโม่เพราะคิดไม่ถึงว่าจะดีกับสวีเห้าเซิงเช่นนี้ และไม่สนใจเขาที่เป็นพ่อแท้ๆ แต่ในตอนนี้ เย่เชินหลินกลับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่สามารถโทษเนี่ยนโม่ได้อีก เด็กอายุน้อยขนาดนั้น มีเพียงชีหรั่นคนเดียว เย่เชินหลินอยากจะเดินเข้าไปดึงเนี่ยนโม่มากอดเอาไว้และบอกเขาอย่างจริงจังว่า ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นพ่อที่มีความรับผิดชอบและทำตามหน้าที่
“งั้นใครซื้อของเล่นให้พี่ล่ะ?” หลี่ยี่ซวนเด็กกว่าเนี่ยนโม่ สมองเล็กๆของเขาเอาแต่เข้าใจว่ามีเพียงแค่พ่อถึงจะซื้อของเล่นให้ได้
“ลุงสวีซื้อให้”
เนี่ยนโม่ตอบเสียงแข็ง นึกถึงคนอื่นที่มีพ่อซื้อของเล่นให้ ส่วนเขามีลุงซื้อให้ หัวใจดวงน้อยมักจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
หลี่ยี่ซวนมองเนี่ยนโม่ ด้วยความรู้สึกแปลกใจ ทำไมคุณลุงก็ซื้อของเล่นให้พี่ชาย?
เย่เชินหลินเดินตามหลี่เหอไท้อยู่หลังสุด เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาหยุดชะงักทันที เห็นได้ชัดว่าตามหลังหลี่เหอไท้อยู่หนึ่งก้าว ในฐานะเป็นพ่อคนเหมือนกัน หลี่เหอไท้จะไม่เข้าใจความรู้สึกของเย่เชินหลินได้อย่างไร เขาตบไหล่ของเขาแสดงความเห็นใจ เพียงแต่หลี่เหอไท้แอบรู้สึกสะใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ใครใช้ให้เย่เชินหลินทำกับชีหรั่นเช่นนั้น นึกถึงข่าวที่เขาได้รู้ในภายหลัง เซี่ยชีหรั่นท้องโต ยืนกลางสายฝนมองดูเย่เชินหลินหยอกล้อกับผู้หญิงคนอื่น ทันทีที่หลี่เหอไท้ได้ยิน อยากจะตรงไปที่บ้านตระกูลเย่เพื่อต่อยเย่เชินหลินสักหมัดสองหมัด น้องสาวที่เขารักสุดหัวใจถูกเขาปฏิบัติเช่นนี้ ใครจะไม่โกรธบ้าง?
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแค่มองเย่เชินหลินอย่างสบายใจ
“ชีหรั่น”จ้าวเหวินอิงกับหลี่หมิงจุ้นเดินจูงมือกันออกมา เมื่อมองเห็นเซี่ยชีหรั่นจากไกลๆก็ตะโกนเรียกด้วยความดีใจ จ้าวเหวินอิงมีลูกสาวเพียงคนเดียว แถมยังเป็นลูกที่เชื่อฟังมาก นอกจากเรื่องที่ไปปารีสโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่ก็ไม่นับว่าไม่บอก ในเมื่อตอนนั้นจ้าวเหวินอิงไม่ได้อยู่ในประเทศ เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ทำตามใจตัวเอง
“แม่ แม่ออกมาได้อย่างไร?”หลี่เหอไท้สังเกตจ้าวเหวินอิงอย่างละเอียดหัวจดเท้าและเอ่ยถาม:“วันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ?”
“แม่ แม่นั่งลงสักพัก พวกเราก็มาแล้ว ถ้ารู้ว่าแม่จะใจร้อนแบบนี้ฉันจะไม่ส่งข้อความมาหาก่อนเลย”เซี่ยชีหรั่นหยอกล้อ
“ฉันไม่ใช่ว่าเดินไม่ได้ หมอบอกว่าต้องเดินเยอะๆ พวกเธอจะไม่ทำตามคำสั่งของหมอหรือไง?”จ้าวเหวินอิงมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง น้ำตาคลอเบ้า
“มามา เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุย”หลี่หมิงจุ้นเริ่มทนภรรยาที่รักไม่ไหว:“เนี่ยนโม่ล่ะ?”
หลี่หมิงจุ้นไม่เคยเจอเนี่ยนโม่มาก่อน เมื่อเงยหน้าไปมองด้านหลัง ก็ไม่พบเนี่ยนโม่ แต่กลับมองเห็นสวีเห้าเซิง ดวงตาของเขาปรากฏแสงขึ้นมา ชายหนุ่มคนนี้ดูคล้ายกับเจ้านายของเขา!
“นี่คือ?”หลี่หมิงจุ้นมองไปทางหลี่เหอไท้และเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินไม่อยากพูดถึงสวีเห้าเซิง เขารู้ดีว่าถ้าหากท่านปู่หลี่รู้ตัวตนของสวีเห้าเซิงก็จะไม่ยกเซี่ยชีหรั่นให้แก่เขา แต่เย่เชินหลินก็ไม่อยากพูด
“พ่อครับ นี่คือ……”ในตอนนี้หลี่เหอไท้ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร เขาหันไปมองเซี่ยชีหรั่น
“พ่อคะ นี่คือเพื่อนของฉัน สวีเห้าเซิงพี่สวี”เซี่ยชีหรั่นตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เสี่ยวอ้าย เป็นเพียงเพื่อนหรือ?สวีเห้าเซิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่เคยกล้าคิดว่าเสี่ยวอ้ายจะบอกกับคนอื่นว่าเขาคือแฟนหนุ่มของเธอ แต่ยังคิดว่าชีหรั่นจะแนะนำแบบนี้ โดยเฉพาะวันนี้ยังอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวของเสี่ยวอ้าย และอยู่ต่อหน้าเย่เชินหลิน
นามสกุลสวี ดูเหมือนมีความเกี่ยวข้องกัน
“สวัสดีครับ ต้องขอบคุณมากที่ก่อนหน้านี้คุณดูแลชีหรั่น”หลี่หมิงจุ้นกล่าวขอบคุณจากใจจริง คนที่สามารถทำให้เขากล่าวขอบคุณแบบนี้มีอยู่เพียงไม่กี่คน สายตาที่หลี่เหอไท้มองมาทางสวีเห้าเซิงเหมือนกับไฟฉายส่องหาของ เหมือนต้องการกวาดมองเขาทั้งร่างกาย
“เป็นสิ่งที่สมควรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวอ้ายกับผมไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนกันทั่วไป”สวีเห้าเซิงกล่าวอย่างชั่วร้าย
เซี่ยชีหรั่นมองไปทางสวีเห้าเซิงอย่างมึนงง พี่สวีพูดอะไร?
สวีเห้าเซิงยิ้มให้เซี่ยชีหรั่นบางๆ รอยยิ้มที่แสนสบายใจนี้ กำลังบอกเธอด้วยริมฝีปากว่า คุณตอบรับคำขอแต่งงานกับผมแล้วมิใช่หรือ?
เซี่ยชีหรั่นถึงจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังคุยเรื่องอะไรกับสวีเห้าเซิง เขาให้เวลาเธอสองเดือน เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินอย่างผิดธรรมชาติ ไม่มองก็ไม่เป็นอะไร แต่แค่มองใบหน้าของเย่เชินหลินก็ดำเหมือนเปาบุ้นจิ้น คุณชายเย่กลายเป็นผู้พิพากษาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่เชินหลินคอยสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงตลอด สวีเห้าเซิงบอกว่าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนทั่วไป ในใจของเขาเกิดลางลางสังหรณ์ไม่ดีทันที ต้องการดูว่าสวีเห้าเซิงจะพูดอะไร ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะไม่พลาดโชว์ดี ๆ แบบนี้จริง ๆ เย่เชินหลินเข้าใจคำที่สวีเห้าเซิงใช้ริมฝีปากพูด
เซี่ยชีหรั่น เธอกล้าดีอย่างไร ผมคิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าแต่งงานกับคนอื่น
“เข้าไปข้างในเถอะ”จงหยุนซางจูงเซี่ยชีหรั่นกับจ้าวเหวินอิงเดินเข้าไปข้างใน กลุ่มของท่านปู่หลี่เดินตามหลัง
“พ่อครับ ได้ยินมาว่าพ่อกับเหอไท้เตรียมจะร่วมมือกับเครื่องประดับแฟชั่นของฝรั่งเศส?”เย่เชินหลินถามหลี่หมิงจุ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โชคดีที่สิบสามจากฝั่งนั่นส่งข้อมูลข่าวกรองมาให้เขา
สวีเห้าเซิงขมวดคิ้ว เครื่องประดับแฟชั่น นี่มันเป็นธุรกิจของเสี่ยวอ้ายมิใช่หรือ?อันที่จริงสวีเห้าเซิงไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครื่องประดับแฟชั่นแล้ว
“ใช่แล้ว ช่วงนี้เหอไท้ต้องการขยายอาณาจักรของพวกเรา มองเห็นว่าตลาดเครื่องประดับในประเทศจีนมีมูลค่ามาก”หลี่เหอไท้พูดเกี่ยวกับผลการวิจัยตลาดของตัวเอง เขารู้ว่าเย่เชินหลินคืออัจฉริยะในการทำธุรกิจ ถ้าหากเย่เชินหลินช่วยเขายกระดับขึ้นมาอาจจะมีพื้นที่ให้พัฒนามากขึ้น
“ได้ยินมาว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดคือเครื่องประดับแฟชั่น เขาไม่เพียงผลิตเครื่องประดับอย่างปราณีต แต่ยังออกแบบและจำหน่ายด้วย อย่างครบวงจร ในเวลาสองปีพวกเขาถึงจะกลายเป็นผู้ค้าเครื่องประดับชั้นนำ แน่นอนว่าต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถ้าจะได้รับการลงทุนของพวกเขา”เย่เชินหลินกล่าวถึงตรงนี้ก็มองไปทางหลี่เหอไท้ เย่เชินหลินมองว่าตลาดเครื่องประดับในประเทศจีนเหมือนเหรียญสองด้าน โรงงานผลิตหลายแห่งปิดตัวลง ในเวลานี้หากเขาสามารถใช้กลยุทธ์อื่นเพื่อนำไปสู่ตลาดเครื่องประดับจีน เย่เชินหลินเชื่อว่า พวกเขาจะได้รับยิ่งกว่าเดิม
“แต่ เครื่องประดับแฟชั่นต้องใช้เวลาสองปีถึงจะมีความมั่นคง?นอกจากนี้มันยังอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ไม่ได้อยู่ในประเทศจีน ต้องการร่วมมือกับเครื่องประดับแฟชั่นจะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันหรือเปล่า?” หลี่เหอไท้คิดถึงสองปีที่จะเห็นผล เครื่องประดับแฟชั่นได้รับรางวัลจากการประชุมเครื่องประดับโลกมาโดยตลอด หุ้นของมันก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผมได้ยินมาว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของเครื่องประดับแฟชั่นเป็นชาวจีน”เย่เชินหลินกล่าวเบาๆ คนจีนจะมีสายใยกับประเทศจีน เพียงแต่มันน่าโมโหนัก เครื่องประดับแฟชั่นผุดขึ้นมาอย่างฉับพลันเขาไม่คิดว่าเครื่องประดับนี้มีแนวโน้มที่ดีอะไร รอจนผ่านไปหนึ่งปีเขาจึงคิดตรวจสอบ มีข้อมูลมากมายที่ไม่สามารถหาเจอ อย่างเช่นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดคือใคร เย่เชินหลินไม่อาจรู้ได้มาตลอด
ฝีเท้าที่ก้าวเดินไปข้างหน้าของเซี่ยชีหรั่นหยุดลง พี่เหอไท้ต้องการทำเครื่องประดับ และตั้งใจร่วมมือกับเครื่องประดับแฟชั่น?
สวีเห้าเซิงเอาแต่นั่งเงียบมาตลอด เพื่อนของชีหรั่นไม่กี่คนอยู่ในเครื่องประดับแฟชั่นมิใช่หรือ?
“ถ้าเป็นคนจีนบางทีพวกเราอาจจะมีโอกาส”
สายตาที่ลึกซึ้งของหลี่หมิงจุ้นมองตรงไปข้างหน้า
กลุ่มของผู้ชายด้านหลังคุยเกี่ยวกับเรื่องงานของพวกเขา จงหยุนซางกับจ้าวเหวินอิงก็คุยเรื่องของพวกเธอ
“หยุนซาง พรุ่งนี้มีงานการกุศล ฉันไม่ไปแล้วนะ”จ้าวเหวินอิงนึกถึงจดหมายเชิญที่ได้รับ เธออยากอยู่กับหลี่หมิงจุ้นให้มากๆ เรียกได้ว่าจ้าวเหวินอิงแทบอยากจะใช้ทุกนาทีกับหลี่หมิงจุ้น โดยเฉพาะการจากไปของเย่เฮ่าหรันทำให้เธอกังวลและหวาดกลัวว่าหลี่หมิงจุ้นก็จะจากไป
ต้นไม้ปรารถนาที่จะอยู่อย่างสงบแต่สายลมไม่อาจหยุดพัด จ้าวเหวินอิงไม่อยากรู้สึกเสียใจภายหลัง
“ชีหรั่น ลูกกับหยุนซางไปด้วยกันนะ”จ้าวเหวินอิงดึงเซี่ยชีหรั่นมาบอกว่า ตอนเริ่มแรกเธอไม่ชอบจงหยุนซาง โดยเฉพาะเมื่อเห็นฉากการแต่งงานของเย่เชินหลินกับจงหยุนซางในทีวี ต่อมาจงหยุนซางกับหลี่เหอไท้คบกัน จ้าวเหวินอิงถึงแม้จะไม่ได้พูด แต่ก็แสดงออกว่าไม่ชอบมากๆ จงหยุนซางเป็นคนฉลาด จ้าวเหวินอิงเอาแต่สุภาพกับเธอตลอด เพียงเพราะเธอคือภรรยาของหลี่เหอไท้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เวลาผ่านไปช้าๆ จงหยุนซางดูแลจ้าวเหวินอิงอย่างดีมาตลอด จ้าวเหวินอิงก็เป็นผู้หญิงที่ใจดี จึงค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อจงหยุนซาง
“งานการกุศลอะไรหรือคะ?”เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความสงสัย ในเมื่อพรุ่งนี้เธอก็ว่าง ออกไปเดินดูสักหน่อยก็ดี เมื่อสักครู่พ่อกับพี่เหอไท้พูดว่าต้องการร่วมงานกับเครื่องประดับแฟชั่น หากเธอพัฒนาเครื่องประดับแฟชั่นมายังประเทศจีน เธอก็จะมีงานทำในประเทศจีน นึกถึงว่ามีงานทำสามคำนี้ เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนเธอที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะขาดความรับผิดชอบมาตลอด ประธานคณะกรรมการบริหารก็ไม่ต้องการ เพียงแค่เก็บเงินเบื้องหลังก็พอ
ดูเหมือนเธอต้องกลับปารีสไปดู เป็นความคิดที่ดีที่จะพัฒนามาประเทศจีน
“ในเมืองจะมีการจัดงานการกุศล เห็นบอกว่าจะบริจาคเงินให้กับนักเรียนยากจนและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่น ๆ”จงหยุนซางนึกถึงหลี่เหอไท้ที่บอกเรื่องนี้กับเธอเป็นประจำ จึงตอบเซี่ยชีหรั่นด้วยรอยยิ้ม
“พรุ่งนี้จัดงานการกุศล ไม่รู้ว่าวันนี้ยังเอาของไปให้ประมูลทันหรือเปล่า”เซี่ยชีหรั่นพูดพึมพำ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถ้าไม่มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเธอคงไม่มีวันนี้ ถึงแม้ตอนหลังจะถูกรับมาเลี้ยง เซี่ยชีหรั่นยังคงจดจำสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ขึ้นใจ
เธอพูดเสียงเบามาก จ้าวเหวินอิงกับจงหยุนซางไม่ได้ตั้งใจฟัง จึงคิดว่าเซี่ยชีหรั่นไม่ได้พูดอะไร
“พี่หยุนซาง พี่มีเบอร์องค์กรการกุศลไหมคะ สามารถให้ฉันได้ไหม?”เซี่ยชีหรั่นถามอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่ายังทันหรือเปล่า
“มีนะ ชีหรั่น เธอต้องการเบอร์ขององค์กรการกุศลไปทำอะไร”จงหยุนซางมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความสงสัย
เซี่ยชีหรั่นมองดูเวลา ถึงแม้มีเบอร์ขององค์กรการกุศลก็ไม่มีโอกาส ไม่ได้ เธอจะต้องช่วยเหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหล่านั้น
“แม่คะ ทุกคนคุยกันไปก่อนนะ ฉันจะขึ้นไปข้างบน”เซี่ยชีหรั่นรีบเดินตรงไปชั้นที่เธออาศัยในตระกูลหลี่อย่างรวดเร็ว
จ้าวเหวินอิงไม่เข้าใจดังนั้นจึงมองตามหลังของเธอไป ชีหรั่นมีธุระหรือ?
กลุ่มของเย่เชินหลินก็มองเห็นของเซี่ยชีหรั่นขอตัวออกไปก่อน ยัยตัวเล็กทำไมต้องออกไปก่อน?
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ยินว่าที่นี่มีการจัดแข่งขันออกแบบเครื่องประดับ ฉันคิดว่าน่าจะลองไปดู ว่าจะสามารถหานักออกแบบที่มีฝีมือมาร่วมงานกันได้ไหม”หลี่เหอไท้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ทุกวันนี้ตงเจียงมีสัญญาณที่ดี การประชุมวิทยาศาสตร์อะไรนั่น และงานแข่งขันออกแบบเครื่องประดับ นี่ไม่ใช่แค่นำการพัฒนาเศรษฐกิจมาสู่ตงเจียง แต่ยังให้โอกาสทางธุรกิจแก่พวกเขา
“นักออกแบบเครื่องประดับ ผมคิดว่าเสี่ยวอ้ายสามารถช่วยได้” สวีเห้าเซิงกล่าวอย่างอ่อนโยน อาจารย์ของชีหรั่นเป็นปรมาจารย์แห่งโลกเครื่องประดับ เธอก็กลายเป็นผู้นำในด้านนี้ และมีเพื่อนที่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับไม่น้อย
“ชีหรั่น?”หลี่เหอไท้มองไปทางสวีเห้าเซิงด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าความช่วยเหลือนี้จะเริ่มต้นอย่างไร

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset