สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1350 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1250

พี่หลี่พยุงชายหนุ่มกลับมาแต่ยังเห็นเย่เชินหลินยังอยู่ จึงชะงักขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ร้านค้าจะเล็กแคบและร้อน เย่เชินหลินที่สวมชุดสูทนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก และมองพี่หลี่อย่างใจเย็น
พี่หลี่ก็ติดตามหลัวกุ้ยเหยาคลุกคลีกับราชการอยู่นานสองนาน เห็นหน้าคนมามากมาย ก็ย่อมมองออกถึงใบหน้าของเย่เชินหลินที่มาหาตัวเองนั้นต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน จึงได้ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น :“วันนี้ที่คุณมาที่นี่มีวัตถุประสงค์อะไร”
“เซี่ยชีหรั่นถูกหลัวกุ้ยเหยาใส่ร้ายกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการทุจริต ผมต้องการให้คุณช่วยไปเป็นพยาน ผมรู้ว่าคุณนั้นเป็นญาติกับหลัวกุ้ยเหยา
เย่เชินหลินพูดถึงตรงนี้ก็หยุด เขารู้ดีว่าพี่หลี่เป็นคนฉลาด เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอยู่ข้างหลัวกุ้ยเหยาท่ามกลางญาติที่มากมายของหลัวกุ้ยเหยา ไม่น่าจะใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไร
พี่หลี่มองเย่เชินหลินอย่างใจเย็น เธอนั้นรู้เรื่องของหลัวกุ้ยเหยาจริง แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าหลัวกุ้ยเหยาจะเข้าไปข้างในแล้ว แต่ข้างนอกยังมีเพื่อนเก่าอีกมากมาย ให้การช่วยเหลือแล้วตัวเองเดือนร้อนเป็นเรื่องไม่ใช่เป็นเรื่องยาก แต่เพื่อเซี่ยชีหรั่นคนเดียวนั้นถือว่าไม่คุ้ม
“คุณรีบไปซะ ครอบครัวผมไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับหลัวกุ้ยเหยา!”ทันใดนั้นชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงโมโหขึ้น ดิ้นรนต้องการจะลุกขึ้นจากเตียง
“เหล่าหวาง!” พี่หลี่ได้เรียกขึ้น รีบก้าวไปพยุงเหล่าหวางไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งจะพยุงผู้ชายคนหนึ่งให้อยู่นั้นต้องใช้แรงมที่มหาศาล
เย่เชินหลินจึงก้าวไปข้างหน้าจับที่เอวของเหล่าหวางแล้วอุ้มกลับไปบนเตียง พี่หลี่ปรายตามองเย่เชินหลินอย่างซาบซึ้งใจเหล่าหวางยังคงดุด่าด้วยความโมโห:“ผมจะบอกพวกคุณนะ พวกเราไม่ขอเข้าไปข้องเกี่ยวกับโลกของคนรวยอย่างพวกคุณ พวกคุณก็อย่ามารบกวนพวกเรา หากครั้งหน้ามาอีกผมก็จะเอาไม้กวาดมาไล่คุณ!”
“ผมไม่มีทางล้มเลิก วันนี้รบกวนพวกท่านแล้ว หวังว่าพวกคุณจะคิดไตร่ตรองคำพูดของผม” เย่เชินหลินพยักหน้าให้กับพี่หลี่ เดิมทีเขาอยากจะมอบเงินให้กับครอบครัวนี้ แต่เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนนี้ไม่ค่อยเป็นมิตร และตอนนี้ไม่ใช่เป็นเวลาที่ดี
เย่เชินหลินมุ่งตรงไปที่สถานที่กักขัง ท่าทางเซี่ยชีหรั่นที่ยังคงอ่อนโยน เมื่อเห็นดวงตาเขียวคล้ำของเย่เชินหลินจึงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง:“คุณเหนื่อยมากเลยใช่ไหม”
เย่เชินหลินกุมจับมือของเซี่ยชีหรั่นมากุมไว้ แล้วถามขึ้น:“อยู่ที่นี่ทุกอย่างยังโอเคหรือเปล่า”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแล้วพยักหน้าพูด:“Bakerบางครั้งก็มาหามาพูดมาคุยเป็นเพื่อน ฉันอยู่ที่นี่สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันมั่นใจว่าตำรวจจะต้องคืนความบริสุทธิ์ให้กับฉันได้อย่างแน่นอน”
เย่เชินหลินพยักหน้า จากนั้นเห็นจุดแดงๆบนแขนของเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่ตั้งใจ จึงขมวดคิ้วดึงถลกแขนเสื้อของเซี่ยชีหรั่นออกแล้วถามขึ้น :“เกิดอะไรขึ้น!”
เซี่ยชีหรั่นดึงแขนเสื้อลง แล้วยิ้มอย่างเฉยเมยว่า:“ตอนนี้ใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิยุงก็เลยเยอะนิดหน่อย”
เย่เชินหลินกอดเซี่ยชีหรั่นเข้ามาไว้ในอ้อมแขนด้วยความเป็นห่วง ไม่ว่าจะอย่างไร สภาพแวดล้อมในสถานที่กักขังจะดีกว่าที่บ้านได้อย่างไร
ไม่ว่าการนอน การกิน ยังมีพวกนี้อีก เย่เชินหลินออกมาถึงหน้าประตูใหญ่ของสถานที่กักขัง จึงหยิบข้อมูลการติดต่อของซือซือที่ทิ้งไว้ให้ตัวเองตอนที่จากไป
“ฉันรอคุณนานแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นคนโทรศัพท์มาหาฉัน “ ซือซือหัวเราะในขณะที่คุยโทรศัพท์
คำพูดของซือซือทำให้เย่เชินหลินประหลาดใจมาก ซือซือนั้นอยู่ข้างหลินเจี๋ยมาโดยตลอด ทุกคนต่างเป็นแค่คนที่รู้จักกันธรรมดา แต่บางครั้งการเคลื่อนไหวหรือสายตาของผู้หญิงคนนี้ทำราวกับว่าเหมือนรู้จักตัวเองมาอย่างช้านาน
“สิ่งที่คุณอยากได้ผมสามารถมอบให้คุณได้” เย่เชินหลินกล่าว
หลังจากที่โทรศัพท์เงียบขึ้นอยู่นานสองนาน นานจนเย่เชินหลินคิดว่าคู่สายนั้นวางสายโทรศัพท์ลงไปแล้ว “สิ่งที่ฉันอยากได้คุณไม่มีทางมอบให้กับฉันได้หรอก ในเมื่อคุณเต็มใจสละบริษัทเพื่อเซี่ยชีหรั่น อย่างนั้นฉันต้องการให้คุณทำเรื่องหนึ่งให้ฉัน”
“เรื่องอะไร” เย่เชินหลินถามขึ้น
“ฉันต้องการให้คุณแนะนำฉันต่อหน้าคนในบริษัท” ซือซือฉีกยิ้มขึ้นแล้วถาม:“ว่าไง”
น้ำเสียงของซือซือทำให้เย่เชินหลินรู้สึกรางๆว่าเคยคุ้นเคยเล็กน้อย เยาะเย้ยและข่มความรู้สึกจริงไว้ข้างใน จากนั้นพูดขึ้นว่า “ตามที่คุณปรารถนา”
ในสถานที่กักขัง เซี่ยชีหรั่นได้เดินเข้ามาแล้วผ่านห้องๆหนึ่ง จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกลอกตามองบนใส่เซี่ยชีหรั่นทันที เซี่ยชีหรั่นไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้เข้ามาที่นี่หลังเธอ และดูคล้ายกับจะเป็นปฏิปักษ์กับเธอมาก
ในช่วงเวลารับประทานอาหาร เซี่ยชีหรั่นที่ถือจานอุปกรณ์ตักข้าว ไม่ทันเห็นว่าหญิงสาวคนนี้จงใจยื่นเท้าออกมา เซี่ยชีหรั่นจึงถูกขัดขาจนล้มลงกองไปกับพื้น กับข้าวที่เพิ่งตักมาก็ระเนระนาดกระจัดกระจายเต็มพื้น
“ฮ่าๆๆ เกิดมาสวยแล้วไม่มีประโยชน์อะไร แม้แต่เดินยังไม่ดูตาม้าตาเรือ!” หญิงสาวที่เพิ่งเข้าใหม่มาหัวเราะดังลั่น ไม่นานจึงมีผู้คุมเดินเข้ามาหาแล้วมองหญิงสาวพร้อมกับพูดเตือนว่า:“หลัวหมี่เสว่ อย่าก่อเรื่อง”
หลัวหมี่เสว่เม้มปากแล้วหันหน้าไปทานข้าว ชำเลืองมองผู้คุมโน้มตัวไปพยุงเซี่ยชีหรั่นพร้อมถามขึ้น:“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เซี่ยชีหรั่นมองผู้คุมแล้วยิ้มให้:“ไม่เป็นไรค่ะ” ผู้คุมเห็นฝ่ามือของเซี่ยชีหรั่นถลอกเป็นแผล ยังมีคราบเลือดสดๆ จึงดึงเซี่ยชีหรั่นไปที่ห้องปฐมพยาบาล และBakerก็รีบมาทันที
“ขอบคุณนะ ทำให้คุณลำบากแล้ว” Bakerกล่าวและยิ้มให้กับผู้คุม ใบหน้าของผู้คุมแดงก่ำ เดิมที่เธอคิดว่าBakerนั้นชอบผู้หญิงที่ชื่อเซี่ยชีหรั่นคนนี้ แต่ต่อมาดูแล้วไม่น่าใช่ อีกอย่างซี่ยชีหรั่นมีจิตใจที่งดงาม เธอจึงค่อยๆช่วยเหลือเซี่ยชีหรั่นอย่างจริงใจ
“เกิดอะไรขึ้น” Bakerเห็นฝ่ามือของเซี่ยชีหรั่นจึงขมวดคิ้วขึ้น เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า :“ไม่มีอะไร ก็แค่เดินหกล้มเท่านั้น”
Bakerรู้ดีว่าการกลั่นแกล้งนั้นเกิดขึ้นกับสถานที่กักขังบางแห่ง เซี่ยชีหรั่นคงไม่ใช่ประสบกับเรื่องแบบนี้ขึ้นนะ จึงถามด้วยใบหน้าที่เย็นเยือก:“มีคนกลั่นแกล้งเธอใช่ไหม!”
“ฉันเชื่อมั่นว่าตำรวจอย่างพวกคุณจะช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้ฉันได้ อีกอย่าง เรื่องที่ฉันได้รับบาดเจ็บอย่านำไปบอกเย่เชินหลิน อย่าให้เขามาเยี่ยมฉัน” เซี่ยชีหรั่นกัดฟัเอ่ยการตัดสินใจของตัวเองอย่างยากลำบาก เธอไม่ต้องการให้เขาต้องกังวลแทนเธอ
เช้าของวันรุ่งขึ้น ซือซือเดินเข้าไปในบริษัทเย่ซื่ออย่างลำพองใจ เธอแย่งบริษัทของเย่เชินหลินไปหน้าด้านๆ แล้วเหยียบศีรษะของเย่เชินหลินไว้ จากนั้นให้ชายหนุ่มแหงนหน้ามามองตัวเอง
“เธอมาแล้ว” จางเฟิงอี้กล่าว เย่เชินหลินพยักหน้า ยังไม่ทันได้พูด ซือซือก็ได้ผลักประตูเข้ามา
จ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าที่ตัวเองไม่เคยได้มาครอบครอง ซือซือหัวร้อนขึ้น แทบอยากจะบอกกับเย่เชินหลินว่าตัวเองคือซ่งหวั่นถิงคนที่เขาไม่สนใจใยดีทิ้งไปในตอนนั้น จนทำให้ครอบครัวล้มพังพินาศ!
“ไปกันเถอะ”เย่เชินหลินลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านซือซือ สายตายังคงไม่เคยเพ่งมองมาหยุดที่ตัวของซือซือ
“เย่เชินหลิน!” ซือซือเรียกเย่เชินหลินจากด้านหลัง เย่เชินหลินหันหลังมา นี่เป็นครั้งแรกที่เพ่งสายตามองมาทางซือซือ
ซือซือกัดฟันแล้วพูด:“ที่คุณเป็นแบบนี้เพราะคุณรนหาที่เอง ถ้าหากคุณไม่เลือกเซี่ยชีหรั่น คุณก็จะไม่มาถึงจุดจุดนี้ ถูกคนไล่ออกบริษัท!”
เย่เชินหลินหัวเราะอย่างเฉยเมย พูดแดกดันใส่ซือซือ:“ถ้าหากไม่มีเซี่ยชีหรั่นคุณคิดเหรอว่าผมจะยอมให้คุณได้อย่างง่ายดายเหรอ!”
ซือซือถอยหลังสองก้าว ใช่สิ เธอสามารถอยู่ที่นี่แล้วไล่เย่เชินหลินออกจากบริษัทได้ในที่สุด เมื่อดึงเกมกลับมา เย่เชินหลินบอกกับเธอว่าเขาทำทั้งหมดนั้นเพื่อเซี่ยชีหรั่น
ท่าทางของซือซือทำให้เย่เชินหลินอดไม่ได้ที่จะสังเกต แม้แต่จางเฟิงอี้ก็ต้องปรายตามองด้วยความประหลาดใจ
ในห้องประชุม คนเก่าแก่ต่างๆได้มากันจนครบ ซือซือเดินลำพองใจเข้ามาในห้องประชุม และนั่งลงตรงตำแหน่งของเย่เชินหลินจ้องมองคนกลุ่มในนั้นอย่างย่ามใจ
เย่เชินหลินยืนอยู่ด้านหลังของซือซือ ทำราวกับมองไม่เห็นพฤติกรรมของซือซือ แล้วพูดขึ้นเบาๆ:“ต่อไปทุกอย่างในบริษัทให้ฟังซือซือทั้งหมด”
ผู้บริหารทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ซือซือเหลือบมองเย่เชินหลินครู่หนึ่ง ยกเสียงขึ้นแล้วพูด:“อย่างนั้นสิ่งแรกที่ฉันต้องการทำตอนนี้คือ เชิญคุณออกไปจากบริษัทนี้”
จางเฟิงอี้ต้องการก้าวมาด้านหน้าเพื่อคัดค้าน เย่เชินหลินโบกมืออย่า มองดูซือซือแวบหนึ่งแล้วหันหลังจากไป ซือซือคิดว่าจะเห็นแววตาที่เกรี้ยวโกรธของเย่เชินหลิน แต่แววตาของเย่เชินหลินกลับเย็นชา ซือซือพูดจารุนแรงขนาดนี้ก็ไม่สามารถกระตุ้นอารมณ์ของเย่เชินหลินให้ร้อนขึ้นได้
เย่เชินหลินเดินจากไปอย่างไม่แยแส ซือซือปัดแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะจนพลิกคว่ำ ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห:“ไสหัวออกไป!”
“ประธานเย่!”จางเฟิงอี้เดินตามออกมาจากบริษัทเย่ซื่อ และเตรียมพร้อมเปิดประตูให้กับเย่เชินหลิน เย่เชินหลินส่ายหน้ารับกุญแจมา:“ไม่ต้อง คุณจงอยู่ที่บริษัทเย่ซื่อ”
จางเฟิงอี้ขมวดคิ้วขึ้นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เย่เชินหลินโบกมือปัดและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถต่อรองได้: “อยู่ที่นี่”
ในสถานที่กักขัง เย่เชินหลินถามอย่างใจเย็น :“อะไรคือเธอไม่เต็มใจพบผม” Bakerพูดด้วยความลำบากใจ:“นี่เป็นความหมายของเธอ พวกเราเป็นตำรวจก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ”
“บอกผมมาว่าเธอสบายดีไหม” เซี่ยชีหรั่นไม่ยอมพบเย่เชินหลิน ทำให้เย่เชินหลินยิ่งเป็นห่วง Bakerพยักหน้า:“เธอสบายดี เพียงแต่ไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ ถึงได้ไม่มาพบคุณ”
เย่เชินหลินมองดูห้องที่ว่างเปล่า เม้มริมฝีปากแน่น ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อคลุม วางจดหมายที่นำมาด้วยวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นผลักประตู:“ช่วยผมดูแลเธอด้วย อีกอย่างช่วยนำจดหมายเหล่านี้ไปมอบให้เธอด้วย”
เซี่ยชีหรั่นหลบอยู่ที่มุมมองดูเย่เชินหลินจากไป เบ้าตาแดงก่ำ เธออยากจะรักษาโอกาสทุกครั้งที่เย่เชินหลินมาเยี่ยมเธอ อยากจะสัมผัสความอบอุ่นของเย่เชินหลิน ฟังคำปลอบประโลมที่อ่อนโยนของเขา แต่ว่าเธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง มองดูฝ่ามือที่ได้รับบาดเจ็บ เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจขึ้น
“คนจากไปแล้ว ไม่ต้องมองแล้ว” Bakerมองผู้คุมแล้วกล่าวขอบคุณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอแอบพาเซี่ยชีหรั่นมาที่นี่ เซี่ยชีหรั่นอาจไม่สามารถเห็นเย่เชินหลิน
เซี่ยชีหรั่นมองดูจดหมายในมือของBakerแล้วรับมาด้วยความประหลาดใจ ฉบับแรกเป็นของตัวหนังสือของเย่เนี่ยนโม่ เธอนั้นจำได้
เซี่ยชีหรั่นถือจดหมายเดินไปด้วยความดีใจ มือคู่หนึ่งได้ยื่นตรงมาแย่งจดหมายไป หลัวหมี่เสว่ ได้ฉีกซองจดหมายออก พูดอย่างเหิมเกริมว่า:“ฉันดูหน่อยสิว่าเขียนอะไรไว้บ้าง ถุย ทำไมตัวหนังสือเขี่ยขนาดนี้”
“คืนจดหมายมาให้ฉันนะ อีกอย่างทำไมเธอต้องแกล้งฉันด้วย”” เซี่ยชีหรั่นโมโหขึ้น ปกติไม่อยากจะสนใจหญิงสาวคนนี้ แต่ว่าตอนนี้เธอนั้นทำเกินไป
“เหอะๆ ทำไมฉันต้องกลั่นแกล้งเธอ ทั้งหมดนี้เธอต้องถามตัวเองว่าเคยทำเรื่องดีๆอะไรไว้บ้าง” ”หลัวหมี่เสว่เปิดจดหมายออก แล้วค่อยๆฉีกทิ้ง พลางฉีกพลางหัวเราะ :“ผู้หญิงแบบเธอที่ทำร้ายครอบครัวคนอื่นให้แตกแยก ผู้หญิงแบบเธอควรไปตายซะ!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset