สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1238 สาวใช้ของคุณชายเย่1138

บทที่1238 สาวใช้ของคุณชายเย่1138
ท่ามกลางแสงอันมืดสลัว เซี่ยชีหรั่นสั่นเล็กน้อย มือของเธอถูกเย่เชินหลินจุดไฟจนร้อนรุ่ม อยากจะดึงมือออกมา แต่ดึงหลายครั้งแล้วกลับดึงไม่ออก
“เหอะ ๆ !”เย่เชินหลินเผยเสียงหัวเราะอึมครึมออกมา พร้อมหน้าอกที่สั่นไหว ยิ่งทำให้เซี่ยชีหรั่นที่เขินอายมากอยู่แล้วยิ่งหน้าแดงไปอีก
อยากจะหลบหลีกจากร่างกายที่เร่าร้อนของชายคนนี้ แต่ก็กลับถูกเขาดึงข้อเท้าอย่างง่ายดาย แล้วกลับมายังท่าเดิมอีกครั้ง “เซี่ยชีหรั่น อยากจะต่อรองกับผมเหรอ งั้นก็ทำให้ผมพอใจเถอะ”เย่เชินหลินแสดงความกระหายออกมาอย่างพอใจ แสงไฟสลัวบดบังท่วงทำนองรักของพวกเขาพอดี
สนามบินออสเตรเลียทั้ง 3 คนเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก ชาย 2 คนมีรูปร่างหน้าตาดีทั้งคู่ คนหนึ่ง คนหนึ่งหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ส่วนอีกคนหนึ่งก็น่ารักมา ส่วนผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางท่ามกลางการปกป้องของชายทั้ง 2 คนนี้แม้ว่าจะใส่ชุดกระโปรงเรียบๆแต่ราคาแพงลิ่ว แม้ไม่แต่งหน้าแต่กลับทำให้สายตาของคนอื่นจับจ้องเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเทียนอย่าดื้อ นายดึงพี่แบบนี้ พี่จะเดินได้ยังไงล่ะ!”เซี่ยชีหรั่นสะบัดมือซ้ายที่ถูกเขาจับไว้แน่นเบา ๆ พลางพูดขึ้นอย่างจนปัญญา
“โธ่เสียวหรั่นนายลำเอียงหนิ พี่ก็อยากจับมือนายเหมือนกัน”ruiki ยิ้มพลางจูงมือขวาของเซี่ยชีหรั่น
รถขับมาถึงยังคฤหาสน์ขนาดใหญ่โตมหึมา เซี่ยชีหรั่นลงจากรถ คนใช้ก็เข้ามาช่วยย้ายสัมภาระอย่างอัตโนมัติ“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายของคฤหาสน์เราพาผู้หญิงกลับมาที่คฤหาสน์” ชายไว้เคราแพะคนหนึ่งมองไปยังเซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางพูดขึ้น จากนั้นก็เบนสายตาไปยังเสี่ยวเทียนที่เกาะเซี่ยชีหรั่นอยู่ไม่ห่าง
“เสี่ยวเทียนลูกชายของแม่!”ทำไมยังไม่เข้าไปในบ้านอีก ร่างของคน ๆ หนึ่งพุ่งเข้ามาถึงตัวเสี่ยวเทียนและกอดเสี่ยวเทียนไว้แน่นเสี่ยวเทียนร้องด้วยเสียงที่โศกเศร้าว่า:“เห็ดชีหรั่นรีบมาช่วยเห็ดเสี่ยวเทียนหน่อย ร่างของผมใกล้จะแยกออกจากกันแล้ว!”
เสี่ยวเทียนดิ้นรนอยากจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยชีหรั่น ร่างที่สูงกว่าเซี่ยชีหรั่นดูเหมือนเป็นคนขี้เล่น
“หลายปีผ่านไปแล้ว ทำไมเด็กคนนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นเห็ดอยู่อีกล่ะ!”ผู้หญิงคนนั้นเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นสายตาก็มองไปยังเซี่ยชีหรั่น
“นี่คือ?”ผู้หญิงคนนั้นถามขึ้นด้วยความสงสัย
“นี่คือเซี่ยชีหรั่น เพื่อนของผม!”ruikiแนะนำอย่างรีบร้อน
ผู้หญิงคนนั้นร้องขึ้นด้วยความตกใจ:“ฉันจำได้แล้ว คุณคือนักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียงท่านนั้นของอิตาลี่ใช้ไหมคะ ฉันมีอัญมณีหลายเซตที่คุณเป็นคนออกแบบ!”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางโบกมือ:“ฉันไม่ใช่นักออกแบบที่มีชื่อเสียงของอิตาลี่หรอกค่ะ ฉันมีสัญชาติจีน”
ผู้หญิงคนนั้นมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความพึงพอใจ จากนั้นหันไปพูดกับruikiว่า:“ในบรรดาแฟนสาวของลูก แม่ว่าเซี่ยชีหรั่นคนนี้แหระที่ดูเหมาะสมกับลูกมากที่สุด ลูกสะใภ้คนนี้แม่พอใจมาก!”
Ruikiยังไม่ทันได้อธิบายอะไรผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกับกระแสลมโหมกระหน่ำสั่งให้คนใช้จัดเตรียมอาหารเย็น ruikiรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นกดรับ น้ำเสียงของเย่เชินหลินทุ้มต่ำน่าฟัง
“ถึงแล้วเหรอ?”
“อืม”เซี่ยชีหรั่นตอบกลับเบา ๆ หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เสี่ยวเทียนจูงมือเซี่ยชีหรั่นไม่ยอมปล่อย เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงยกมือขึ้นสูงพลางร้องเสียงโหวกเหวก:“เสี่ยวเทียนอย่ากอดฉันแน่นสิ อย่าแย่งโทรศัพท์ของฉัน”
น้ำเสียงของเย่เชินหลินแหลมสูงขึ้นเล็กน้อย:“เสี่ยวเทียน?กอดคุณ?”
“ไม่ใช่คะ เขาก็แค่จับมือฉันไม่ยอมปล่อย?”เซี่ยชีหรั่นรีบอธิบายอย่างรีบร้อน
“ลูกสะใภ้ คุณชินกับการทานอาหารฝรั่งรสชาติอ่อนไหม”แม่ของ ruiki ตะโกนอยู่ด้านนอกสวนดอกไม้
“ลูกสะใภ้?”น้ำเสียงของเย่เชินหลินแฝงไว้ด้วยความสงสัย แต่ว่าจู่ ๆ เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกว่าเธอเหงื่อตกท่วมตัว
“คืนนี้ฉัน!คืนนี้ฉันจะโทรหาคุณ!”หลังจากที่วางสาย เซี่ยชีหรั่นจึงรู้ตัวว่าตนกล้าตัดสายของเซี่ยชีหรั่นทิ้ง
Ruiki มองดูแววตาเสียใจภายหลังของเซี่ยชีหรั่นคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า:“เป็นอะไรไปครับ?”
สถานการณ์ภายในประเทศ สีหน้าของเย่เชินหลินไม่สู้ดีนัก เขารีบหันไปกำชับจางเฟิงอี้ว่า:“ไปจัดการเรื่องนี้ให้ผมให้เรียบร้อยภายใน 3 วัน!”
จางเฟิงอี้ลูบหัวมองไปยังเย่เชินหลิน ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ฝ่ายตรงข้ามถึงให้รีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เขาทำได้เพียงพยักหน้ารับปาก
“อ๊วก อ๊วก” ซือซือนอนคว่ำหน้าอยู่ที่ชักโครกอาเจียนอย่างทุกข์ทรมาน เธอลูบไปที่ท้องเบา ๆ แสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ สีหน้าของซือซือไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังรู้สึกโกรธแค้นเซี่ยชีหรั่นมากขึ้นอีกขึ้นหนึ่ง
วันรุ่งขึ้นในวันแถลงข่าว มีเด็กกลุ่มหนึ่งหลั่งไหลเข้ามา พูดสิ่งที่มูลนิธิอ้านซิงของบริษัทเย่ซื่อได้ทำให้กับพวกเขา ประชาชนจำนวนหนึ่งก็ได้ออกมาให้กำลังใจบริษัทเย่ซื่อ
นักข่าวพูดจาฉะฉานพร้อมมีหลักฐานอ้างอิง อยากจะสัมภาษณ์ประธานกรรมการบริษัทเย่ซื่อแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนแล้ว เหลือเพียงผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ ที่ชื่อจางเฟิงอี้
ภายในโรงพยาบาลศัลยกรรม เซี่ยชีหรั่นมองไปยังruiki ที่ถูกนำตัวไปอย่างเบื่อหน่าย“ชีหรั่นสุดที่รัก คุณว่าการที่ผมเพิ่มรอยแผลเป็นที่หนึ่งจะทำให้ผมดูน่าเกลียดไหม!”ruiki ร้องตะโกนออกมา
เซี่ยชีหรั่นจูงเสี่ยวเทียนมาอยู่ข้างกายของruiki สีหน้าของruikiจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม:“เพื่อเสี่ยวเทียน!ผมสู้ตาย!”
แสงไฟของห้องผ่าตัดเปิดขึ้น เซี่ยชีหรั่นพาเสี่ยวเทียนมานั่งรอบริเวณทางเดิน พยาบาลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามขนแฟ้มเอกสารแฟ้มใหญ่ออกมา
หลังของเสี่ยวเทียนไปชนกับพยาบาลพอดี ทำให้ทั้ง2ปะทะกันอย่างจัง เอกสารปลิวว่อนบนอากาศ
“ขอโทษนะคะ เด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจค่ะ!”เซี่ยชีหรั่นรีบพยุงพยาบาลขึ้นมา และให้เสี่ยวเทียนช่วยเก็บเอกสารที่กระจายอยู่บนพื้นทั้งหมดขึ้นมา
“พี่เห็ด พี่สาวคนนี้สวยจังเลย!”เสี่ยวเทียนยื่นรูปใบหนึ่งให้กับเซี่ยชีหรั่น
สายตาของพยาบาลพูดขึ้นจากความรู้สึกลึก ๆ ว่า:“ใช้แล้ว โครงสร้างกระดูกของผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย หน้าตาก็สะสวย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นเป็นตายยังไงเธอก็จะทำศัลยกรรมให้ได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้หญิงคนนั้นยังมาที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามอาการใบหน้าบวมเล็กน้อย”
เซี่ยชีหรั่นอยากเห็นรูปหลังศัลยกรรมเสร็จ และเมื่อมองดูผู้หญิงในรูปที่ศัลยกรรมเรียบร้อยแล้วก็ตกใจจนพูดไม่ออก:“ส้งหลิงหลิง!”
เธอร้อนใจจนต้องคว้าแขนของพยาบาล เซี่ยชีหรั่นถามขึ้นว่า:“พยาบาล บอกฉันได้ไหมคะว่า ผลการทำศัลยกรรมของผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
พยาบาลพยักหน้าพลางพูดขึ้นว่า:“ปกติจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล แต่ว่าคนโดยทั่วไปจะไม่สามารถดูข้อมูลได้ค่ะ”
หลังจากที่พยาบาลจากไป เซี่ยชีหรั่นก็ลุกขึ้นอย่างขวัญหนีดีฝ่อ และพบว่าเสี่ยวเทียนไม่อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
“เสี่ยวเทียน เสี่ยวเทียนนายอยู่ที่ไหน?”เซี่ยชีหรั่นตามหาทีละห้อง ๆ กระทั่งมาถึงห้องเก็บเอกสารสําคัญ เซี่ยชีหรั่นนึกถึงใบหน้าของส้งหลิงหลิง และผลักประตูเข้าไปอย่างอัตโนมัติ
ข้อมูลที่อยู่เต็มแฟ้มเป็นข้อมูลของผู้ป่วยศัลยกรรมแต่ละคน เซี่ยชีหรั่นค้นหาอย่างรีบร้อน ในที่สุดก็เจออยู่อีกด้านหนึ่ง “แฟ้มของส้งหลิงหลิง”
เธอดึงแฟ้มออกมาด้วยอาการสั่น รูป 2 รูปที่แตกต่างกันทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจจนต้องถอยหลัง แทบจะยืนไม่อยู่
“ซือซือก็คือส้งหลิงหลิง”นึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกสายตาของฝ่ายตรงข้ามมีประกายของความแค้นออกมา เซี่ยชีหรั่นรู้สึกตกใจ
ไม่รู้ว่าตนเองจะเดินกลับไปที่เดิมอย่างไร ก็ถูกโอบไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่น เซี่ยชีหรั่นร้องเสียงแหลมอย่างอัตโนมัติว่า:“อย่า!”
เสียงร้องดังของเซี่ยชีหรั่นทำให้เป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วคลายมือของตนลงเบาๆ ตบไหล่ปลอบใจเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ ว่า:“ไม่เป็นอะไรแล้ว เซี่ยชีหรั่นไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เย่เชินหลิน?”เมื่อได้ยินเสียงของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นถึงได้ตื่นจากอารมณ์ของตนเอง
เมื่อเย่เชินหลินเห็นเซี่ยชีหรั่นนิ่งเงียบ ก็ถามขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ!”
เซี่ยชีหรั่นเอ่ยปากหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ซือซือก็คือส้งหลิงหลิงออกมา ยามค่ำคืน เซี่ยชีหรั่นอยู่บริเวณระเบียงที่กว้างขวาง จู่ๆ ท้องฟ้าที่เงียบเหงาก็ปรากฏพลุขึ้นดอกหนึ่ง ตามด้วยดอกที่ 2 และดอกที่ 3 ไม่นานบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยสีสัน
เซี่ยชีหรั่นมองดูท้องฟ้าหลากสีอย่างเลื่อนลอย ทอดถอนใจพลางพูดขึ้นว่า:“สวยจังเลย”
เย่เชินหลินค่อย ๆ จับไหล่ของเซี่ยชีหรั่น ดูพลุและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้วยกัน
“ขอบคุณนะคะ!”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นเบา ๆ
เย่เชินหลินมองไปที่เซี่ยชีหรั่น สีหน้าเรียบเฉย จูงมือเซี่ยชีหรั่นมากุมไว้ เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
ใบหน้าของซือซือและส้งหลิงหลิงวนเวียนอยู่ในหัวของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นชะงักพลางถามขึ้นว่า:“คุณยังจำตูตูได้ไหม?”
เย่เชินหลินลูบฝ่ามือของเซี่ยชีหรั่น ถามขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่า:“อาการผิดปกตของคุณในวันนี้ก็เพราะตูตู?”
เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะ:“ก็ไม่ทั้งหมด เพียงแต่จู่ ๆ ก็นึกถึง”
เย่เชินหลินมองออกไปไกล แววตาคลุมเครือ แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนและมีเมตตาของผู้เป็นพ่อ:“ตูตูเป็นลูกของผมเย่เชินหลินตลอดไป”
ใจของเซี่ยชีหรั่นจู่ ๆ ก็สงบลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นภาพที่ตูตูกำลังจับมือของเธออยู่ ส้งหลิงหลิงน่าสงสารเกินไป แม้จะทำเพื่อตูตู แต่เธอก็ไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับเย่เชินหลินได้
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็เงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างสดใส:“พลุของวันนี้สวยมากเลยนะคะ!”
ในขณะที่ruikiยังอาลัยอาวรณ์ เย่เชินหลินก็ยังคงอยากจะพาเซี่ยชีหรั่นกลับประเทศจีน ยัดแครอทใส่ไว้ในถ้วยของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า:“กินให้หมด”
เซี่ยชีหรั่นทอดถอนหายใจ เขี่ยแครอทมาไว้ด้านล่างของชามข้าว แววตาของเย่เชินหลินกวาดสายตาเบา ๆ มาหยุดบริเวณด้านในของชามข้าว เซี่ยชีหรั่นจำต้องคีบแครอทมาแล้วกินมัน
“เจ้านายเย่!”โจ๋ซวนกับไห่ลี่หมินผลักประตูเข้าไป ไห่ลี่หมินมองไปยังใบหน้าจิ้มลิ้มของเซี่ยชีหรั่นที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ มองไปยังแครอทพลางถามขึ้นว่า:“เลือกทานอาหารอีกแล้วเหรอ”
หลินหลิงพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า:“เจ้านายเย่ยุ่งมากพอแล้ว อย่าเพิ่มภาระให้กับเขาอีกเลย รีบกินแครอทให้หมดซะ!”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทั้ง 3 คน เซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ พุ้ยแครอทด้วยตะเกียบ หลินหลิงมองไปยังเย่เชินหลิน:“เจ้านายเย่เรื่องของมูลนิธิฉันทราบเรื่องแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่!”
“มูลนิธิ?เกิดอะไรขึ้นกับมูลนิธิ?”เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นถาม
ไห่ลี่หมินกับหลินหลิงประสานสายตากันครู่หนึ่ง:“ชีหรั่น โจ๋ซวนสุดที่รักของพวกเราก็มาด้วย เขาคิดถึงคุณมาก”
“โจ๋ซวน!”เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ โจ๋ซวนกับเนี่ยนโม่อายุห่างกันแค่ปีเดียว เซี่ยชีหรั่นเห็นโจ๋ซวนเป็นเสมือนลูกชายแท้ ๆ ของตนเองเสมอมา
หลังจากที่ไห่ลี่หมินกับเซี่ยชีหรั่นจากไปแล้ว หลินหลิงก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า:“เรื่อง ๆ นี้ กรรมการบริษัทของตระกูลหลินไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้จะเป็นคนเอ่ยขึ้น”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset