สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1267 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1167

บทที่ 1267 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1167
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว มองยาน้ำสีม่วง และประทับจูบลึกซึ้งอีกครั้ง สมองของเซี่ยชีหรั่นดังวิ้งๆ นึกถึงเรื่องที่จะใส่ยาให้กับเย่เชินหลินไม่ออกอีก
ตอนที่เซวียเหวินยูนมาหาเซี่ยชีหรั่นนั้น ซูหวางก็ขวางอยู่ที่หน้าประตู มองเซวียเหวินยูนพลางเอ่ยตามหน้าที่ว่า “คุณเซี่ยกำลังยุ่ง ไม่สะดวกจะต้อนรับแขกครับ”
แขก คำนี้ถูกซูหวางจงใจเอ่ยเน้นหนัก เซวียเหวินยูนยักไหล่ไม่ใส่ใจ มองบานประตูที่ปิดสนิท พลางเอ่ยว่า “สรุปแล้วเป็นเซี่ยชีหรั่นหรือเย่เชินหลินกันแน่ที่มีธุระ”
“ไม่เคยเห็นนายวอแวไม่เลิกราแบบนี้ ทำไม ชอบเซี่ยชีหรั่นขึ้นมาจริงๆแล้วหรือ นายไม่ได้ไร้ความสามารถกับผู้หญิงหรอกหรือ” โยวจื๋อที่กอดอกอยู่อีกด้าน เอ่ยเย็นชา
เป้าหมายของซูหวางบรรลุแล้ว มองทั้งสองคนจากไปเงียบๆ เซวียเหวินยูนหันหน้าไปมองโยวจื๋อด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “ไม่ผิด ฉันค้นพบว่า ฉันชอบผู้หญิงคนนี้มาก”
โยวจื๋อมองเซวียเหวินยูนด้วยสายตาเย็นชา ดันแว่นไร้กรอบด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หมุนตัวจะเดินจากไป เซวียเหวินยูนกลับเอ่ยเรียบๆว่า “ถ้าหากว่าฉันบอกว่าชอบเซี่ยชีหรั่น นายจะปล่อยเธอไปไหม”
โยวจื๋อไม่ได้หันหน้ากลับไป ในจุดที่เซวียเหวินยูนมองไม่เห็นก็ยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม ภายใต้กระจกแว่นนั้นเต็มไปด้วยแผนการคิดบัญชี เอ่ยยิ้มๆว่า “ละครสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว นายก็สามารถตั้งใจดูได้นะ”
เซวียเหวินยูนมองโยวจื๋อที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ คิ้วก็ขมวดเป็นปมลึกยิ่งขึ้น สรุปแล้วว่าจะทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดีนะ
บนสนามกอล์ฟ เซวียเหวินยูนขวางเย่เชินหลินเอาไว้ “ชีหรั่นมีอันตราย รีบพาเธอจากไปเร็วเข้า”
ซูหวางก้าวขึ้นมาด้านหน้า คิดจะดึงเซวียเหวินยูนออกไป เย่เชินหลินโบกมือให้เซวียเหวินยูน พลางเอ่ยว่า “เหตุผลล่ะ”
เซวียเหวินยูนอ้าปาก นั่นเป็นชื่อที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ตลอดกาล จึงมองเย่เชินหลินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เซวียเหวินยูนเม้มริมฝีปาก กดเสียงต่ำ “ผมพูดได้เพียงเท่านี้ สรุปแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นปัญหาของคุณ”
เย่เชินหลินมองเงาร่างที่เดินจากไปของเซวียเหวินยูนแล้ว ก็หมุนตัวไปแกว่งไม้กอล์ฟด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ชีหรั่น ช่วงนี้คุณต้องเริ่มเรียนรู้วิธีการหายใจเข้าและหายใจออกพวกนี้แล้วนะ ผมจะหาเวลามาสอนคุณ” โยวจื๋อที่อยู่อีกด้านกำลังปอกผลไม้ให้เซี่ยชีหรั่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า มองโยวจื๋อด้วยแววตาขอบคุณ “ขอบคุณคุณนะคะ โยวจื๋อ“
โยวจื๋อจิ้มมีดลงไปที่แอปเปิ้ล พลางส่งให้เซี่ยชีหรั่น “ขอบคุณอะไรครับ ผมเห็นคุณเป็นเพื่อนคนสำคัญมากนะ”
ประตูถูกเปิดออก เซวียเหวินยูนเห็นมือโยวจื๋อที่เข้าใกล้เซี่ยชีหรั่นมีมีดอยู่เล่มหนึ่งก็มีสีหน้าเย็นชา ก้าวเข้ามาแย่งมีดออกไป โยวจื๋อส่งแอปเปิ้ลอีกครึ่งลูกให้อย่างอ่อนโยน “ทำไม นายก็อยากกินแอปเปิ้ลหรือ มาๆ ปอกเองนะ”
เซี่ยชีหรั่นเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเซวียเหวินยูนแล้ว ก็ส่งแอปเปิ้ลอีกครึ่งลูกที่ทานเหลือไปให้เงียบๆ เอ่ยอย่างลังเลว่า “ไม่พอล่ะก็ ที่ฉันยังมีอีกครึ่งลูกค่ะ”
“พรืด” โยวจื๋อที่อยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาเสียงเบา เซวียเหวินยูนมองโยวจื๋ออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พลางหันหน้ามาเอ่ยกับเซี่ยชีหรั่นว่า “ชีหรั่น จะไปดูงานนิทรรศการอัญมณีกับผมไหม ได้ยินมาว่าเป็นนักออกแบบหน้าใหม่ แม้ว่าจะเทียบกับคุณไม่ได้ แต่ดูแล้วก็มีประโยชน์”
เซี่ยชีหรั่นมองไปทางเซวียเหวินยูนด้วยสายตาเป็นประกาย โยวจื๋อนั่งอยู่อีกด้านด้วยสีหน้านิ่งสงบ มองไม่ออกถึงความรู้สึก “ดูท่าจะครึกครื้นกันเสียจริง” เย่เชินหลินที่สวมเสื้อเชิ้ตซาตินสีดำยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยเสียงเรียบ
โอบไหล่เซี่ยชีหรั่นเดินออกไปด้านนอก เซี่ยชีหรั่นงึมงำเสียงเบาว่า “ได้ยินว่าวันนี้มีงานนิทรรศการออกแบบ อยากไปดูจัง”
เย่เชินหลินหยุดเท้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีว่า “ผมเป็นผู้จัดงานนิทรรศการนั้น”
ผลงานออกแบบอัญมณีภายในสถานที่จัดงานนิทรรศการอัญมณีล้วนเป็นของผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาจากสาขาการออกแบบ หรือหนุ่มสาวที่เป็นนักออกแบบที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก เซี่ยชีหรั่นเดินไปพลาง ชมผลงานของคนอื่นไปพลาง
ภาพการออกแบบอัญมณีสไตล์พังก์รูปหนึ่งดึงดูดสายตาของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ “ไม่เลวเลย แต่รู้สึกเหมือนจะขาดอะไรไป” เซี่ยชีหรั่นพึมพำ
“เฮ้ คุณเข้าใจหรือไม่ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่างานศิลปะและแฟชั่น ฉันจบการศึกษาจากสาขาออกแบบที่มีชื่อเสียงเชียวนะ ขาดอะไรไป ฉันจะมองไม่ออกหรือ” หญิงสาวคนหนึ่งเงยหน้ามองเซี่ยชีหรั่น กวาดตามองขึ้นๆลงๆครู่หนึ่ง ก็ปรากฏแววเหยียดหยามเซี่ยชีหรั่นในนัยน์ตา
เซี่ยชีหรั่นเอ่ยยิ้มๆว่า “ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย เพียงแต่คิดว่า ถ้าเพิ่มองค์ประกอบในงานออกแบบของคุณอีกนิดจะดีกว่านะคะ”
เด็กสาวหันหน้าไปพึมพำอย่างเหยียดหยาม “มีความสามารถ คุณก็มาวาดเองสิ”
เย่เชินหลินมองภาพเบื้องหน้าทั้งหมดนิ่งๆ คิดจะช่วยเซี่ยชีหรั่นตามจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นยกพู่กันขึ้นมา ร่างกายก็ชะงัก เท้าที่ก้าวออกไปก็เก็บกลับมา
รอบด้านถูกโอบล้อมด้วยนักออกแบบและนักท่องเที่ยวบางส่วน เซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการถูกจับตามองโดยฝูงชน เมื่อหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วก็รีบวาดรูปลงบนกระดาษ
“คุณดูสิ เพิ่มรายละเอียดตรงนี้กับตรงนั้นนิดหน่อย ก็สวยขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแล้วใช่หรือไม่” เซี่ยชีหรั่นวางผลงานของตัวเองไว้ด้านข้าง คนรอบด้านพากันทอดถอนใจว่า “เปลี่ยนเป็นสวยมากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ”
“เทคนิคของคุณหรือ คุณคือเซี่ยชีหรั่นหรือคะ” เด็กสาวมองเซี่ยชีหรั่นตะลึงค้าง พลางเอ่ยถาม นักออกแบบที่สกัดขวางเซี่ยชีหรั่นเอาไว้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างแย่งกันเอ่ยถามว่า “คุณคือเซี่ยชีหรั่น ที่เป็นนักออกแบบให้กับราชวงศ์ชนชั้นสูงชาวอิตาลีโดยเฉพาะคนนั้นจริงๆหรือ”
เซี่ยชีหรั่นถูกโอบล้อมเอาไว้ สมุดเล่มแล้วเล่มเล่าถูกยื่นมาด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น มือหลายคู่แยกเปิดเส้นทางตรงกลางออกให้เป็นทางเดิน บอร์ดี้การ์ดสูงใหญ่หลายนายเปิดเส้นทางเดินเส้นหนึ่งในกลุ่มคน กลุ่มคนมองบรรดาคนสวมชุดสูทนี้อย่างอยากรู้อยากเห็น มีชายลูกครึ่งบางคนที่สวมชุดสูทเดินผ่านไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
มีคนจำได้ว่านี่คือเย่เชินหลิน บุคคลผู้จัดงานนิทรรศการหลักที่เจ้าภาพกล่าวถึง “เย่เชินหลิน! เย่เชินหลิน!” ในกลุ่มคนมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ
เงาร่างของคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง คล้ายกับว่าต้องการกอดเย่เชินหลิน เย่เชินหลินยืนกันอยู่ด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ด้านหลังก็กรีดร้องออกมาทันที เอนตัวพิงไปที่ร่างของเย่เชินหลินเบาๆ
กลุ่มคนถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยแยกตัวกันเอาไว้ เย่เชินหลินรับเซี่ยชีหรั่นที่ล้มลงอย่างอ่อนแรงเอาไว้ สายตากวาดมองรอบด้านอย่างเย็นชา เอ่ยเสียงเย็นว่า “ตรวจสอบบันทึกกล้องวงจรปิด ถ้ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจากไปได้”
“คุณทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน!” ในกลุ่มคนมีคนที่เอ่ยด้วยความไม่พอใจ เย่เชินหลินอุ้มเซี่ยชีหรั่นขึ้นมา สายตาเย็นชา “ผมทำได้”
ภายในห้องพักผู้ป่วย เซี่ยชีหรั่นได้สติขึ้นมาช้าๆ นิ้วขยับเล็กน้อย เหนือเปลือกตามีเงาร่างของคนคนหนึ่ง “คุณเย่ครับ ชีหรั่นได้รับความตื่นตระหนก ระยะนี้ให้พักอยู่คฤหาสน์ที่เชิงเขาจะค่อนข้างดีกว่าครับ” โยวจื๋อถอดผ้าปิดออกแล้วเอ่ยพูด
เย่เชินหลินที่อยู่ด้านข้างมองเซี่ยชีหรั่นที่มีสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงเบาว่า “งานนิทรรศการออกแบบในวันนี้น่าสนใจจริงๆ เหมือนกับเห็นตัวเองที่มุมานะในอดีต”
เย่เชินหลินไม่พูดอะไร เพียงแค่ช่วยจัดผ้าห่มให้กับเซี่ยชีหรั่นเบามือ “ประธานเย่” ซูหวางที่อยู่อีกด้านเอ่ยเสียงเบา “หาคนพบแล้วครับ”
เย่เชินหลินประทับจูบลงบนเปลือกตาเซี่ยชีหรั่นแผ่วเบา “หลับสักหน่อยเถอะ ผมรับปากว่า ตอนที่คุณลืมตา คนแรกที่คุณจะเห็นก็คือผม”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า หลับตาลง นัยน์ตากลอกไปมารอบหนึ่งแล้วค่อยลืมตาขึ้นมา เย่เชินหลินยืนมองตัวเองอยู่ด้านข้าง หางตาเจือไปด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยชีหรั่นรีบหลับตาลงต่อ จนกระทั่งลมหายใจสงบนิ่ง เย่เชินหลินถึงได้พาซูหวางก้าวเท้ายาวจากไป โยวจื๋อเห็นเซี่ยชีหรั่นหลับสนิทแล้ว นัยน์ตาหลุบลงจนมองเห็นไม่ชัด
“อย่าทำอะไรที่เกินเหตุ” เซวียเหวินยูนที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ยเสียงเรียบ
“เกินเหตุหรือ” โยวจื๋อหมุนตัวกลับไปยิ้ม ดันแว่นพลางเอ่ยว่า “วันนี้เป็นเพียงแค่เรื่องประหลาดใจเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง นายสามารถพยายามพาตัวเซี่ยชีหรั่นไปได้ พยายามที่จะอยู่ด้วยกันกับเธอ ถึงตอนนั้น นายก็จะได้พบกับเรื่องน่าประหลาดใจอีกมากมาย”
เซวียเหวินยูนคว้าปกคอเสื้อโยวจื๋ออย่างหมดความอดทน มือที่กำหมัดนั้นยกขึ้นสูงไม่วางลง เซี่ยชีหรั่นคล้ายกับว่าถูกเสียงเคลื่อนไหวรบกวน จึงขมวดคิ้ว
โยวจื๋อเหลือบตามองหมัดของเซวียเหวินยูน ยิ้มเย็น พลางเอ่ยว่า “เพราะนายกลัวจะรบกวนการนอนของเซี่ยชีหรั่นหรือว่าลงมือชกฉันไม่ลงกัน”
สะบัดมือปล่อยปกคอเสื้อโยวจื๋อ เซวียเหวินยูนจ้องมองโยวจื๋ออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แววตามีความรู้สึกมากมายเกินไป โยวจื๋อเบนสายตาหนีคล้ายกับว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งเสียงปิดประตูดังขึ้น สายตาของทั้งสองคนจึงไม่ได้สบตาแลกเปลี่ยนกันอีก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ฉันก็แค่อยากถ่ายรูปอิริยาบถต่างๆของเซี่ยชีหรั่นกลับไปอวดเพื่อนร่วมชั้นเรียนเท่านั้นเอง” เด็กสาวเอ่ยอย่างขลาดกลัว
เย่เชินหลินเดินไปถึงด้านหน้าของเด็กสาว มือลูบไล้ไปตามผิวหนังที่นุ่มลื่นของเด็กสาวแล้วหยิบตราประจำโรงเรียนของเด็กสาวออกมาเบามือ “สถาบานกือซือหรือ”
“อืม ฉันเป็นนักเรียนจริงๆนะคะ” เด็กสาวพูดไปร้องไห้ไป มือของเย่เชินหลินยังคงลูบไล้ไปตามผิวของเด็กสาว เด็กสาวมองเย่เชินหลิน อดกลั้นที่จะไม่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆว่า “จะตรวจสอบเธอนั้นง่ายมาก เธอรู้ไหมว่าผลของการพูดโกหกคืออะไร” เสียงเข้มขรึมเจือไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้หลงเสน่ห์
ใบมีดเย็นเฉียบไล้ไปตามใบหน้าของเด็กสาว เสื้อคลุมถูกกรีดรอยแล้วรอยเล่าจนเผยให้เห็นผิวงดงามนวลเนียน เย่เชินหลินยังคงออกแรง บาดแผลที่ไม่ลึกไม่ตื้นก็ถูกสร้างขึ้นบนแขนของเด็กสาว
“ผมรับประกันได้เลยว่ารอยมีดถัดไปจะอยู่บนใบหน้าของคุณ” เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเรียบ มือก็เคลื่อนไหวใบมีดไปเรื่อย
“ฉันพูดแล้วๆ ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น มีผู้ชายคนหนึ่งให้เงินฉันมา บอกให้ฉันชนเซี่ยชีหรั่นด้วยความระมัดระวังสักหน่อย” เด็กสาวร้องโฮออกมา
เย่เชินหลินลุกขึ้นยืน ซูหวางที่อยู่ข้างกายก้าวขึ้นมาด้านหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับว่าเป็นใครกันแน่
เย่เชินหลินยื่นมีดให้กับซูหวางนิ่งๆ ก้าวเท้ายาวเดินออกไปนอกประตู “ไม่ต้อง” มีสีหน้าแปลกใจปรากฏขึ้น แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ข้างเวทีกลางแจ้งขนาดใหญ่ ป่าเอ๋อร์มองไปทางเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ถึงอย่างไร นั่นก็เป็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง คุณจะทำอย่างนี้จริงๆหรือ”
โยวจื๋อมองไปทางป่าเอ๋อร์ยิ้มๆ “ทำไม ตอนนี้คุณใจอ่อนแล้วหรือไง”
ป่าเอ๋อร์มุมปากโค้งขึ้น “คนที่ฉันต้องการจัดการคือเซี่ยชีหรั่น ไม่ใช่เด็กนั่น เขายังเด็กขนาดนั้น” โยวจื๋อเห็นท่าทีลังเลของป่าเอ๋อร์แล้ว นัยน์ตาก็มีร่องรอยความหงุดหงิดพาดผ่านไป แต่ยังคงเอ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยนและน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า
“คุณลองคิดดูนะ เพียงแค่คุณช่วยชีวิตเด็กนั่นเอาไว้ เซี่ยชีหรั่นก็จะติดค้างบุญคุณคุณครั้งหนึ่ง ถึงตอนนั้น คุณอยากจะอยู่ข้างกายเย่เชินหลิน ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ผมเคยพูดไปแล้วว่า เย่เนี่ยนโม่มีความหมายต่อเซี่ยชีหรั่นมากกว่าทุกสิ่ง”
ป่าเอ๋อร์มองเย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่เอ่ยอะไร โยวจื๋อเลื่อนแก้วไวน์แดงไปไว้ด้านหน้าป่าเอ๋อร์ เอ่ยกับป่าเอ๋อร์ยิ้มๆว่า “ขอให้คุณประสบความสำเร็จ ผมจะรอข่าวดีจากคุณ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset