สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1352 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1252

พี่หวาง รู้ว่าเย่เชินหลินช่วยเหลือตัวเองไว้ สีหน้าที่มีต่อเย่เชินหลินก็ดีขึ้นมาก และให้พี่หลี่ไปล้างผลไม้อย่างไม่เป็นปกติ
เย่เชินหลินยืนอยู่ตรงหน้าพี่หลี่และแนะนำ : “ท่านนี้คือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกในลอส แองเจลิส เขาเก่งเรื่องการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ”
พี่หลี่มองไปที่คนชราด้วยความหวังน้อยนิด พี่หวาง ที่เดิมทีนอนอยู่บนเตียงพูดอย่างนิ่งเฉยว่า : “ขอบคุณน้ำใจของประธานเย่ พวกเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ถ้าต้องเป็นอัมพาตจริงๆ ก็เป็นชีวิตของฉัน”
“เหล่าหวาง !” พี่หลี่หันหน้าไปมองและกระซิบเบาๆ คุณหมอที่เย่เชินหลินแนะนำต้องไม่เลวแน่นอน ตอนนี้การไปหาหมอในประเทศของพวกเขายังค่อนข้างลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหาหมอที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
เหล่าหวางมองพี่หลี่อย่างดุๆ และหันกลับไปพูดกับเย่เชินหลินว่า : “ฉันรู้ว่าคุณมาที่เพื่ออะไร ขอโทษพาคนของคุณไปเถอะ ขอบคุณน้ำในของคุณ”
เย่เชินหลินรู้ดีเรื่องราวไม่มีทางราบรื่นขนาดนั้น พยักหน้าและพูดว่า : “ฉันยอมรับที่ฉันทำทั้งหมดเพื่อเซี่ยชีหรั่น แต่ถ้าชีหรั่นอยู่ที่นี่ ฉันคิดว่าเธอก็ต้องช่วยพวกคุณแบบนี้โดยไม่มีเงื่อนไข ฉันขอตัวก่อน วันนี้รบกวนคุณแล้ว”
เย่เชินหลินออกจากห้อง สีหน้าปรากฏร่องรอยความวิตกกังวลบนใบหน้าที่ไร้ความสุข เซี่ยชีหรั่นรอไม่ได้แล้ว นึกถึงคนที่เขาคิดถึง เย่เชินหลินขับรถเร็วขึ้นนิดหน่อย
ในสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัย เซี่ยชีหรั่นมองกองจดหมายหนา ภาพขีดเขียนของเย่ชูฉิง บทความสั้นๆ ที่เนี่ยนโม่เขียน หัวข้อบทความที่เขียนคือคนที่คุณอยากเป็น “คนที่อยากเป็นก็คือยอดมนุษย์ แบบนี้จึงสามารถปกป้องหม่าหมี๊”
เซี่ยชีหรั่นอ่านไปยิ้มไป จดหมายฉบับหนึ่งหล่นลงมา เซี่ยชีหรั่นเก็บขึ้นมา ตัวอักษรสามตัวที่ด้วยปากกาอย่างมีพลังว่า “เซี่ยชีหรั่น”
หัวใจของเซี่ยชีหรั่นตกลง เย่เชินหลินเขียนจดหมายให้ตนเอง? จดหมายบางมาก จนสามารถเป็นโครงร่างบางส่วน เซี่ยชีหรั่นเปิดจดหมายออกอย่างสงสัย ในซองจดหมายมีรูปสองใบ
หยิบรูปใบแรกขึ้นมา เป็นภาพครอบครัวใบหนึ่ง เป็นตอนที่เย่ชูฉิงถือถุงโชคดีใบเล็กๆ ตอนครบเดือน ใส่ชุดสมัยราชวงศ์ถังจับนิ้วของไห่โจ๋ซวนไว้ไม่ยอมปล่อย ไห่โจ๋ซวนปล่อยให้เย่ชูฉิงจับไว้อย่างสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
ไห่ลี่หมินและหลินหลิงยืนหัวเราะอยู่อีกด้าน เย่เนี่ยนโม่กับเย่เชินหลินยืนอยู่ด้วยกันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ที่เหมือนกัน สายตาของเย่เชินหลินมองไปทางเซี่ยชีหรั่นที่อยู่อีกด้านน้อยๆ แววตาอบอุ่นจนแทบจะละลายเป็นน้ำ
“ติ๋ง ติ๋ง” เซี่ยชีหรั่นไม่อยากร้องไห้ แต่อดไม่ได้ เห็นรูปที่อบอุ่นอย่างนี้ขณะที่โดดเดี่ยวรู้ได้ว่าตัวเองไม่ได้โดนโลกใบนี้ทอดทิ้ง ทำให้ยังมีความกล้าที่จะเดินต่อไป
ค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่หยดลงบนรูปถ่าย เซี่ยชีหรั่นเปิดรูปที่สองดู ในรูปเย่เชินหลินกำลังหลับสนิท มีคนหนึ่งแอบใช้มือถือถ่ายรูปกับเย่เชินหลินไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากระจกอีกด้านส่องสะท้อนทุกอย่างที่ถ่ายไว้ในรูปถ่ายด้วย
“ปึกๆ รูปอย่างนี้จะล้างออกมาทำไม” เซี่ยชีหรั่นหัวเราะออกมา พูดเสียงเบาๆ ลมแรงจากสนามพัดมาทำให้รูปถ่ายที่เซี่ยชีหรั่นวางไว้บนขาปลิว เซี่ยชีหรั่นรีบยื่นมือไปคว้าเอาไว้
เท้าข้างหนึ่งเหยียบมือเซี่ยชีหรั่นไว้ “อุ๊ย ขอโทษ ฉันไม่เห็นมือของคุณ!” หลัวหมี่เสว่ยิ้มโดยที่เท้ายังบดขยี้อยู่บนมือของเซี่ยชีหรั่นอีกสักพักจึงเอาเท้าออก
“โอ๊ย!” เซี่ยชีหรั่นเจ็บจนร้องออกมา เจ็บจนน้ำตาไหล พื้นรองเท้าของหลัวหมี่เสว่ตอนเดินมามีก้อนหินติดมาด้วย ก้อนหินเสียดสีกับมือของเซี่ยชีหรั่นจนมีเลือดไหลออกมา และบางส่วนก็ฝังลึกอยู่ในนั้น
หลัวหมี่เสว่ก้มลงหยิบรูปขึ้นมา เห็นรูปครอบครัวที่มีความสุข แววตาส่องประกายความเคียดแค้นออกมา พูดอย่างโกรธแค้นว่า : “ไม่เลวนิ! ฉันเห็นพวกคุณยิ้มดีใจขนาดนั้น เป็นยังไง ทำครอบครัวคนอื่นวุ่นวายยังคิดอยากจะมีความสุข มีการทำธุรกิจที่ง่ายขนาดนั้นไหม?”
เซี่ยชีหรั่นอดทนระงับความเจ็บปวดที่ส่งมาไว้ เงยหน้ามองหลัวหมี่เสว่และถามว่า : “คุณเป็นใครกันแน่?”
หลัวหมี่เสว่บุ้ยปาก เมื่อเห็นแผลบนมือของเซี่ยชีหรั่นก็กลัวนิดหน่อย เธอคิดไม่ถึงว่าพื้นรองเท้าของตัวเองจะมีก้อนหินอยู่ คำถามของเซี่ยชีหรั่นทำให้ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นใครฉันต้องรายงานคุณด้วยหรือไง คุณเป็นคุณหญิงรวยจนโง่ไปแล้วสิน่ะ” หลัวหมี่เสว่ยกมือขึ้นเตรียมจะตบเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นเอื้อมมือที่โดนเหยียบจนได้รับบาดเจ็บออกมายั้งมือของหลัวหมี่เสว่ไว้ แววตาที่อ่อนโยนมีความเฉียบแหลมอยู่ : “ฉันจะบอกคุณ ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่คิดบัญชีคุณเพราะคุณยังเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันโกรธไม่เป็น”
น้ำเสียงเย็นชาของเซี่ยชีหรั่นทำให้หลัวหมี่เสว่ตะลึงจนก้าวถอยหลังไปสองก้าว และรู้สึกไม่ยอมขึ้นมาอย่างรวดเร็วสะบัดมือของเซี่ยชีหรั่นออก หลัวหมี่เสว่ขยำรูปในมืออย่างโหดเหี้ยม
“หยุดน่ะ!”
เซี่ยชีหรั่นรีบตรงออกไปคิดจะแย่งรูปกลับมา หลัวหมี่เสว่กลับฉีกรูปอย่างมีความสุข เซี่ยชีหรั่นมองรูปในมือที่หลัวหมี่เสว่ที่โดนฉีกออก
“เพี๊ยะ!” หลัวหมี่เสว่จับหน้าด้านที่ตบไว้และมองเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นดูรูปถ่ายที่โยนทิ้งไว้บนพื้น และยังคงใช้หลังมือตบต่อไป
“คนที่ไม่รู้จักเคารพคนอื่น คนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเคารพคุณเช่นกัน!” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างเย็นชา
หลัวหมี่เสว่ที่โดนเซี่ยชีหรั่นตบถึงสองครั้งในชั่วครู่ มองเซี่ยชีหรั่นอย่างตกตะลึง และอยู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมากะทันหัน เอามือจับหน้าพลางเช็ดน้ำตาพลางพูดว่า :
“คุณอยากรู้ไม่ใช่หรือไงว่าฉันเป็นใคร? ฉันบอกคุณ ฉันเป็นลูกสาวของหลัวกุ้ยเหยา คุณเป็นจิ้งจอกที่ทำร้ายครอบครัวของพวกเรา และยังทำร้ายจนพ่อของฉันติดคุก ฉันไม่มีทางจบแน่”
เซี่ยชีหรั่นตกใจ เธอเคยได้ยินพี่หลี่พูดว่าหลัวกุ้ยเหยามีลูกสาวคนหนึ่งเรียนที่ต่างประเทศ ทำไมอยู่ๆ ถึงกลับมาและยังเข้ามาในสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัย ทั้งยังบอกว่าตัวเองเป็นจิ้งจอก ที่ทำให้หลัวกุ้ยเหยาติดคุกนี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“คุณฟังที่ฉันพูด อาจจะเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” เซี่ยชีหรั่นเอื้อมมือออกไปอยากจะดึงหลัวหมี่เสว่ หลัวหมี่เสว่ใช้ร่างกายกระแทกไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างโหดๆ พยายามจะหนีไป
เซี่ยชีหรั่นตกใจมากเกินไปหน่อยจากคำพูดของหลัวหมี่เสว่เมื่อกี้ จึงไม่ได้ป้องกัน เมื่อโดนหลัวหมี่เสว่ผลักจึงเซถอยหลังไปตามความเคยชิน และล้มลงบนซองจดหมายที่หล่นกระจายอยู่บนพื้น เซี่ยชีหรั่นลื่นลงอย่างหนักจนหัวไปกระแทกกับมุมเก้าอี้ที่นั่งเมื่อกี้
หลัวหมี่เสว่มองเซี่ยชีหรั่นที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้นด้วยความสงสัย และใช้ปลายเท้าสะกิดด้านหลังของเซี่ยชีหรั่น : “นี่ ลุกขึ้น คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะเห็นใจหรือไงกัน?”
เลือดสีแดงเข้มค่อยไหลออกมาจากท้ายทอยของเซี่ยชีหรั่นจนซึมลงบนพื้นทราย หลัวหมี่เสว่มองเซี่ยชีหรั่นที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอย่างตื่นตระหนก ความกลัวในใจแพร่ออกมาในทันที
เธอได้รับการยั่วยุจากซือซือจึงขโมยของเพื่อให้ได้เข้ามาในนี่ เพราะแค่อยากจะสั่งสอนเซี่ยชีหรั่นสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะหลักเซี่ยชีหรั่นล้มลงจนมีเลือดออกมามากขึ้นเรื่อยๆ หลัวหมี่เสว่ตะโกนเสียงดัง : “มีใครอยู่บ้าง!มีคนล้มลง!”
ระหว่างที่เซี่ยชีหรั่นสลบ รู้สึกว่ามีมือที่อบอุ่นคู่หนึ่งประคองตัวเองไว้ : “เชินหลิน” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยออกมาเบาๆ
เย่เชินหลินเพิ่งจะมาถึงสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัย ยังไม่ทันได้เข้าไปก็โดนBakerลากออกมาด้านนอกแล้ว
“เซี่ยชีหรั่นเข้าโรงพยาบาลXXไปแล้ว” Bakerเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นของเย่เชินหลินรู้สึกเสียใจกับเซี่ยชีหรั่นเป็นอย่างมาก เพราะตอนนั้นเขาเกลี้ยกล่อมให้เซี่ยชีหรั่นไปหาลูกน้องของหลัวกุ้ยเหยา จึงทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องเผชิญกับเรื่องราวหลังจากนั้น
เพิ่งจะพูดจบ เย่เชินหลินสะบัดมือBakerออกและพุ่งตัวออกไป รีบเร่งมาถึงโรงพยาบาล Bakerที่ตามหลังมารีบชี้ไปที่ห้องฉุกเฉิน
เย่เชินหลินมองไปที่ไฟสีแดงในห้องฉุกเฉินอย่างไร้เรี่ยวแรง เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ เย่เชินหลินขยับเท้าทั้งคู่ที่ยืนแข็งทื่อ
“เย่เชินหลิน?” สวีเห้าเซิงเดินผ่านมาด้านข้างและมองเย่เชินหลินอย่างแปลกๆ
เย่เชินหลินเงยหน้าขึ้นมาอย่างอ้างว้างเล็กน้อย พยักหน้าหลังจากเห็นสวีเห้าเซิงและหันหน้าไปมองที่ห้องผ่าตัดต่อ
“เกิดอะไรขึ้น? คุณรอใครอยู่?” สวีเห้าเซิงเคยเห็นท่าทางสิ้นหวังอย่างนี้ของเย่เชินหลิน นั่นเป็นตอนที่เซี่ยชีหรั่นโดนสะกดจิต แต่วันนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะอีก
“เซี่ยชีหรั่นอยู่ในนั้น? ใช่ไหม?” สวีเห้าเซิงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เย่เชินหลินมองสวีเห้าเซิง ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ สวีเห้าเซิงปล่อยมือหันหลังและเดินออกไป
หลังจากที่สวีเห้าเซิงเจอกับเย่เชินหลินก็ตรงไปหาซือซือ เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยอย่างแรง ซือซือมองสวีเห้าเซิงด้วยความประหลาดใจ : “สวีเห้าเซิง คุณทำอะไร คุณทำให้ฉันตกใจ!”
สวีเห้าเซิงเดินไปตรงหน้าซือซือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โน้มตัวเผชิญหน้ากับซือซือ พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า : “หลายวันมานี้ คุณบอกว่าฉันไม่บีบคุณ เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิง แต่คุณกลับทำร้ายเซี่ยชีหรั่นอยู่ตลอดเวลา คุณมีหัวใจหรือเปล่า?”
ซือซืออย่างแปลกใจ : “เซี่ยชีหรั่น? เธอเป็นอะไร?” ซือซือถามพลางคิดทบทวนในใจ จากบุคลิกของหลัวหมี่เสว่ไม่น่าจะกล้าทำร้ายเซี่ยชีหรั่นสิ สำหรับหลัวหมี่เสว่แล้วเธอก็แค่ปล่อยให้เข้าไปทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่มีชีวิตที่มีความสุขเท่านั้นเอง
“ตอนนี้ชีหรั่นอยู่ในห้องICU!” สวีเห้าเซิงพูดทุกคำด้วยเสียงสั่นคลอน ขณะที่เซี่ยชีหรั่นได้รับบาดเจ็บเจอกับความลำบาก ตัวเองกลับอยู่ที่นี่ตลอด
“ห้องผ่าตัด? ฮ่าฮ่าฮ่า คุณว่าเธอจะตายไหม? ไม่ เธอตายไม่ได้” ซือซือบ่นอุบ และอยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเสียงดังจนน้ำเกลือที่แขวนอยู่ด้านบนสั่นตามไปด้วย
“คุณ!” สวีเห้าเซิงยกมือขึ้น ซือซือเงยหน้าออกไป ขมวดคิ้วและพูดว่า : “เอาสิ อยากตบฉัน? หลังจากหลายวันมานี้เห็นคุณวิ่งไปวิ่งมา ฉันยังคิดว่าทำไมท่าทางทัศนคติของคุณดีขนาดนี้ในคืนเดียว ที่แท้ก็ทำเพื่อเซี่ยชีหรั่น ฮ่าฮ่าฮ่า!”
สวีเห้าเซิงมองใบหน้าซีดขาวของและริมฝีปากที่แห้งเพราะเคมีบำบัดซือซือ จึงวางมือลง และหันกลับไปพูดว่า : “ซือซือ ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ”
“ไสหัวไปเถอะ อย่ามาให้ฉันเห็นอีก ฉันจะเป็นยังไงคุณไม่ต้องสนใจ” ซือซือมองนอกหน้าต่างและพูดอย่างนิ่งเฉย
สวีเห้าเซิงออกไป ทั้งห้องเงียบสงัดเหลือซือซือเพียงคนเดียว ซือซือกวาดสายตามองห้องที่ว่างเปล่าในแววตาปรากฏความลังเลขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นกลับไปสีแสดงท่าทางไม่สนใจเหมือนเดิม
สวีเห้าเซิงวิ่งมาจนถึงห้องผ่าตัด เย่เชินหลินยังยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น ไม่เปลี่ยนแม้แต่ท่าทาง ถอนหายใจจากนั้นสวีเห้าเซิงตบไหล่เย่เชินหลินและพูดว่า :” เธอต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset