สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1349 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1249

“ทำไมต้องเป็นเซี่ยชีหรั่น” นี่เป็นเรื่องที่เย่เชินหลินคิดไม่ตก
“เหอะๆ ต้องมีวันหนึ่งที่คุณจะได้รับคำตอบ” ”หลัวกุ้ยเหยาหัวเราะแล้วพูด เย่เชินหลินจึงขมวดคิ้วขึ้นแล้วกล่าว :“ให้ผู้หญิงคนนั้นหยุดซะ คุณอยากได้อะไร”
หลัวกุ้ยเหยามองเย่เชินหลินด้วยความประหลาดใจ จึงพูดด้วยความสนใจ:“คิดไม่ถึงว่าคุณจะทำเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งแล้วทำถึงขนาดนี้ได้”
นิ้วมือของเย่เชินหลินกดอยู่บนโต๊ะแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องคิดในตอนนี้”
หลัวกุ้ยเหยาหัวเราะดังลั่น ตำรวจที่อยู่ข้างๆจึงได้เดินเข้ามา หลัวกุ้ยเหยาได้ลุกขึ้นยืนอย่างให้ความร่วมมือ เอียงศีรษะมาพูดกับเย่เชินหลิน:“ผมอยากได้อะไรคุณจะรู้ได้ในเร็วๆนี้แล้ว”
“ประธานประธานเย่ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว” เย่เชินหลินเพิ่งจะออกมาจากประตูใหญ่ของเรือนจำ โทรศัพท์จากจางเฟิงอี้ก็ได้โทรเข้ามา
เมื่อกลับมาถึงห้องสำนักงาน จางเฟิงอี้ทำท่าทำทางด้วยสีหน้าสื่อให้กับเย่เชินหลิน ในห้องสำนักงาน หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่เก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้าน
ซือซือนั่งอยู่ตำแหน่งที่เย่เชินหลินเคยนั่ง กวาดมองดูทุกอย่างในห้องสำนักงานของเย่เชินหลิน เธอไม่เคยใกล้ชิดเย่เชินหลินขนาดนี้มาก่อน วิธีการที่พิเศษแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เธอที่เป็นผู้หญิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก และยิ่งเป็นความรู้สึกพึงพอใจของคนที่ได้แก้แค้น
เย่เชินหลินผลักประตูออกแล้วเห็นใบหน้าของซือซือที่ตกใจเช่นกัน ซือซือลุกขึ้นยืนสะโอดสะองมองเย่เชินหลิน รอให้เย่เชินหลินเอ่ยปาก
เย่เชินหลินสำรวจซือซือ เวลาตกใจเพียงสั้นๆได้ผ่านไป จากนั้นก็เริ่มคิดจุดประสงค์การมาของซือซือ และก็ชี้ไปห้องรับแขกที่อยู่ข้างๆ
ซือซือคิดไม่ถึงว่าเย่เชินหลินจะข่มความโกรธให้นิ่งได้ขนาดนี้ เดินมาที่ห้องรับแขกแล้วนั่งลง ซือซือตัดสินใจลงมือก่อนได้เปรียบ
“ฉันต้องการบริษัทนี้”ซือซือยิ้มแล้วกล่าว
“เหตุผลคือ” เย่เชินหลินถามอย่างใจเย็น
“เหตุผลคือ ตอนนี้บัญชีของเซี่ยชีหรั่นมีเงินสดจำนวนมาก พูดตรงๆก็คือบัญชีปลอมได้ทำไว้เสร็จแล้ว เตรียมพร้อมที่จะส่งให้ทางสถานีตำรวจได้ทุกเมื่อ ที่เหลือคงไม่ต้องให้ฉันต้องอธิบายมาก”
ซือซือรอวันนี้รอมานาน เรื่องแบบนี้เธอสามารถหลบอยู่หลังฉากก็ได้ แต่ว่าเธอต้องการให้สายตาของเย่เชินหลินหยุดอยู่ที่ตัวเองอีกครั้ง ในเมื่อไม่สามารถเป็นความรักได้ อย่างนั้นทำไมจะเป็นความเกลียดไม่ได้
“เหตุผลที่คุณต้องการบริษัทของผมคือ” เย่เชินหลินค่อยๆชี้นำซือซือให้บอกถึงจุดประสงค์ ซือซือที่เคยอยู่ข้างๆเย่เชินหลินมาก่อน จึงค่อนข้างเข้าใจเย่เชินหลิน ได้รีบถามกลับอย่างรวดเร็ว:“คุณอย่ามาหลอกถามฉันเสียให้ยาก ให้ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
เย่เชินหลินเอนหลังพิงโซฟา สายตาจับจ้องซือซืออย่างแรงกล้า และถามขึ้นทันที:“ครึ่งปีก่อนคุณลักพาตัวหลินเจี๋ย หลังจากนั้นคุณไปไหน”
ซือซือชะงัก คิดไม่ถึงว่าเย่เชินหลินอยู่ๆจะถามคำถามนี้ เย่เชินหลินกล่าวต่อ :“ ผมสามารถตอบแทนคุณได้ คุณไปเป็นเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา”
คำพูดของเย่เชินหลินทำให้ซือซือราวกับถูกเปลื้องเสื้อผ้าเปลือยกายภายใต้แสงอาทิตย์ เย่เชินหลินไม่รู้ว่าตัวเองคือซ่งหวั่นถิง แต่ว่าสำหรับซ่งหวั่นถิงแล้ว การถูกเปิดโปงว่าตัวเองคือเมียน้อยต่อหน้าเย่เชินหลินเป็นอะไรที่ค่อนข้างรับไม่ได้ เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นคือคนที่ตัวเองรักที่สุด ต่อให้เกลียด ซือซือก็ไม่อยากให้เย่เชินหลินรับรู้เรื่องราวเหล่านี้
“เดิมทีคุณไม่จำเป็นต้องเสนอหน้า” เย่เชินหลินมองซือซือด้วยความสงสัย สามารถหาใครมาสวมรอยว่าเป็นเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา ยังดีกว่าการมาปรากฏตัวเช่นนี้ เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นยังสามารถหลบหนีได้ทัน แต่ว่าซือซือทำไมถึงต้องเปิดเผยตัวตน
คำถามที่ไม่หยุดหย่อนของเย่เชินหลินทำให้ซือซือที่เดิมทีแน่วแน่เกิดการหวาดระแวงเล็กน้อย หยิบกระเป๋าสะพายไหล่ยืนขึ้น แล้วซือซือก็ทิ้งประโยคไว้:“จะเพื่อเซี่ยชีหรั่นหรือว่าเพื่อบริษัทคุณเลือกเอาก็แล้วกัน แต่ตัดสินใจให้เร็วจะดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นเซี่ยชีหรั่นอาจต้องทรมานนอยู่ข้างใน!”
ซือซือมุ่งเดินออกไปนอกประตูอย่างรวดเร็ว ความย่ามใจเหมือนตอนที่มานั้นไม่มีเหลือแล้ว เย่เชินหลินก้มหน้ามองหมายเลขโทรศัพท์ซือซือที่ทิ้งไว้บนโต๊ะชา
“ตอนนี้ทำอย่างไรดีครับ” จางเฟิงอี้ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง คิดไม่ถึงว่าจุดประสงค์ของซือซือกับหลัวกุ้ยเหยานั้นจะเป็นบริษัทของตัวเอง อย่างนั้นเซี่ยชีหรั่นก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งจนโดนคุมขังเข้าไป เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กำปั้นของเย่เชินหลินยิ่งกำยิ่งแน่น
บริษัทมีพนักงานกว่าห้าร้อยคน เย่เชินหลินไม่มีทางยกบริษัทให้เพียงเพราะคำพูดเดียวของซือซือหรือจางเฟิงอี้ แบบนี้ถ้าหากสองคนนั่นเกิดคิดอุตริตุกติกหาเรื่อง ก็จะมีพนักงานหลายร้อยคนที่ต้องตกงาน
เย่เชินหลินขมวดคิ้วขึ้น Bakerเดินเข้ามาจากด้านนอกและพยักหน้าให้กับเย่เชินหลินแล้วพูดขึ้น:“ดูเหมือนอารมณ์จิตใจของเธอนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว”
เซี่ยชีหรั่นได้เดินเข้ามา มองเย่เชินหลินด้วยแววตาที่เห็นได้ชัดว่าเป็นประกาย เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ:“แบบนี้ยังเรียกว่าอารมณ์จิตใจดีอีกเหรอ”
Bakerมองดูเซี่ยชีหรั่นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ้มแหยแล้วพูดขึ้น:“แบบว่าเตียงในสถานกักขังไม่สบายเท่าเตียงที่ราคาหลายหมื่นหยวนของตระกูลเย่ อาหารการกินก็สู้ตระกูลเย่ไม่ได้”
เย่เชินหลินเงียบ Bakerรู้ว่าเป็นการไล่ตำตรวจทางอ้อม จึงขยิบตาแล้วพูดขึ้น :“นี่เป็นสวัสดิการพิเศษสำหรับพวกคุณนะ”
ประตูถูกปิดลง เซี่ยชีหรั่นก้มศีรษะมองเย่เชินหลินแล้วพูดขึ้น:“ตอนนี้ฉันโคตรดูแย่โคตรดูไม่ได้เลยใช่ไหม”
“ใช่ มีถุงใต้ตาด้วย ยังมีรอยตีนกาเล็กน้อย ริมฝีปากยังแห้งจนจะแตกหลุดแล้ว” เย่เชินหลินกล่าว
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ มองเห็นแววตาของเย่เชินหลินที่แฝงด้วยรอยยิ้ม จึงรู้ว่าอีกฝ่ายแสร้งทำตัวผ่อนคลายเพื่อให้ตัวเองสบายใจ เซี่ยชีหรั่นจึงพูดกล่าวขอโทษ:“เป็นฉันอีกแล้วที่ทำให้คุณต้องวิ่งเต้นไปมา”
เย่เชินหลินไม่ได้บอกเซี่ยชีหรั่นว่าเรื่องนี้เธอนั้นเป็นเพียงแพะรับบาปทั้งหมด เขาเป็นห่วงว่าหากตัวเองบอกไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นจะยิ่งเป็นกังวล จึงลูบศีรษะของเซี่ยชีหรั่นเย่เชินหลินแล้วพูดขึ้น:“ไม่ต้องไปคิดอะไรทั้งนั้น รอผมอยู่ที่นี่อย่างเดียวก็พอ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เย่เชินหลินก้าวมาข้างหน้าเพื่อจะโอบกอดเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นนั้นก้าวถอยหลังพูดด้วยความเขินว่า :“วันนี้ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
เย่เชินหลินหัวเราะออกมา เซี่ยชีหรั่นเบ้ปากพึมพำ:“มันน่าขำขนาดนั้นเลยเหรอ!”
เย่เชินหลินคว้าตัวเซี่ยชีหรั่นมากอดไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่น สัมผัสถึงความอบอุ่นของคนในอ้อมกอด พูดแล้วส่ายหัวขึ้น:“จะให้ผมทำอย่างไรกับคุณดี คุณน่ารักซะขนาดนี้”
ประตูถูกเคาะขึ้น Bakerได้เดินเข้ามา ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น:“ผมอยากจะปล่อยตัวเซี่ยชีหรั่นจริงๆ แต่ความจริงตอนนี้คือถึงเวลาเธอแล้ว”
เย่เชินหลินพยักหน้าแล้วคลายตัวเซี่ยชีหรั่น ฝ่ามือของเซี่ยชีหรั่นที่จับมือของตัวเองอยู่นั้นได้กำแน่นขึ้น เย่เชินหลินก้มหน้ามองเซี่ยชีหรั่นที่จับมือของตัวเองไว้
เซี่ยชีหรั่นจึงปล่อยออกอย่างรวดเร็ว และแสร้งยิ้มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นกล่าวขึ้น “เดินทางปลอดภัยนะ” เย่เชินหลินทนเห็นสีหน้าผิดหวังของเซี่ยชีหรั่นไม่ได้ รีบพยักหน้าแล้วตามBakerจากไป
เซี่ยชีหรั่นมองดูมือของตัวเองอย่างอาวรณ์ เมื่อสักครู่ที่จับมือของเย่เชินหลินไว้แน่นเพราะไม่ยอมให้อีกฝ่ายจากไป “ซือซือเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่” เซี่ยชีหรั่นพูดเบาๆ
วันต่อมาจางเฟิงอี้เดินเข้ามาในห้องสำนักงานของเย่เชินหลินอย่างรีบร้อน และพูดขึ้น:“ไม่รู้ว่าใครในบริษัทไปปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน ตอนนี้ทุกคนกำลังแสดงความคิดเห็นกันอย่างใหญ่โต”
เย่เชินหลินพลิกดูใบรายงานแล้วพูดด้วยความเคร่งขรึม:“ไม่ต้องกลบข่าว บอกพวกเขาไปตรงๆว่าบริษัทไม่มีแผนการในการเลิกจ้างพนักงาน เพื่อให้ทุกคนสบายใจ”
จางเฟิงอี้ลงไปถ่ายทอดคำสั่ง สำหรับเย่เชินหลินเขานั้นยังคงมั่นใจเสมอ ชายหนุ่มคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรไม่เคยมีคำว่าไม่มั่นใจ
โทรศัพท์ดังขึ้น ไห่ลี่หมินยิ้มแล้วพูดขึ้น :“โทรศัพท์หาชีหรั่นแล้วไม่มีคนรับสายเลย หลินหลิงอยากถามว่าอีกสองวันเป็นวันเกิดของโจ๋ซวน มีเวลาไปBBQด้วยกันไหม”
“คุณยังจำซือซือได้ไหม” เย่เชินหลินถาม “ ซือซือ ไม่ใช่ภรรยาของหลินเจี๋ยเหรอ” ไห่ลี่หมินรู้ว่าเย่เชินหลินนั้นจะไม่จู่ๆเอ่ยถามถึงใครบางคน เสียงยังจึงจริงจังขึ้น
เย่เชินหลินตอบรับแล้วพูดขึ้น :“ช่วงนี้ให้ถอนธุรกิจจากบริษัทของผมออกไปก่อน”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ไห่ลี่หมินตกใจ เย่เชินหลินทำแบบนี้จะต้องไม่เพียงแต่ถอนส่วนแบ่งของบริษัทตัวเองกับบริษัทเย่เชินหลินเท่านั้น เขาจะต้องรู้ว่ามันส่งผลต่อทุกอย่าง
“แล้วจะอธิบายให้กับคุณทีหลัง” เย่เชินหลินไม่รู้ว่าซือซือรวมไปถึงหลัวกุ้ยเหยาที่อยู่เบื้องหลังนั้นต้องการบริษัทของตัวเองไปทำอะไร แต่สามารถรู้ได้ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี เขาจะต้องเตรียมแผนการร้ายไว้ให้พร้อม
หลังจากวางสายโทรศัพท์ลง เย่เชินหลินก็ได้โทรศัพท์หาหยูหลัน นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาถอยหลังไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมแพ้
นับตั้งแต่ที่ซือซือจากไปก็ไม่ได้โทรหาเย่เชินหลิน Bakerได้โทรศัพท์เข้ามาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน :“ที่หลัวกุ้ยเหยาได้ยื่นอุทธรณ์นั้นได้รับการพิจารณาแล้ว ถ้าเขาหากดึงเซี่ยชีหรั่นเข้ามาเกี่ยวข้องระหว่างยื่นอุทธรณ์ อย่างนั้นต้องจบกันแน่ๆ เพราะเงินนั้นตอนนี้อยู่ในมือของเซี่ยชีหรั่น และยังมีคำให้การของหลัวกุ้ยเหยาอีก”
เย่เชินหลินรู้ว่าซือซือกับหลัวกุ้ยเหยานั้นลงมือแล้ว พวกเขาต้องการใช้วิธีนี้ในการข่มขู่ตัวเอง ทำให้ตัวเองยอมอ่อนข้อให้
เย่เชินหลินนึกถึงเซี่ยชีหรั่นเจอเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลที่ชื่อพี่หลี่ จึงได้รีบไปที่โรงพยาบาล เย่เชินหลินได้ถามที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้นมาอย่างละเอียด
ในร้านค้าที่ขนาดไม่ค่อยใหญ่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นอัมพาตทั้งตัวนอนเป่าพัดลมอยู่ในนั้น และผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยุ่งอยู่กับการหยิบสิ่งของให้กับลูกค้า
เย่เชินหลินมองดูแล้วบอกกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้ก็ดูคล้ายกับเป็นลูกน้องของหลัวกุ้ยเหยา ตอนนี้กลับยอมเปิดร้านค้าเล็กๆ
“คุณคือพี่หลี่เพื่อนร่วมงานเก่าของเซี่ยชีหรั่นใช่ไหมครับ” เย่เชินหลินก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วถามขึ้น พี่หลี่มองเย่เชินหลินอย่างระแวดระวัง สักพักถึงได้พูดขึ้น:“คุณคือเย่เชินหลินเหรอ”
เย่เชินหลินพยักหน้าแล้วพูด:“ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้เรื่องของหลัวกุ้ยเหยาแล้ว แต่ว่าตอนนี้เกิดเหตุการณ์นิดหน่อย หลัวกุ้ยเหยานำเงินจำนวนหนึ่งโอนเข้าไปในบัญชีของเซี่ยชีหรั่น ปลอมแปลงว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นทำการทุจริต”
“ไม่มีความเป็นคนเลยจริงๆคนนี้ !ฉันเห็นเซี่ยชีหรั่นเคนนั้นออกจะเป็นเด็กดี” พี่หลี่พูดด้วยความโมโห
“สิ่งที่เขากระทำอย่างโหดเหี้ยมนั้นยังน้อยไปเหรอ ถึงอย่างไรสวรรค์ก็จะต้องลงโทษเขาอย่างแน่นอน” สามีของพี่หลี่ที่นอนอยู่ข้างๆพูดขึ้นด้วยความโกรธ และดิ้นรนเพื่ออยากจะลุกขึ้น
พี่หลี่รีบก้าวเข้าไปเพื่อพยุงชายหนุ่ม:“อยากจะไปห้องน้ำล่ะสิ บอกคุณแล้วว่าอย่าดื่มน้ำมาก”
พี่หลี่เข็นชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหลังของร้านค้า เย่เชินหลินดูออกว่าพี่หลี่คนนี้ไม่อยากจะสนใจตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ว่าเพื่อเซี่ยชีหรั่น เขาไม่มีทางปล่อยความน่าเป็นไปทั้งหมดทิ้งไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset