สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1237 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1137

บทที่ 1237 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1137
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างประหลาด ซือซือรับโทรศัพท์พูดพลางพูดกระซิบกระซาบ หลังจากวางสายลงก็ออกไปข้างนอก ท่ามกลางริมแม่น้ำที่มืดสลัว ซือซือพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า:
“ฉันจ่ายเงินให้กับพวกนายกว่า 2 ล้านหยวน ไม่ใช่ให้พวกคุณถูกเย่เชินหลินเล่นงานจนหัวหมุน แล้วก็ไม่ใช่ให้พวกนายต้องมารบกวนฉันดึกดื่นเที่ยงคืน!”
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่า :“ไม่ใช่ว่าคุณเรียกพวกผมมาเหรอครับ!”
“แล้วทำไมฉันจะต้องเรียกให้พวกนายออกมาด้วย!สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เจอหน้ากันเป็นดีที่สุดไม่ใช่เหรอ?” ซือซือคำรามด้วยความไม่พอใจ พยายามกดที่ลำคอเพื่อไม่ให้ความสะอิดสะเอียนปะทุออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ทั้ง 2 เบนสายตาไปยังเงาดำของคนที่เดินออกมา ซือซือพูดขึ้นกับหลินเจี๋ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“คุณไม่ควรทำแบบนี้”
หลินเจี๋ยยักไหล่ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นกัน:“ประโยคนี้ผมควรจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่านะ ทำไมจะต้องพุ่งเป้าไปที่เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลิน?”
ซือซือบ่นพึมพำว่า:“ใช่ คุณคิดว่าเพราะอะไรกันล่ะ?”หลินเจี๋ยขมวดคิ้วมองดูซือซือที่กำลังยิ้มอย่างเบิกบานใจ จากนั้นมีเสียงดังขึ้นบริเวณท้ายทอย และเขาก็สูญเสียการตอบสนอง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เย่เชินหลินโอบไหล่เซี่ยชีหรั่นมองดู ruiki ด้วยสีหน้าที่เย็นชา จู่ruikiก็เอ่ยชมเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่รู้อะไรว่า:“ชีหรั่นตั้งแต่คุณลาออกจากงาน พวกเราก็เหงากันมากเลย แต่คุณกลับสวยวันสวยคืนเลยนะ!”
เย่เชินหลินส่งสายตาคมกริบไปยัง ruiki พลางโอบไหล่เซี่ยชีหรั่นแล้วคิดเดินจากไป ruikiiu รีบโบกมือพลางพูดขึ้นว่า:“ผมมีเรื่องสำคัญ”
เซี่ยชีหรั่นตบที่มือของเย่เชินหลินเบา ๆ พร้อมกลับไปนั่งบนโซฟา พลางถามขึ้นว่าruiki:“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
Ruiki พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า:“ก่อนหน้านี้ที่คุณถูกโยวเล่อใส่ร้าย คุณหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชใช่ไหม คุณบอกว่าคุณเจอวัยรุ่นคนหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด”
Ruiki ยังไม่ทันพูดจบ ของเซี่ยชีหรั่นติดเป็นเงาตามตัว นี่เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเย่เชินหลินมาโดยตลอด ruiki ร้องเพื่อหลบ สายตามองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างตั้งใจ
เซี่ยชีหรั่นคิด แล้วตอบกลับว่า:“คน ๆ นั้นเป็นคนหล่อคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลหยักโศกเล็กน้อย แล้วก็ยังมีดวงตาสีน้ำตาลที่สวยงามมากคู่หนึ่ง”
แววตาของ ruiki เป็นประกาย พูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า:“เขาชอบพูดว่าตนเองเป็นเห็ดเล็กใช่ไหม!”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ruiki เอนหัวอยู่บนโซฟา ดวงตาเปล่งแสงของน้ำตาออกมาอย่างคาดไม่ถึง เซี่ยชีหรั่นตบมือและอุทานด้วยความตกใจว่า:“ใช่แล้ว เขาบอกว่า เขามีพี่ชายคนหนึ่ง ฉันอยากจะพาเขาออกจากที่นั่น แต่เขาบอกว่าเขาจะรอพี่ชายของเขาอยู่ที่นี่”
“ผมเป็นพี่ชายของเขา!”แววตาของruikiเปร่งประกายแสงของน้ำตาออกมา:“น้องชายของผม เป็นน้องชายที่ผมเลี้ยงมา ตอนเด็กก็ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป เขาหายไปตอนที่พวกเรามาเที่ยวประเทศจีน 10ปีมานี้พวกเราตามหาเขามาโดยตลอด!”
เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า:“ดังนั้น!”
Ruiki คิดจะก้าวเข้ามาข้างหน้าเพื่อที่จะรั้งเซี่ยชีหรั่น แต่ถูกสายตาของเย่เชินหลินห้ามไว้ ทำได้เพียงดึงมือกลับมา:“ฉันหวังว่าคุณจะไปที่นั้นเป็นเพื่อนผมอีกสักครั้ง ผมเป็นกังวลว่าเขาจำผมไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเขาน่าจะจำคุณได้ ความจำของเขาดีมาโดยตลอด”
เย่เชินหลินไม่แม้แต่จะคิด:“ผมปฏิเสธ!”
Ruikiมองไปที่เซี่ยชีหรั่นด้วยสีหน้าอ้อนวอน เซี่ยชีหรั่นปลอบโยนruiki จากนั้นหันศีรษะมาพูดกับเย่เชินหลินว่า:“ฉันอยากไป ฉันจะไป”
เย่เชินหลินฮึงด้วยน้ำเสียงเย็นชา สะบัดมือแล้วจากไป ในห้องหนังสือ นิ้วทั้ง10ของเย่เชินหลินอยู่ไม่สุข เขาไม่อาจอ่านรายงานที่อยู่ในมือต่อไปได้
มีเสียงเคาะดังเบา ๆ มาจากด้านนอก น้ำเสียงของเซี่ยชีหรั่นดังเข้ามา:“สามารถเข้าไปได้ไหมคะ?”
สมาธิของเย่เชินหลินไม่สามารถกลับไปยังรายงานฉบับนั้นได้แล้ว เขาจ้องมองไปที่ประตูห้อง ราวกับกำลังจ้องมองเซี่ยชีหรั่นอยู่
เสียงเคาะประตูดังเพียง 3 ครั้ง ตามมารยาท จากนั้นก็หายไป คิ้วของเย่เชินหลินขมวดเข้าหากัน แก้วกระดาษที่อยู่ในมือถูกกำแน่นจนเปลี่ยนรูปร่าง
เสียงของเซี่ยชีหรั่นดังขึ้นอีกครั้ง:“ถ้าคุณไม่พูดแสดงว่าคุณรับปากแล้วนะคะ?”มองดูประตูที่ถูกเปิดออก อารมณ์ของเย่เชินหลินดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
“ถ้าจะมาพูดให้เห็นใจ ผมไม่เห็นด้วย”เขากวาดสายตามองไปที่คอมพิวเตอร์ เย่เชินหลินใช้หางตาเหลือบมองปฏิกิริยาตอบกลับของเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่เบื้องหน้าของเย่เชินหลิน มีเพียงโต๊ะตัวหนึ่งที่ขวางอยู่ พูดกับเย่เชินหลินด้วยความเขินอาย คุณเขยิบร่างกายเข้ามาใกล้ ๆ หน่อยได้ไหม
ความต้องการอะไรกันนี่?เย่เชินหลินมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างสนอกสนใจ เซี่ยชีหรั่นร้อนใจเล็กน้อย เร่งพูดขึ้นว่า:“เขยิบไปข้างหน้าหน่อย”
เย่เชินหลินยืนขึ้น เซี่ยชีหรั่นถูกโอบด้วยเงาอันสูงใหญ่ของเขา เซี่ยชีหรั่นเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากของเย่เชินหลินเบา ๆ หลังจากนั้นก็คิดจะจากไป
เย่เชินหลินใช้แรงจากมือซ้ายจับที่ท้ายทอยของเซี่ยชีหรั่น ไม่ยอมให้เซี่ยชีหรั่นปฏิเสธที่จะดื่มด่ำจูบที่ใกล้ชิดที่สุดกับตนได้ง่ายๆ
เขายิ้มต่ำและปล่อยเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินยกคิ้ว:“คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีไปได้ง่าย ๆ เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าเพื่อปกปิดสีแดงระเรื่อที่ปรากฎอยู่บนใบหน้า พลางพูดขึ้นเบา ๆ ว่า:“ฉันจำเป็นต้องไปกับ ruiki”
สีหน้าของเย่เชินหลินเย็นชา:“ในเมื่อตัดสินใจแล้ว จะมาขอความคิดเห็นจากเขาทำไม”
เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะ พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า:“ตอนที่ฉันโดดเดี่ยวไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร เสี่ยวเทียนเป็นคนช่วยเหลือฉัน ไม่งั้นฉันก็คงจะเป็นบ้าอยู่ในนั้น”
สายตาของเซี่ยชีหรั่นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง มีความตั้งใจและไม่สามารถหลบหลีกได้ เย่เชินหลินเหลือบมองเซี่ยชีหรั่นครู่หนึ่งและเดินผ่านเซี่ยชีหรั่นไป
เมื่อหันกลับมาเห็นแววตาผิดหวังของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า:“อยู่ข้าง ๆ กายผม อย่าเดินหายไปไหนล่ะ”
เมื่อกลับสถานที่นั้นอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นเดินตามเย่เชินหลินไป มีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาทั้ง2เต็มไปหมด ทั้ง4 ด้านมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หมอที่เคยจับเซี่ยชีหรั่นมัดไว้ เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นก็หวาดกลัว จนต้องถอยหลังไปด้วยใบหน้าสีเขียว!
“คุณหมอ คุณหมอคะ!” เซี่ยชีหรั่นเรียกคุณหมอขณะที่คุณหมอกำลังจะหันกลับไป คุณหมอหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อกวาดสายตามองเย่เชินหลินก็ยิ่งก้มหน้าอย่างถ่อมตัว
“เสี่ยวเทียนอยู่ไหมคะ?”เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางถามขึ้น
หมอถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งในใจ รีบตอบขึ้นอย่างตะลีตะลานว่า:“กำลังถอนหญ้าอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลครับ!”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้ารีบไปด้านหลังโรงพยาบาลอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดเรื่องอะไรอยู่จึงหันกลับมาแล้วพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอที่ตอนนั้นหมอแค่จับฉันมัด ไม่ได้อุดปากของฉันไว้”
“ไม่··ไม่ต้องเกรงใจครับ”หมอเม้มริมฝีปากแน่น มองดูเย่เชินหลินที่ค่อย ๆ ประชิดเข้ามาใกล้
“เสี่ยวเทียน?”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นกับเด็กชายที่กำลังหันหลังถอนหญ้าอยู่เสี่ยวเทียนหันศีรษะมามองเซี่ยชีหรั่น พลางร้องเสียงสะอื้นรีบวิ่งมากอดเซี่ยชีหรั่น :“เห็ดใหญ่ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นลูบหลังของเสี่ยวเทียนเพื่อปลอบโยน วินาทีต่อมาเสี่ยวเทียนที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอก็ถูกผลักไปอยู่เบื้องหน้าของruiki เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น เย่เชินหลินโอบกอดเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น สีหน้าจ้องมองเสี่ยวเทียนและ ruiki อย่างไม่เป็นมิตร
“เสี่ยวเทียน นายยังจำพี่ได้ไหม?”ruiki ถามขึ้นอย่างอ่อนโยน
“พี่ชาย?”เสี่ยวเทียนร้องเรียก ruiki พยักหน้าอย่างดีอกดีใจ:“ใช่ ใช่!เป็นพี่เอง!”
เสี่ยวเทียนหันศีรษะมามองruiki จู่ ๆ ก็ใช้มือผลัก ruik อย่างรังเกียจ พลางชี้ไปที่ใบหน้าของ ruikiและพูดขึ้นว่า:“บนใบหน้าของพี่ชายผมมีรอยแผลเป็นอยู่รอยหนึ่ง ตอนที่ผมเหลาดินสอไม่ทันระวังเลยบาดเข้า คุณไม่มี คุณไม่ใช่พี่ชายผม!”
เมื่อเสี่ยวเทียนพูดจบก็วิ่งมาหาเซี่ยชีหรั่น ดวงตาน่ารักคู่นั้นส่องประกาย ขนตายาวนั้นมีคราบน้ำตาอยู่ เย่เชินหลินยกคิ้วประคองเซี่ยชีหรั่นย้ายไปอีกที่หนึ่ง เย่เชินหลินยักคิ้วพลางโอบกอดเซี่ยชีหรั่นแล้วย้ายไปอีกที่หนึ่ง และใช้นิ้วมือนิ้วหนึ่งห้ามปราบเสี่ยวเทียน ที่กำลังหาวิธีอยากจะให้เซี่ยชีหรั่นอุ้ม พูดขึ้นกับ ruikiอย่างเย็นชาว่า:“หาวิธีพาคนของคุณกลับไป”
Ruiki ยิ้มอย่างขมขื่น:“ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้ประสีประสา เห็นว่ารอยแผลเป็นน่าเกลียดจึงไปทำศัลยกรรม คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนั้นจะจำได้แค่รอยศัลยกรรมนั้น”
แววตาของruikiมองไปยังเซี่ยชีหรั่น ขอร้องอย่างเต็มกำลังว่า:“ชีหรั่นผมขอร้องคุณล่ะ ช่วยปลอบเสี่ยวเทียนหน่อย อีกไม่นานผมจะพาเขากลับไปที่ ออสเตรเลีย”
เซี่ยชีหรั่นยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็น เย่เชินหลินก็โอบเอวของเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปข้างนอก เซี่ยชีหรั่นถูกคุมให้อยู่ข้างๆ เย่เชินหลิน อย่างไม่สามารถหลบหลีกได้ ทำได้เพียงมองดู ruiki ด้วยความรู้สึกเสียใจ
“คุณหมอล่ะ?”หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นมองหาด้วยความปลาดใจ
ใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกของเย่เชินหลินเผยรอยยิ้ม:“ใครจะไปรู้ล่ะ?”
ในห้องที่สลัว คุณหมอถูกมัดไว้ที่เก้าอี้ของคนป่วย ปากถูกยัดด้วยผ้าอย่างแน่นหนา นี่คือห้องผู้ป่วยVIP ปกติแล้วจะไม่มีใครเข้ามา ทำได้เพียงภาวนาว่าก่อนที่ตนเองจะหิวตาย จะมีใครเห็นว่าตนหายตัวไป
“เจ้านายเย่ ที่บริษัทเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยครับ”จางเฟิงอี้เปิดทีวีขึ้น ข่าวในโทรทัศน์รายงานว่าบริษัทตระกูลหลิน สงสัยว่าก่อนหน้านี้บริษัทเย่ซื่อจัดมูลนิธิอ้านซิงเพื่อฟอกเงิน ทั้งยังเปิดเผยรายการบัญชีออกมา ด้านบนนั้นมีรายการบัญชีงบดุลเป็นเงินจำนวน 20 ล้านหยวนของ มูลนิธิอ้านซิง
“ผมไปตรวจสอบแล้วครับ รายการบัญชีงบดุลเป็นเงินจำนวน 20 ล้านหยวนจริง ๆ นายหญิงบอกว่าบริษัทตระกูลหลินได้อัดฉีดเงินเข้ามาบริษัทตระกูลหลิน ตอนนี้ยังติดต่อผู้จัดการหลินไม่ได้ครับ”
เย่เชินหลินดูรายงานข่าวในทีวี เขาวางปากกาที่อยู่ในมือลง ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า:“ตอนนี้ข่าวแพร่ไปถึงไหนแล้ว”
จางเฟิงอี้ก้มหน้า:“ตอนนี้ไม่ค่อยมีสื่อโทรทัศน์แห่งไหนเต็มใจที่จะแพร่ข่าว มีเพียงสื่อเล็ก ๆ ที่แพร่ออกไป ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการที่น่าเป็นห่วง”
เย่เชินหลินพยักหน้า จางเฟิงอี้ถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า:“นายหญิงยังไม่ทราบเรื่องนี้ครับ เกรงว่าเรื่องนี้อาจจะต้องให้นายหญิงเป็นคนรับผิดชอบ”แววตาของเย่เชินหลินมืดลง โทรศัพท์หาสายหนึ่ง
พอกลับถึงบ้าน เซี่ยชีหรั่นก็เข้ามาหา เย่เชินหลินปลดเนคไทออกพลางเหลือบมองเซี่ยชีหรั่นครู่หนึ่ง พ่อบ้านพาสาวใช้ออกไปอย่างอัตโนมัติ
เซี่ยชีหรั่นเดินมานั่งยังโซฟาที่อยู่ข้างหน้าของเย่เชินหลินอย่างลังเล อ้าปากจะพูดหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เอ่ยออกมา เย่เชินหลินลุกขึ้นกำลังจะเดินไปยังบริเวณทางขึ้นลิฟท์:“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรผมไปแล้วนะ”
“เย่เชินหลินรอก่อน!”เซี่ยชีหรั่นเรียกเย่เชินหลินอย่างรีบร้อน
“ruikiโทรศัพท์มาหาฉัน บอกว่าหวังว่าฉันจะไปออสเตรียกับเขา หลายวันมานี้เสี่ยวเทียนดื้อจนเอาไม่อยู่”เซี่ยชีหรั่นไม่อาจเดาได้เลยว่าเย่เชินหลินจะรับปากหรือไม่
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”สีหน้าของเย่เชินหลินราบเรียบ ทำให้คนไม่อาจจะเดาได้เลย
เซี่ยชีหรั่นหลับตาลง พูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า:“ฉันอยากไป!”
เย่เชินหลินยิ้มพลางจับคางของเซี่ยชีหรั่น:“อยากจะต่อรองกับผมเหรอ งั้นก็ต้องใช้ตัวคุณสนองความต้องการของผมแล้วล่ะ”
  

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset