สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1269 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1169

บทที่ 1269 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1169
“ระดับนี้พอแล้วหรือยัง” เซวียเหวินยูนเอ่ยถามเสียงเย็น
โยวจื๋อพูดไม่ออก เงยหน้ามองความเย็นชาบนใบหน้าของเซวียเหวินยูนแล้วก็เอ่ยออกมายิ้มๆ “นายสงสารเธอต่อไปเถอะ ฉันต้องการจะเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นจะแย่ได้ถึงแค่ไหน”
เซวียเหวินยูนไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของโยวจื๋ออีก จึงเอ่ยเหี้ยมๆว่า “นายรู้สึกถึงความสุขในการแก้แค้นจริงๆหรือ นายควรจะเอากระจกมาส่องดูสีหน้าท่าทางเหมือนคนจนตรอก ไร้ที่พึ่งพิงจริงๆ”
คนจนตรอกหรือ โยวจื๋อลูบใบหน้าของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ยืนอยู่ด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น เข็มฉีดยามีตัวยาไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ โยวจื๋อมองเซี่ยชีหรั่นที่ขมวดคิ้ว นอนหลับอย่างไม่สงบ
ใบหน้าที่งดงามของหญิงสาว ใบหน้าของโยวเล่อและเซี่ยชีหรั่นทับซ้อนกันไม่หยุด โยวจื๋อขมวดคิ้วด้วยความทุกข์ทรมาน จนเกือบจะถือเข็มฉีดยาในมือได้ไม่มั่นคง ในครั้งแรกที่ได้พบหน้ากับเซี่ยชีหรั่น เขาก็ฉีดตัวยาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจให้เซี่ยชีหรั่นมาตลอด ขอเพียงแค่ยาโดสนี้ แค่เพิ่มอีกโดสหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นก็จะตำหนิตัวเองยิ่งกว่าเดิม
มือสั่นเล็กน้อยขณะเคลื่อนเข้าไปใกล้ผิวหนังของเซี่ยชีหรั่น จู่ๆเซี่ยชีหรั่นก็ขยับตัว เข็มฉีดยาของโยวจื๋อตกลงบนพื้นจนเกิดเสียงใสดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นตื่นขึ้นมาเห็นโยวจื๋อ ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ต้องฉีดยาอีกแล้วหรือคะ”
โยวจื๋อเก็บเข็มฉีดยาขึ้นมาไว้ในมือ มองไปทางเซี่ยชีหรั่น สามารถมองเห็นความลังเลในแววตาได้อย่างชัดเจน เซี่ยชีหรั่นยิ้มน้อยๆ ยื่นแขนตัวเองออกมา เผยให้แขนเส้นเลือดอ่อนนุ่ม พลางหยอกเย้าว่า “โยวจื๋อ คุณเป็นถึงคุณหมอนะคะ ทำไมถึงยังลังเลแบบนี้ล่ะ”
โยวจื๋อแทงเข็มเข้าไปในผิวหนังของเซี่ยชีหรั่นด้วยมือที่สั่น และดึงออกมาอย่างแรง สีหน้าเจ็บปวดจนดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เค้นรอยยิ้มออกมาบางๆ บอกกับเซี่ยชีหรั่นว่า “ฉีดยาเยอะไม่ดีต่อเด็กเป็นอย่างมาก วันนี้ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ไม่ดีขึ้น พวกเราค่อยฉีดใหม่”
ภายในห้องทำงาน ซูหวางยืนยันอีกครั้งหนึ่ง “ไม่ต้องการให้ผมอยู่ที่นี่จริงๆหรือครับ”
เย่เชินหลินมองซูหวาง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้นายไปทำ นายไปหาศพของจางห้านกลับมา ฉันต้องการรู้ว่าเขาตายอย่างไรกันแน่”
นัยน์ตาซูหวางสว่างวาบ รอจนซูหวางเดินออกไปแล้ว จางเฟิงอี้ก็เดินออกมาจากประตูด้านข้าง เอ่ยทอดถอนใจว่า “อาการของคุณผู้หญิงไม่ค่อยจะดีเท่าไร”
เย่เชินหลินเม้มริมฝีปาก เจ็บปวดใจเสียอย่างไม่อาจหลุดพ้นได้ ในใจก็เหลือเพียงแค่ประโยคเดียว “เซี่ยชีหรั่น คุณจะต้องทนให้ได้นะ”
เสียงนกร้องอย่างมีความสุขอยู่นอกบานหน้าต่าง เซี่ยชีหรั่นเปิดประตู หน้าประตูมีบอดี้การ์ดโอบล้อมเข้ามา “คุณผู้หญิง คุณพักผ่อนในห้องเถอะครับ”
เซี่ยชีหรั่นโบกมือ เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “คิดจะใช้วิธีการกักขังแบบนี้อีกแล้วหรือ ถ้าหากว่าฉันอยากจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ พวกคุณก็หยุดฉันไม่ได้หรอก”
บอดี้การ์ดลังเลเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินหลบไป ครู่หนึ่งก็กลับมาส่งสายตาให้กับเพื่อนร่วมงาน ให้ตามติดด้านหลังเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้สนใจ สวมเสื้อผ้าหลวมโพรกแล้วก็เดินออกนอกประตูไป
นอกประตูคือผืนหญ้าสีเขียวอุดมสมบูรณ์ เซี่ยชีหรั่นสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นหลังฝนตกเข้าไป สุ่มเลือกเส้นทางที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อนเล็กๆเส้นหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน
บอดี้การ์ดตามติดอย่างใกล้ชิด ด้านหนึ่งก็ช่วยเซี่ยชีหรั่นจัดการกิ่งไม้ที่โน้มลงมา ไม่ทันรู้ตัวก็เดินมาถึงกระท่อมหลังน้อยที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นมองดูอย่างสนใจ
“คุณผู้หญิง ที่นี่ไม่มีคนทำความสะอาดมานานมากแล้ว ผมว่าพวกเรากลับกันดีกว่าครับ” บอดี้การ์ดก้าวขึ้นไปด้านหน้า
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าเอ่ยว่า “ฉันอยากจะไปดูข้างในสักหน่อย”
ภายในกระท่อมไม้ มีเพียงแค่เตียงหลังหนึ่ง บนโต๊ะมีน้ำวางอยู่ครึ่งแก้ว รอบด้านเต็มไปด้วยฝุ่น เซี่ยชีหรั่นเดินวนรอบหนึ่งแล้วก็คิดจะจากไป แต่เท้ากลับเหยียบโดนปากกาแท่งหนึ่ง เสียงใสกังวานทำให้เซี่ยชีหรั่นสะดุ้งตกใจ นั่งลงบนเตียงตามจิตใต้สำนึก ร่างกายก็เอนไปด้านหลัง
“คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” บอดี้การ์ดรีบเข้ามาประคองเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นโบกมือไปมา สายตาตกลงบนสมุดบันทึกเล่มเล็กที่โผล่ออกมาด้านนอก เซี่ยชีหรั่นดึงสมุดบันทึกออกมา
เปิดออกอย่างอยากรู้อยากเห็น เนื้อหาภายในสมุดบันทึกหน้าแรกทำให้หน่วยตาเซี่ยชีหรั่นแดงระเรื่อ “นี่เป็นอาทิตย์แรกที่มาถึงรีสอร์ต คฤหาสน์เชิงเขาแห่งนี้ใหญ่มาก ฉันก็อยากใช้ชีวิตแบบที่คนมีเงินใช้กัน ใช่แล้ว ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอช่วยฉัน ชื่อของเธอเพราะมาก เซี่ยชีหรั่น”
นั่นคือสมุดบันทึกของจางห้าน เซี่ยชีหรั่นหน่วยตาแดง พลิกอ่านดูหน้าแล้วหน้าเล่า จนอ่านถึงตัวอักษรที่จางห้านใช้สีแดงเขียน “ฉันทำผิดไปแล้ว ทำลงไปแล้ว ฉันก็รู้สึกเสียใจในภายหลัง แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือก ฉันรักน้องสาวของฉัน ฉันรักป่าเอ๋อร์ ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือทำเทปบันทึกแบบนั้นกับป่าเอ๋อร์ ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นเอามือปิดปาก อ่านตัวอักษรในสมุดบันทึกของจางห้าน จางห้านตายแล้ว ป่าเอ๋อร์ก็จากไปแล้วเช่นกัน การทำร้ายอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งสองคนนำมาให้เธอล้วนเป็นการจากตัวเองไป
หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกมีคราบเลือดอยู่ บนสมุดมีคำที่เขียนอย่างขาดๆหายๆว่า “ถูกฆ่า! จะต้องระวังเขานะครับ!” สุดท้ายแล้วเขาเขียนตัวอักษรหวัดมาก คล้ายกับว่าเขียนในช่วงที่เกิดความวุ่นวายโกลาหล บนสมุดบันทึกยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆ
“เขาคือใครกัน จางห้านตายอย่างไรกันแน่” ข้อสงสัยเหล่านี้ปรากฏขึ้นในสมองเซี่ยชีหรั่นไม่หยุด
เซี่ยชีหรั่นวางสมุดบันทึกไว้ที่เดิมแล้ว ก็จัดการกับสภาพจิตใจให้เรียบร้อย และเดินออกไปจากกระท่อมหลังน้อย ความซับซ้อนของเรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกสับสนงงงวย
เดินออกมานอกกระท่อมแล้ว แสงอาทิตย์อันอบอุ่นก็สาดส่องลงบนร่างของเซี่ยชีหรั่น แต่เซี่ยชีหรั่นยังคงรู้สึกว่าทั้งร่างหนาวเหน็บ และรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกและความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้งต่อรีสอร์ตแห่งนี้
น้ำฝนหยดหนึ่งบนกิ่งไม้หยดลงบนปลายจมูกเซี่ยชีหรั่น นำพาความหนาวเย็นมาให้ เซี่ยชีหรั่นมองหยดน้ำที่อยู่บนนิ้ว การคาดเดาอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมองของตัวเองตอนนี้
“ถ้าหากจางห้านไม่ได้ฆ่าตัวตาย อย่างนั้นการตายของป่าเอ๋อร์จะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างหนึ่งใช่หรือไม่” ในสมองคิดถึงภาพป่าเอ๋อร์ที่มองมาทางตัวเองด้วยความหวาดกลัว ปากก็คล้ายกับว่าไม่ได้ร้องขอให้ช่วย แต่เหมือนกับพูดอะไรสักอย่าง
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรอได้อีกแล้ว แทบจะพุ่งตัวไปทางสระว่ายน้ำด้วยความเร็วสูง นับตั้งแต่ที่ป่าเอ๋อร์ตายไป ก็ไม่มีใครยอมมาว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำนี้อีก ดังนั้นสระว่ายน้ำจึงถูกปิดเอาไว้
เซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงสถานที่ที่ทำให้ตัวเองหวาดกลัว ที่แห่งนี้มีหนึ่งที่ชีวิตที่ต้องตายไปเพราะช่วยลูกของตัวเอง ในสระว่ายน้ำยังมีห่วงยางแห้งแบนอันหนึ่งลอยอยู่ เซี่ยชีหรั่นใช้ไม้ยาวเขี่ยห่วงยางขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
บนห่วงยานั้นมีฝุ่นเกาะบางๆชั้นหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นลูบห่วงยาง ค้นหาอย่างละเอียด บริเวณที่ใกล้กับที่สูบลมมีของแข็งอย่างหนึ่งทิ่มเซี่ยชีหรั่น
ฉีกห่วงยางสุดแรง ลูกกระสุนปืนลมเล็กๆลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เดิมห่วงยางของเนี่ยนโม่ไม่ได้มีปัญหา แต่มีคนจงใจจิ้มให้เป็นรู ส่วนตอนที่ป่าเอ๋อร์กำลังช่วยชีวิตเนี่ยนโม่อยู่นั้น ก็มีคนตั้งใจจะให้เธอตายใช่หรือไม่
เซี่ยชีหรั่นย้อนคิดอย่างรอบคอบ หลับตาลง เดินไปยังทิศทางที่ป่าเอ๋อร์ว่ายน้ำ ตอนแรกนึกว่าป่าเอ๋อร์จะขอให้ตัวเองช่วยชีวิต แต่จากสายตาของป่าเอ๋อร์ ฝ่ายตรงข้ามคล้ายกับว่ามองไปยังชั้นสอง
แสงอาทิตย์ริมระเบียงชั้นสองนั้นกำลังดี แต่เซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่ข้างล่าง กลับมีเหงื่อเย็นชื้นทั่วร่าง นั่นคือความหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้ความจริง ระเบียงถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เซี่ยชีหรั่นมองพิจารณาไปรอบๆ นัยน์ตาถูกแสงสะท้อน เซี่ยชีหรั่นหลับตาลงเล็กน้อย มองหาแหล่งที่มาของแสงสว่างนั้น
นั่นคือเศษกระจกแผ่นหนึ่งที่วางไว้ตรงช่องระบายอากาศ และถูกคนทำความสะอาดลืมอย่างสะเพร่า เซี่ยชีหรั่นเห็นคราบไวน์สีแดงคล้ำที่อยู่บนนั้นแล้วก็ดมกลิ่น คล้ายกับว่ายังหลงเหลือกลิ่นไวน์นั้นอยู่ จึงวางเศษกระจกนี้ลงในสมุดบันทึกของจางห้าน เซี่ยชีหรั่นเดินลงไปด้านล่าง ทั้งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย
ยามค่ำคืน เย่เชินหลินที่กำลังออกคำสั่งไม่หยุด แฟ้มเอกสารฉบับแล้วฉบับเล่าทำให้เขาคิ้วขมวดเป็นปมแน่น ประกาศภารกิจออกไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ประตูที่ถูกเปิดเข้ามามีเสียงแอ๊ดดังขึ้น
เซี่ยชีหรั่นสวมชุดนอนยาวถึงข้อเท้า กอดหมอนเอาไว้ด้านหน้า เอ่ยถามเย่เชินหลินอย่างลังเลเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าคุณยุ่งมาก ฉันสามารถยึดครองพื้นที่เล็กๆมุมหนึ่งได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
เห็นเย่เชินหลินไม่ตอบกลับ เซี่ยชีหรั่นจึงร้อนใจเล็กน้อย รีบชี้นิ้วไปที่โซฟาในมุมหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “ฉันจะเอนตัวนอนที่นั่นได้ไหมคะ ไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ”
“ผมกำลังโกรธ” เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆ
เซี่ยชีหรั่นนึกถึงเรื่องที่ตัวเองหนีเย่เชินหลินออกไปคนเดียวโดยไม่เชื่อฟัง ฝ่ายตรงข้ามจะต้องโกรธเรื่องนี้แน่ๆ จึงก้มหน้าไม่กล้ามองเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นก้มหน้ารับคำ “อย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”
หมอนในอ้อมแขนถูกดึงออกไป หน้าผากก็ถูกดีดด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อย เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าเจ็บปวด น้ำตาคลอมองเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินเอ่ยอย่างจริงจัง “ผมกำลังโกรธอยู่”
“ฉันจะไปอยู่แล้ว คุณจะเอาอย่างไรกันแน่!” เซี่ยชีหรั่นพึมพำน้อยใจ คิดจะแย่งหมอนตัวเองคืนมา เย่เชินหลินชูมือ เพื่อให้หมอนอยู่สูง และเอ่ยซ้ำอีกรอบว่า “ผมกำลังโกรธ”
เซี่ยชีหรั่นเห็นหมอนของตัวเองอยู่สูงเหนือแขนทั้งสองข้างขนาดนั้น ก็เอ่ยอย่างท้อแท้ว่า “ต้องการให้ฉันขอโทษไหมคะ อย่างนั้นฉัน……….”
“โง่!” เย่เชินหลินก้มหน้าวางหมอนไว้เหนือศีรษะเซี่ยชีหรั่น หันหน้ามากัดจมูกเซี่ยชีหรั่นเบาๆ นัยน์ตาแฝงไปด้วยแววตามใจอย่างจำยอม “ผมพูดว่าผมโกรธ นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณไม่แสดงความเป็นเจ้าของของผม เจ้าของโซฟา และคนของผมอย่างเผด็จการ”
คำพูดของเย่เชินหลินทำให้เซี่ยชีหรั่นประมวลผลความคิดไม่ทันไปชั่วขณะ เย่เชินหลินถอยหายใจ “จะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ทำไมสมองถึงยังไม่ฉลาดขึ้นอีก”
“ใครไม่ฉลาดกันคะ ไม่อนุญาตให้คุณพูดว่าร้ายฉัน ลูกจะได้ยินนะคะ!” เซี่ยชีหรั่นได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน จึงโต้กลับอย่างรวดเร็ว
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว จูงมือเซี่ยชีหรั่นมาถึงหน้าโซฟา มองเซี่ยชีหรั่นแล้วเอ่ยถามว่า “คุณจะอยู่ที่นี่จริงๆหรือ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เลียนแบบความเผด็จการของเย่เชินหลิน “ฉันจะอยู่ที่นี่ค่ะ”
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว ขยี้ผมเซี่ยชีหรั่นแล้วกลับไปนั่งที่นั่งหน้าโต๊ะทำงานคนเดียว เซี่ยชีหรั่นได้ยินเสียงขึ้นๆลงๆของแป้นคีย์บอร์ดแล้วก็รู้สึกง่วงงุน
ในความฝัน เย่เนี่ยนโม่เรียกคุณแม่เสียงหวาน เด็กหญิงที่ยืนอยู่ในความมืดก็ยิ้มให้ตัวเอง เซี่ยชีหรั่นมองคางแหลมเล็กของเด็กหญิงแล้ว ใจก็อ่อนยวบอย่างไม่อาจควบคุมได้
ภาพเปลี่ยนไป เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองร่วงหล่นลงจากที่สูง จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา มองเสื้อสูทสีเทาที่คลุมอยู่บนร่างของตัวเองด้วยความมึนงง ท้องฟ้ายังคงมืดสลัว แป้นคีย์บอร์ดยังคงดังอยู่
เซี่ยชีหรั่นขยับตัว “เจ็บจัง!” เสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดหยุดลง เย่เชินหลินเดินมาถึงด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น ยกน่องขาของเธอขึ้น เซี่ยชีหรั่นร้องอย่างตกใจ “เจ็บๆๆ!”
เย่เชินค่อยๆบีบนวดไปตามน่องขาเซี่ยชีหรั่น มองเซี่ยชีหรั่นด้วยความขบขัน พลางเอ่ยว่า “ตอนตั้งครรภ์มักจะมีอาการเป็นตะคริวเกิดขึ้น ใครใช้ในคุณนอนซุกอยู่บนโซฟากันล่ะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset