สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1270 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1170

1270 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1170
เซี่ยชีหรั่นถามอย่างตกตะลึง “คุณรู้ได้อย่างไรกันคะ” เย่เชินหลินหลบตาอย่างกระอักกระอ่วน บีบนวดต่อไป ในตู้หนังสือมีหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กที่เย่เชินหลินอ่านมากที่สุดในเวลาว่างหนึ่งเดือนนี้!
เซี่ยชีหรั่นก็คิดเช่นนั้น แต่ก็ยังเอ่ยถามต่อไป “ก่อนว่ายน้ำไม่ได้ยืดเส้นยืดสายจะเป็นตะคริวไหมคะ”
เย่เชินหลินพยักหน้า “ไม่ผิด เพียงแต่ว่าสำหรับคนที่ว่ายน้ำบ่อยๆแล้ว เป็นไปไม่ค่อยได้ แต่หากมีสารจำพวกที่มีแอลคาลอยด์จากภายนอกเป็นส่วนประกอบเข้าสู่ร่างกาย ก็สามารถให้ร่างกายคนเราแข็งทื่อเป็นตะคริวไปชั่วขณะได้”
เย่เชินหลินช่วยนวดน่องขาให้เซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยพูด เซี่ยชีหรั่นดูเหมือนครุ่นคิดพิจารณาอยู่ จู่ๆก็เด้งตัวลุกขึ้น แม้ว่าจะเป็นเย่เชินหลินก็สะดุ้งตกใจกับความกะทันหันนี้เช่นกัน
“เซี่ยชีหรั่น” เย่เชินหลินเอ่ยเรียกรอดไรฟัน
เซี่ยชีหรั่นผลักประตูแล้ววิ่งออกไป แต่ถูกเย่เชินหลินคว้าตัวกลับมา เย่เชินหลินถามเสียงทุ้มต่ำว่า “ทำไมหรือ หืม”
มือของเย่เชินหลินมักจะนำพาเวทมนตร์ที่ทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถต่อต้านเอาไว้ด้วย เซี่ยชีหรั่นดิ้นรน พลางเอ่ยว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำค่ะ”
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นภายในห้องนั้นทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ “ผมอยากรู้เรื่องสำคัญของคุณมาก”
เซี่ยชีหรั่นมองนัยน์ตาเย่เชินหลิน ลังเลว่าจะบอกเรื่องที่ตัวเองรู้ให้เย่เชินหลินฟังหรือไม่ มือของเย่เชินหลินจุดไฟบนร่างของเซี่ยชีหรั่นไม่หยุด เซี่ยชีหรั่นคว้าแขนของเย่เชินหลินเอาไว้ ถามหยั่งเชิงว่า “ฉันคิดว่าจางห้านไม่ได้ฆ่าตัวตายค่ะ”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นกัน” เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นนิ่งๆ เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปาก พาเย่เชินหลินกลับห้อง หยิบสมุดบันทึกของจางห้าน ส่งให้เย่เชินหลินอ่าน
เย่เชินหลินพลิกอ่านจนจบด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อวางสมุดบันทึกลง ก็เอ่ยกับเซี่ยชีหรั่นว่า “สองสามวันนี้ ซากุระที่ญี่ปุ่นบานแล้ว พรุ่งนี้คุณไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นสักหน่อยเถอะ พาแม่บ้านไปด้วย”
เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลางเอ่ยว่า “คุณไม่เชื่อฉันหรือคะ”
เย่เชินหลินนวดขมับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมที่จะพูดคุย “นี่ไม่เกี่ยวกับว่า ผมเชื่อหรือไม่เชื่อคุณ ผมเพียงแค่ไม่ต้องการให้คุณไปเสี่ยงอันตราย คุณเข้าใจไหม”
ท่าทีของเย่เชินหลินทำให้เซี่ยชีหรั่นตกตะลึง ระดับการแสดงความเป็นเจ้าของของเขาถึงขั้นที่ไม่อนุญาตให้เธอก้าวออกไปยังโลกภายนอกอย่างเป็นอิสระแล้ว เหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกปกป้องเอาไว้ในอ้อมแขน จึงวางเศษกระจกที่อยู่ในถุงกลับไปบนเตียง เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลิน พลางเอ่ยว่า “ฉันจะไม่ไปญี่ปุ่น เรื่องนี้ฉันก็จะไม่ถามอะไรอีกเช่นกัน”
“เรื่องนี้ยังไม่ถึงคราวที่คุณต้องตัดสินใจ” เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเย็น
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยชีหรั่นก็ไปหาโยวจื๋อ โยวจื๋อไม่อยู่ที่ห้อง เซี่ยชีหรั่นตามหาไปรอบหนึ่งจนกระทั่งโยวจื๋อปรากฏตัวขึ้นในห้องอย่างรีบร้อน
“ชีหรั่นหรือ คุณกำลังตามหาผมหรือ” โยวจื๋อจัดแต่งทรงผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเองอย่างเร่งรีบ เอ่ยกับเซี่ยชีหรั่นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการขอโทษ “เมื่อครู่ไม่ทันระวังจึงหลับไปที่ระเบียงน่ะ”
เซี่ยชีหรั่นยื่นเศษกระจกให้กับโยวจื๋ออย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยว่า “ช่วยฉันสักอย่างได้ไหมคะ”
โยวจื๋อมองเศษกระจกในถุงด้วยความสงสัย “กระจกหรือ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าเอ่ยว่า “ช่วยฉันตรวจหน่อยได้ไหมคะว่าด้านในมีส่วนประกอบอะไรบ้าง”
โยวจื๋อพยักหน้า “นี่ไม่มีปัญหาครับ เพียงแต่ว่าคุณจะตรวจมันไปทำอะไร สิ่งนี้มาจากไหนกันครับ”
เซี่ยชีหรั่นลังเลที่จะเอ่ย “ฉันคิดว่าการตายของป่าเอ๋อร์แปลกๆค่ะ” ใบหน้าของโยวจื๋อปรากฏความรู้สึกที่ยากจะหยั่งถึงได้ขึ้นมา สายตาที่มองไปทางเซี่ยชีหรั่นก็มีอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา เอ่ยอย่างล้อเล่นว่า “ชีหรั่น คุณกำลังพูดอะไรน่ะ หรือว่าจะมีคนจงใจทำร้ายเธอกัน”
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าลงอย่างเศร้าโศก “ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ วันนี้ฉันจะไปญี่ปุ่นแล้ว”
โยวจื๋อเก็บงำความแตกต่างที่มีในแรกเริ่มเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ดันกรอบแว่น พลางเอ่ยว่า “เย่เชินหลินหรือ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า โยวจื๋อตบไหล่เซี่ยชีหรั่น เอ่ยว่า “คุณวางใจเถอะ ผมเชื่อในสิ่งที่คุณพูด ผมจะช่วยคุณ รอคุณกลับมาจากญี่ปุ่นก็จะได้รู้ผลแล้ว”
หลังเซี่ยชีหรั่นจากไปแล้ว โยวจื๋อก็โบกแผ่นกระจกในมือ ยิ้มเฝื่อนๆ “ดูท่าจะปิดบังเอาไว้ไม่อยู่แล้วสินะ”
ขณะที่เดินไปตามริมถนนของญี่ปุ่น ดอกซากุระที่ลอยละล่องไปทั่วฟ้าทำให้ทั้งเมืองในญี่ปุ่นถูกปกคลุมอยู่ใต้สีชมพูเรืองแสง เซี่ยชีหรั่นเดินอย่างเบื่อหน่าย แม่บ้านก็เดินตามจังหวะอยู่ด้านหลัง
กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงรวมตัวกันถ่ายรูปอยู่ที่เครื่องถ่ายรูปริมถนน เซี่ยชีหรั่นมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยะที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มแย้ม ลากเซี่ยชีหรั่นแล้วผลักเข้าไปด้านใน
โพสต์ไปหลายท่าทาง เซี่ยชีหรั่นก็ทำท่าทางประหลาดถ่ายรูปแล้วรูปเล่า จนกระทั่งอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ท้องฟ้ายามค่ำคืนกำลังจะมาเยือน ฝีเท้าผู้คนรอบด้านเต็มไปด้วยความเร่งรีบ บางคนเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ บางคนก็เพื่อไปตามนัดหมาย
“ขอร้องท่านล่ะ ให้ฉันได้หัวใจของเขาเถอะนะ!” เสียงพึมพำของเด็กสาวคนหนึ่งลอยมาจาก น้ำพุขนาดใหญ่ที่มีผู้คนไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
เซี่ยชีหรั่นอดหัวเราะไม่ได้ “น้ำพุนี้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้นเลยหรือ”
เด็กสาวเอ่ยอย่างจริงจังว่า “แน่นอนว่าศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ ไม่เชื่อคุณลองดูสิ ขอเพียงแค่คุณคิดถึงจากใจจริง เขาก็จะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าคุณ”
เซี่ยชีหรั่นกลั้นยิ้มเอาไว้ หยิบเหรียญขึ้นมาเหรียญหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆว่า “เหอๆ ในเมื่อศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น อย่างนั้นตอนที่ฉันโยนเหรียญลงไปในบ่อ จะให้เย่เชินหลินปรากฏตัวขึ้นสินะ”
“เป็นไปตามที่คุณปรารถนา” มือที่ยื่นออกมาถูกคนจับเอาไว้ เหรียญในมือถูกเอาไปและโยนลงในบ่อน้ำ เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่น มองแววตาประหลาดใจของฝ่ายตรงข้ามยิ้มๆ และประทับจูบลึกซึ้งลงไป
เซี่ยชีหรั่นที่ถูกจูบจนไม่สามารถหายใจได้ ก็อ้ำๆอึ้งๆว่า “คุณมาได้อย่างไรคะ”
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว “นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นความปรารถนาของคุณนะ”
เซี่ยชีหรั่นใบหน้าแดงระเรื่อ พึมพำ “นี่มันแปลกเกินไปแล้วจริงๆ”
เย่เชินหลินขยี้เส้นผมยาวสลวยของเซี่ยชีหรั่น หยิบรูปถ่ายใบหนึ่งที่โผล่ออกมาด้านนอกกระเป๋าเซี่ยชีหรั่น เห็นสีหน้าประหลาดของเซี่ยชีหรั่นแล้ว เย่เชินหลินก็เลิกคิ้ว “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีสีหน้าที่หลากหลายขนาดนี้ได้ในวันหนึ่ง”
เซี่ยชีหรั่นยื่นมือไปแย่งรูปตัวเองกลับมาและยัดเข้าไปในกระเป๋าลวกๆ พลางเอ่ยว่า “ฉันเพียงแค่เบื่อก็เลยถ่ายๆไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง” เย่เชินหลินไม่หยอกเซี่ยชีหรั่นต่อแล้ว หยิบโทรศัพท์ออกมา ครู่หนึ่งก็มีรถมาเซราติคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างกายทั้งสองคน
“สถานที่ที่ฉันอาศัยอยู่ใกล้มาก ไม่ต้องนั่งรถค่ะ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินก็อุ้มเซี่ยชีหรั่นเข้าไปในรถทันที รถยนต์มุ่งหน้าไปถึงสวนสนุกฟู่เช่จี๋ เซี่ยชีหรั่นเห็นสวนสนุกดำมืดแล้วก็มองเย่เชินหลินด้วยความสงสัย
เย่เชินหลินที่หันหลังให้กับเซี่ยชีหรั่นดีดนิ้ว สวนสนุกที่เดิมมืดมิดก็ค่อยๆมีแสงสว่างขึ้นจากซ้ายไปขวา ตามด้วยชิงข้าสวรรค์ที่มีหลอดไฟนีออนสายรุ้ง ม้าหมุนที่เปิดเพลงชวนให้ผ่อนคลาย เรือโจรสลัดที่ขยับอย่างเชื่องช้า
ทั้งสวนสนุกราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมา เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ผมต้องการจะทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำกับคุณเอาไว้ทั่วทุกมุม เริ่มจากที่แห่งนี้ก่อนแล้วกัน”
เซี่ยชีหรั่นมองช่างกล้องที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันอย่างตกตะลึง ลนลานดึงแขนเสื้อเย่เชินหลิน ถ่ายรูปเสี้ยววินาทีที่มีความสุขมากที่สุดเรียบร้อยแล้ว
วันถัดมา บนเตียงก็ว่างเปล่าไม่มีใครสักคน ส่วนรูปภาพก็ถูกวางเต็มครึ่งเตียง เซี่ยชีหรั่นมองแต่ละภาพอย่างละเอียด แม่บ้านนำนมแก้วหนึ่งมายื่นให้เซี่ยชีหรั่น เอ่ยว่า “วันนี้ตอนเช้าคุณเย่กลับประเทศไปแล้วค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า แม่บ้านเอ่ยต่อว่า “คุณชายโยวไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณเย่จัดเตรียมคุณหมอที่ทำหน้าที่ตรวจร่างกายของที่นี่เอาไว้แล้วค่ะ” ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนรับผิดชอบส่งเซี่ยชีหรั่นไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่จองเอาไว้โดยเฉพาะ
นอกห้องพักผู้ป่วย เด็กสาวบอบบางคนหนึ่งเอ่ยว่า “เหวินยูน เวลาของฉันเหลือไม่มากแล้ว คุณจะกอดฉันสักครั้งไม่ได้หรือคะ”
เซี่ยชีหรั่นได้ยินชื่อที่คุ้นเคยก็หยุดฝีเท้าลง เสียงเย็นชาของเซวียเหวินยูนเอ่ยขึ้น “ผมเคยพูดไปแล้วว่า พวกเราเป็นไปไม่ได้ คุณก็อย่าตามตื้อผมอีกเลย”
“ฉันจะไม่ตามตื้อคุณได้อย่างไร ในเมื่อชอบคุณตั้งแต่มัธยมปลาย ชอบจนถึงตอนนี้ ในเมื่อคุณยอมมาเจอฉัน ก็เติมเต็มความปรารถนาของฉันเสียหน่อยไม่ได้หรือคะ” เด็กสาวเอ่ยไม่เลิกรา
เซวียเหวินยูนคิ้วขมวด หลบเด็กสาวที่คิดจะจับมือเขา ด้านข้างมีเสียงของคนที่ไม่น่าจะปรากฏตัวขึ้นลอยมา “เขาแต่งงานแล้ว พวกเรามีความสุขกันมาก”
เซี่ยชีหรั่นเดินมาคล้องแขนของเซวียเหวินยูน มองเด็กสาวยิ้มๆ เอ่ยด้วยความจริงใจว่า “ลูกของพวกเราก็ใกล้คลอดแล้ว เชื่อว่าคุณจะสามารถหาความสุขที่เป็นของคุณได้เช่นกันค่ะ”
เซวียเหวินยูนที่ถูกคล้องแขนนั้นตกตะลึงก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆผ่อนคลายลง เด็กสาวหน้าซีดมองเซวียเหวินยูนที่ไม่พูดอะไรอย่างเข้าใจ และเอ่ยยิ้มๆว่า “ก่อนหน้านี้ คนที่โรงเรียนล้วนพูดกันว่า เขาไม่สามารถแตะตัวเด็กสาวได้ ฉันเลยคิดว่า บางทีถ้าฉันพยายามสักหน่อยก็น่าจะได้ ดูท่า ไม่ใช่ว่าไม่สามารถแตะต้องได้ แต่เป็นเพราะยังคงหาคนที่ชอบจากใจจริงไม่เจอสินะ”
ในสวนดอกไม้ เซวียเหวินยูนยื่นนมกระป๋องหนึ่งให้เซี่ยชีหรั่น “ติดค้างน้ำใจคุณอีกแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นโบกนมกระป๋องในมือ “น้ำใจครั้งหนึ่งแลกนมได้กระป๋องหนึ่ง ขาดทุนจริงๆค่ะ”
เซวียเหวินยูนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ มองเซี่ยชีหรั่นอย่างเป็นห่วง อ้าปากเหมือนจะพูด เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเซวียเหวินยูนอยากจะพูดอะไร จึงมองน้ำนมสีขาว เอ่ยเสียงเบาว่า “สำหรับป่าเอ๋อร์ ฉันรู้สึกติดค้างเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร ความเมตตาปราณีของเธอนี้ ฉันก็ไม่มีวันได้คืนแล้ว ตอนนี้ฉันทำได้เพียงแค่ใช้อีกวิธีการหนึ่งมาตอบแทนเธอ”
คำพูดของเซี่ยชีหรั่นทำให้เซวียเหวินยูนสับสนงุนงง ตอนที่จะถามต่อ เซี่ยชีหรั่นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสียแล้ว “คุณกับโยวจื๋อรู้จักกันได้อย่างไรหรือคะ ฉันเห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคนดีมาก”
เซวียเหวินยูนดื่มเบียร์อึกใหญ่ เม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมเป็นคนไข้ของเขา เขาก็เป็นคุณหมอเพียงคนเดียวที่ยั่วโมโหผมได้ เพียงแต่ผมคิดว่าตอนนี้ผมไม่ต้องการเขาแล้ว”
“คุณรักษาหายแล้วหรือคะ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยอย่างประหลาดใจ
เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ จู่ๆก็ยื่นมือมาจิ้มไหล่เซี่ยชีหรั่น “อย่างน้อยก็รักษาหายแล้วสำหรับคุณ”
บรรยากาศปรองดอง เซวียเหวินยูนมาส่งเซี่ยชีหรั่นที่ใต้ตึก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “เขายังสบายดีอยู่ไหม”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ถ้าหากว่าฉันกลับประเทศล่ะก็ ฉันจะนำคำพูดที่คุณฝากไปทักทายค่ะ”
เซวียเหวินยูนโบกมือยิ้มๆ และขับรถจากไป
ยามค่ำคืน ดวงตาของป่าเอ๋อร์จ้องมองเซี่ยชีหรั่นอยู่ตลอดเวลา ในแววตานั้นมีทั้งความเศร้าเสียใจ การขอร้อง และเป็นห่วงอย่างน่าประหลาด เซี่ยชีหรั่นตกใจตื่น โทรศัพท์มือถือมีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับ
“หม่ามี๊ ผมคิดถึงหม่ามี๊แล้ว” ข้อความของเย่เนี่ยนโม่ยังมีคำผิด เมื่อนึกถึงท่าทางน่ารักของเนี่ยนโม่และนัยน์ตาของป่าเอ๋อร์ในสมอง เซี่ยชีหรั่นก็นั่งไม่ติด รีบเก็บเอกสารและเสื้อผ้าหลายชุด เตรียมตัวกลับประเทศ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset