สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1121 สาวใช้ตัวแสบ 1025

ตอนที่ 1121 สาวใช้ตัวแสบ 1025 
“ได้ ได้ แม่รับรองว่าจะไม่เป็นอีกแล้วจ้ะ!”
ฝู้เฟิ่งหยีคอยดูสองแม่ลูกคู่นี้อยู่ข้าง ๆ ตลอด เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เนี่ยนโม่งอแงไม่มีความสุข เอาแต่คอยมองไปที่ประตูครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าทุกครั้งก็ต้องคอยเก็บสายตากลับมาอย่างผิดหวัง
เธอสงสารหลาน จึงคิดให้คนรับใช้ไปตามเซี่ยชีหรั่นออกมา แต่ว่าคนรับใช้กลับมาบอกกับเธอว่า เย่เชินหลินกำชับไว้แล้วว่า ห้ามใครเข้าไปรบกวนพวกเขาอย่างเด็ดขาด
สุดท้ายไม่มีทางออก เธอก็ทำได้แค่เพียงคอยปลอบใจเนี่ยนโม่เสียงเบา ต้องเปลืองแรงไปตั้งเยอะกว่าจะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้นมาได้
เด็ก ๆ คิดถึงแม่ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องราวดำเนินมาจนถึงวันนี้ ฝู้เฟิ่งหยีเองก็ไม่อยากจะไปพรากลูกพรากแม่พวกเขาสองคนแม่ลูกอีกแล้ว
แต่ว่า ลูกชายของเธอไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับพวกเขาสองคนแม่ลูกกลับมา จนทำให้เธอไม่ได้พบหน้าหลานมาตลอดเลย นี่ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งจริง ๆ
แต่ว่า เธอคอยร้อนใจอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ถึงแม้ว่าดูไปแล้วเซี่ยชีหรั่นจะเป็นคนดูอ่อนโยนมาก แต่ว่านิสัยก็ดื้อรั้นสุด ๆ เหมือนกัน
เนี่ยนโม่หันกลับไปดูฝู้เฟิ่งหยี แล้วโบกไม้โบกมือให้เธออย่างมีความสุข “คุณย่าครับ แม่ของผมกลับมาแล้ว ผมจะกลับบ้านกับแม่แล้วนะครับ”
ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นในใจทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน นี่เป็นหลานของเธอ บ้านของเขาก็ควรจะเป็นที่นี่ถึงจะถูกซิ
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้น แล้วพูดขอบคุณอย่างเกรงใจกับเธอ “คุณป้า ขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่ช่วยหนูดูแล เนี่ยนโม่”
คำพูดประโยคนี้ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกไม่ชอบฟัง “ขอบคุณอะไรกัน? นี่เป็นหลานแท้ ๆ ของฉัน ฉันดูแลเขา ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา”
คำพูดประโยคนี้ทำให้เซี่ยชีหรั่นพูดอะไรไม่ออก เธอไม่วิธีอะไร จึงทำได้เพียงแต่เงียบกลับไปเท่านั้น
ในเมื่อเนี่ยนโม่ถือได้ว่าเป็นเด็กที่ฉลาด เขาดูออกอย่างรวดเร็วว่า วันนี้อารมณ์ของแม่เหมือนว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เขาดึงแขนเสื้อของเซี่ยชีหรั่นไว้ แล้วพูดออดอ้อนขึ้นว่า “แม่ครับ หนูอยากไปกินไอศกรีม แม่พาหนูไปกินหน่อยได้ไหมครับ?”
เซี่ยชีหรั่นอยากจะจากที่นี่ไปให้พ้น ๆ เร็ว ๆ อยู่แล้ว เธอจึงรีบพยักหน้าตกลง “ไป แม่พาหนูไปจ๊ะ”
หลังจากที่สองแม่ลูกออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ไปไม่นาน เย่เชินหลินก็จะลงมาจากชั้นบน
ฝู้เฟิ่งหยีพร่ำบ่นกับเขาขึ้นว่า “เป็นเพราะแกคนเดียว ทำไมถึงยอมตกลงให้เซี่ยชีหรั่นย้ายออกไป แกดูซิ ตอนนี้ฉันแค่อยากจะพบหน้าหลาน ยังต้องยากขนาดนี้! ฉันไม่สนแล้ว แกจะต้องรีบคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้ให้ฉันอย่างเร็วที่สุดให้ได้!”
ปฏิกิริยาบนในหน้าของเย่เชินหลินดูสบายเอามาก ๆ เขาก็พูดอย่างมั่นใจว่า “แม่วางใจเถอะ เร็ว ๆ นี้ แม่ก็จะสามารถเจอเนี่ยนโม่ได้ทุกวันแล้ว”
ฝู้เฟิ่งหยีนั้นค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวลูกชายคนนี้มาก ในเมื่อเขาสามารถพูดออกว่าได้ อย่างงั้นก็ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
“อย่างงั้นก็จะดีมากเลย หลายวันมานี้ ฉันคิดถึงเขาแทบแย่อยู่แล้ว”
แล้วเย่เชินหลินทำไมจะไม่คิดถึงพวกเขาแม่ลูกล่ะ?
ในเวลานี้ เขากลับรู้สึกของคุณจางชิงขึ้นมาเล็กน้อย ที่ทำให้เขาสามารถลงมือได้อย่างเปิดเผย สามารถพาพวกเขากลับมา ไม่งั้น จะต้องให้เขาตบปากตัวเองและปฏิเสธคำพูดที่เคยพูดไว้แล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ
จางชิงผู้หญิงคนนี้ คราวที่แล้วเขาก็ปล่อยเธอไปครั้งหนึ่งแล้วนะ แต่กลับยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แล้วก็มาจะคิดร้ายกับตัวเซี่ยชีหรั่นขึ้นอีกครั้ง นี่มันทำให้เขาทนแทบไม่ไหวอยู่แล้วนะ
ทีแรกยังเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ๆ จึงปล่อยเธอไปสักครั้ง แต่นี่เห็นได้ชัด ๆ ว่าเธอไม่รู้จักสำนึกเลย กลับยังออกมาทำร้ายคนอย่างดอกเบี้ยทบต้นอีกต่างหาก
ครั้งนี้ เขาจะต้องให้ผู้หญิงคนนี้ได้รับการสั่งสอนอย่างหลาบจำสักครั้ง จะต้องให้เธอไม่กล้ามาแหย็มกลับเขาในคราวหน้าอีก!
เย่เชินหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาลูกน้องฝีมือดีคนหนึ่งของตัวเอง “ไปจัดการเรื่องของจางชิงหน่อย ฉันไม่อยากจะเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในประเทศนี้อีก”
คำพูดเย็นชาแบบนี้ถูกพูดออกมาจากปากของเย่เชินหลิน แล้วก็สามารถตัดสินโชคชะตาของผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายแบบนี้
ตั้งแต่ที่จางชิงลงมือกับเซี่ยชีหรั่น ก็สมควรที่จะเตรียมตัวเตรียมใจจะต้องรับมือกับความโกรธของเขาแล้ว
ใครกล้าแตะเกล็ดมังกร ผู้นั้นก็ต้องตาย!
โดยเนื้อแท้มาพูดแล้วนั้น เย่เชินหลินนั้นไม่ใช่คนบ้าเลือดคนหนึ่ง ที่เขาพูดในที่นี้ว่า “ต่อไปไม่อยากจะเห็นผู้หญิงคนนี้อีก” ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาคนไปจัดการเธอให้สิ้นซาก แต่กลับแค่ไล่เธอไปให้ไกล ๆ และห้ามกลับเข้ามาในประเทศอีกก็เท่านั้น
เขาไม่ยินยอมให้มือทั้งคู่ของตัวเองเปื้อนเลือด เพราะผู้หญิงแบบนี้ สำหรับจางชิงมาพูดนั้น การทำให้เธอไม่ได้กลับบ้านเกิดตลอดชีวิต ก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่หนักอย่างหนึ่งแล้วเหมือนกัน
พอเซี่ยชีหรั่นพาเนี่ยนโม่กลับมาถึงที่พัก ก็เห็นว่าสวีเห้าเซิงกำลังยืนรอเธออยู่ที่ใต้ตึกแล้ว
เนี่ยนโม่กล่าวทักทายสวีเห้าเซิงอย่างดีอกดีใจ “สวัสดีครับ คุณลุงสวี!”
ท่าทางของสวีเห้าเซิงดูเหมือนจะเหนื่อยผิดปกติ บนใบหน้ายังมีไรหนวดสีเขียวคล้ำงอกออกมาอีกด้วย ดูทีเดียวก็สามารถทำให้คนมองออกได้ว่า เขาจะต้องไม่ได้นอนมาทั้งคืนแน่
และความจริงก็เป็นเช่นนั้น เมื่อคืนหลังจากที่เย่เชินหลินพาตัวเซี่ยชีหรั่นไปแล้ว สวีเห้าเซิงก็อยากจะตามไปด้วย แต่กลับโดนบอดี้การ์ดของเย่เชินหลินสกัดเอาไว้
สวีเห้าเซิงโทรศัพท์หาเซี่ยชีหรั่น แต่กลับไม่มีคนรับสาย สุดท้ายไม่มีทางอื่นแล้ว เขาจึงได้แต่ย้อนกลับมาที่ที่พักของเซี่ยชีหรั่น แล้วมารอเธอกลับบ้าน
เซี่ยชีหรั่นมองเขาอย่างเป็นกังวล “พี่สวี สีหน้าของคุณดูไม่ดีเลย เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เหรอคะ?”
เมื่อสวีเห้าเซิงเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ในใจก็รู้สึกโล่งใจได้ไปเปลาะหนึ่งแล้ว บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา “ยังดี ผมไม่เป็นอะไร ผมแค่เป็นห่วงนิดหน่อย”
จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปอุ้มเนี่ยนโม่ขึ้นมา “ เนี่ยนโม่ มา ให้ลุงดูหน่อยซิ หลายวันมานี้หนูอ้วนขึ้นหรือเปล่า”
เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างดีใจอยู่ในอ้อมอกของเขา เขากอดสวีเห้าเซิงเอาไว้ แล้วยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “หนูกินข้าวอย่างเชื่อฟัง และก็พักผ่อนอย่างดีด้วย เพราะฉะนั้น หนูก็ต้องอ้วนขึ้นอยู่แล้ว”
สวีเห้าเซิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “อืม เด็กดี เดี๋ยววันหลังลุงสวีจะพาหนูไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์เพื่อเป็นรางวัลนะ! ต่อไปหนูก็ต้องเชื่อฟังเหมือนเดิม อย่าให้แม่ต้องเป็นกังวลใจนะ ดีไหม?”
“ดีครับ!” เนี่ยนโม่ตอบรับเสียงดัง
เซี่ยชีหรั่นรับเนี่ยนโม่มาจากอ้อมอกของสวีเห้าเซิง แล้วพูดกับสวีเห้าเซิงอีกว่า “ขอบคุณนะคะ เมื่อคืนฉันดื่มเยอะไปหน่อย แล้วโดนพ่อของเนี่ยนโม่รับตัวไป ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
สวีเห้าเซิงพยักหน้า “อืม คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นผมไปก่อนนะ ไว้เราค่อยเจอกันที่บริษัทนะ”
“บาย บาย”
เซี่ยชีหรั่นขึ้นไปบนตึก แล้วส่งลูกให้กับพี่เลี้ยง จากนั้นก็เอาคอมพิวเตอร์ออกมา และก็เอางานที่เหลือจากเมื่อวานที่ยังทำไม่เสร็จออกมาทำต่อให้เสร็จ
ตอนยังไม่ถึงเที่ยงนั้น อยู่ ๆ พี่เลี้ยงก็รีบร้อนอย่างทำอะไรไม่ถูกพุ่งเข้ามาในห้องหนังสือ แล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นอย่างร้อนใจขึ้นว่า “แย่แล้วค่ะ เนี่ยนโม่เป็นไข้แล้ว”
อะไรนะ?
เซี่ยชีหรั่นผุดลุกยืนขึ้นอย่างเร็ว และสีหน้าเคร่งเครียด “เขาเริ่มเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
พี่เลี้ยงพูดขึ้นอย่างน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “ฉันก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งป้อนข้าวเขาเสร็จ แล้วก็พาเขาเข้านอน พอฉันเห็นเขาหลับแล้ว ก็เลยไปล้างจาน ใครจะไปรู้ พอฉันกลับมาถึงห้องนอนอีกครั้ง ก็พบว่าเขาหน้าแดงก่ำและกำลังร้องไห้อยู่”
ในช่วงที่พี่เลี้ยงกำลังพูดไปนั้น เซี่ยชีหรั่นก็ได้เดินมาถึงห้องนอนแล้ว
เนี่ยนโม่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอ่อนเพลีย และยังร้องไห้สะอื้นเสียงเบาอยู่
เขาร้องไห้จนหัวใจของเซี่ยชีหรั่นเกือบจะแตกสลายไปแล้ว เธอรีบเดินเข้าไปอุ้มลูกขึ้นมา และถามเขาอย่างร้อนใจว่า “ลูกรัก หนูบอกแม่มาซิ ตอนนี้ยังมีตรงไหนที่หนูรู้สึกไม่สบายอีกไหม?”
เนี่ยนโม่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ไม่มีครับแม่ หนูแค่รู้สึกว่าไม่มีแรงทั้งตัวเลยครับ”
เซี่ยชีหรั่นเอามือแตะที่หน้าผากของเขา แล้วก็พบว่าอุณหภูมิสูงจนน่าตกใจ ร้อนจนรู้สึกลวกมือแล้ว
เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เซี่ยชีหรั่นรีบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วพาเนี่ยนโม่ไปโรงพยาบาลเลย
ที่โรงพยาบาล หมอได้ตรวจร่างกายให้เนี่ยนโม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็ได้ฉีดยาลดไข้ให้กับเขา และสั่งยาให้อีกหน่อย
“เด็กดูปกติทุกอย่าง กลับบ้านไปเฝ้าดูอาการก่อนแล้วกัน ถ้าไข้ยังไม่ลด ก็ให้กินลดไข้สีแดงครึ่งเม็ดนะ”
หมอที่ใส่แว่นไว้และดูอ่อนโยนกำชับขึ้นอย่างละเอียด ท่าทีของเขานั้นดีมาก จนทำให้จิตใจของเซี่ยชีหรั่นที่กำลังร้อนใจจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
เนี่ยนโม่ยังมีสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ว่า เขาก็ยังคงพูดขอบคุณกับคุณหมออย่างมีมารยาท “ขอบคุณครับคุณลุง ผมจะต้องรีบๆหายแน่นอนครับ”
พอเดินออกมาจากโรงพยาบาล แต่ยังไม่ถึงที่รถ เซี่ยชีหรั่นก็โดนบอดี้การ์ดของเย่เชินหลินสกัดตัวเอาไว้ “คุณเซี่ย คุณชายเย่อยากเจอคุณกับคุณชายน้อยครับ”
ในเวลานี้ในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นทั้งเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย เมื่อกี้เธอก็ตกใจเพราะว่าลูกชายเป็นไข้สูง ตอนนี้สภาพจิตใจยังไม่ทันได้ฟื้นฟูกลับมาเลย
แต่ปรากฏว่าเย่เชินหลินกลับยิ่งมาราดน้ำมันบนกองไฟอีก และยังจะบีบบังคับเธออีก
ถึงแม้เซี่ยชีหรั่นจะนิสัยดีแค่ไหนก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องระเบิดอารมณ์สักหน่อยแล้ว “เขามีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่ใช่ลูกน้องของเขาสักหน่อย แล้วทำไมเขาให้ฉันไปหาฉันก็จะต้องไปด้วยล่ะ? พวกนายกลับไปบอกเขาเลยนะว่า ฉันไม่มีเวลา แล้วก็ไม่อยากจะเจอเขาด้วย!”
การมองข้ามกฎหมายของพวกบอดี้การ์ดก็ดื้อดึงมากเช่นกัน “คุณเซี่ย โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากเลยครับ ทางที่ดีที่สุดคุณไปกับพวกเราสักครั้งเถอะครับ”
ฝันไปเถอะ?
ความโกรธของเซี่ยชีหรั่นอยู่ ๆ ก็ระเบิดขึ้นมา แต่เพื่อไม่ให้เนี่ยนโม่ตกใจ เธอก็เลยพยายามข่มเสียงให้ต่ำเข้าไว้ “พวกนายฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ฉันบอกว่าไม่ไปไง พวกนายฟังไม่เข้าใจเหรอ? ถอยไปเลยนะ ฉันยังมีธุระอีก อย่ามาขวางทางฉัน!”
บอดี้การ์ดทั้งสามคนมองหน้ากันคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่รู้จะทำยังไง แล้วก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้สองแม่ลูกเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นอุ้มเนี่ยนโม่ไว้แน่น และจ้องพวกเขาอย่างระแวดระวัง “พวกนายจะทำอะไร? ที่โล่งแจ้งกลางวันแสก ๆ แบบนี้ พวกนายยังกล้าจับตัวคนอีกเหรอ?”
และโชคไม่ดีเท่าไหร่ ที่คำพูดของเซี่ยชีหรั่นพูดได้ถูกต้องแล้ว
เห็นแค่บอดี้การ์ดสองคนเดินหน้าเข้ามาแล้วจับแขนของเซี่ยชีหรั่นไว้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะใช้แรงไม่เยอะ และไม่สามารถทำให้เธอบาดเจ็บได้ แต่ก็กลับฉุดรั้งเธอไว้ได้สำเร็จ
และบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนก็เข้ามาแย่งอุ้มเนี่ยนโม่ไปจากเธออย่างรวดเร็ว
เนี่ยนโม่ยังคงสะลึมสะลืออยู่ แต่ว่าพอเขาเห็นปฏิกิริยาบนใบหน้าของแม่ไม่ค่อยดี น้ำเสียงก็ดูโกรธจัดมาก เขาจึงเริ่มร้องไห้ตะโกนขึ้นมาเสียงดังทันที
“ปล่อยผมนะ! คนชั่ว! พวกคุณปล่อยแม่ผมนะ ผมจะไปหาแม่……”
เนี่ยนโม่ร้องไห้จนฟ้าถล่มดินทลาย ในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นเจ็บปวดจนเกินปกติ
พวกบอดี้การ์ดกลับไม่สะทกสะท้าน รอจนพวกบอดี้การ์ดพาตัวเนี่ยนโม่ไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นถึงโดนปล่อยตัวออก
บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดอย่างมีมารยาทกับเธอว่า “ต้องขอโทษด้วยครับที่ล่วงเกินแล้ว ถ้าหากว่าคุณอยากจะเจอคุณชายน้อยละก็ ก็เชิญคุณไปกับเราเถอะครับ”
เซี่ยชีหรั่นลูบแขนของตัวเองไว้อย่างเย็นชา และจ้องเขาและพูดขึ้นว่า “ไป ฉันจะกล้าไม่ไปได้ยังไงล่ะ! พวกนายมันสารเลวจริง ๆ กล้าจับตัวลูกชายฉันไปเป็นตัวประกัน เพื่อให้ฉันยอมเชื่อฟัง! แล้วฉันจะกล้าไม่ฟังได้ที่ไหนกันล่ะ?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset