สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1353 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1253

ไฟในห้องผ่าตัดดับลง เย่เชินหลินที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเงยหน้าขึ้นมาทันที ผ้าพันแผลบนศีรษะของเซี่ยชีหรั่นพันไว้หนามาก ครอบหน้ากากออกซิเจนไว้ที่หน้าและคนดูแลกำลังเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด
“ศีรษะกระแทกอย่างแรง ตอนนี้ต้องเข้าไปพักในห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนักสักสองวัน” แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้าให้เย่เชินหลินและพูดจบในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นรีบเข็นเตียงของเซี่ยชีหรั่นเข้าไปในห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนัก
เย่เชินหลินยืนมองเซี่ยชีหรั่นโดนเข็นออกห่างไปจากข้างกายตนเอง เสียงรถเข็นดังมาจากพื้น เย่เชินหลินก้มหน้า แหวนวงหนึ่งหล่นลงบนพื้น นี้เป็นแหวนที่เขากับเซี่ยชีหรั่นช่วยกันทำขึ้นมาตอนอยู่ที่รีสอร์ต
เขาก้มลงเก็บแหวน เย่เชินหลินจูบแหวนเย็นๆ วงนั้น เม้มริมฝีปากแน่นและยิ้มออกมา พูดกระซิบออกมาก : “ของสำคัญขนาดนี้โยนทิ้งได้ยังไงกัน?”
ในห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนัก เซี่ยชีหรั่นนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ เย่เชินหลินยืนมองเซี่ยชีหรั่น ราวกับเซี่ยชีหรั่นจะตื่นขึ้นมาในวินาทีถัดมา
“เย่เชินหลิน!” สวีเห้าเซิงดึงไหล่ของเย่เชินหลินกลับมา พูดเสียงหนักแน่นว่า : “คุณไม่กินอะไรเลยมานานแล้ว หาอะไรกินก่อนเถอะ ตรงนี้มีฉันอยู่ ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน”
เย่เชินหลินมองสวีเห้าเซิง และกล่าวอย่างนิ่งๆ ว่า : “ดูแลเธอให้ดี” และเดินก้าวขายาวออกไป สวีเห้าเซิงมองตามหลังเย่เชินหลิน จากนั้นหันกลับมามองเซี่ยชีหรั่นและถอนหายใจ
เย่เชินหลินรีบมาถึงสถานีตำรวจ นายตำรวจรอบๆ ได้ยินว่าเย่เชินหลินมาหาBaker ถึงพาเย่เชินหลินไปที่ห้องทำงานของBaker
Bakerเห็นเย่เชินหลินแต่กลับไม่ตกใจ ยิ้มอย่างลำบากใจ : “ฉันรู้ว่าคุณต้องมาหาแน่นอน”
“ฉันอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น”
Bakerพยักหน้า เปิดโทรทัศน์ : “หลังจากเกิดเรื่องฉันตรวจสอบกล้องวงจรปิดทันที และเจอเหตุการณ์นี้ หวังว่าหลังจากดูจบคุณจะสงบลง”
เย่เชินหลินหันหน้ามองโทรทัศน์ เซี่ยชีหรั่นนั่งอ่านจดหมายเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าที่มีน้ำตาไหลตอนเห็นรูปครอบครัว และหัวเราะออกมาเมื่อเห็นรูปที่สอง
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเหยียบมือของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินลุกขึ้นยืนทันที Bakerกดหยุดวิดีโอและมองเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินนั่งลงอีกครั้ง พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า : “ต่อ” Bakerถอนหายใจและกดเล่นวิดีโอต่อ วิดีโอนี้แม้เขาที่ดูในตอนแรกยังโกรธจนทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เชินหลินเลย
ในวิดีโอ เซี่ยชีหรั่นตบหน้าผู้หญิงคนนั้นไปสองครั้ง ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้พูดอะไรทั้งน้ำตาและกลับผลักเซี่ยชีหรั่นล้มลง ศีรษะของเซี่ยชีหรั่นกระแทกเข้ากับมุมเก้าอี้อย่างแรง
“เธอเป็นใคร!” ภาพเหตุการณ์หยุดตรงที่เลือดไหลออกมาจากหน้าผากเซี่ยชีหรั่น ดวงตาทั้งคู่ของเย่เชินหลินเป็นสีแดง เกลียดจนแทบอยากจะทำลายผู้หญิงคนนั้นให้กระดูกแหลกเป็นผุยผง
“วิดีโอนี้เป็นหลักฐานที่ดีมาก สามารถทำให้เธอติดคุกได้ในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ คุณต้องเชื่อพวกเรา”
Bakerพูดอย่างเคร่งขรึม เขารู้ดีอย่างเย่เชินหลินที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ต้องมีวิธีการพิเศษแน่นอน “ตอนนั้นที่เธอไม่อยากเจอฉันเพราะโดนรังแกใช่ไหม? อีกอย่างตอนนั้นคุณรู้หรือไม่?” เย่เชินหลินจ้องBakerด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่ได้คำตอบไม่มีทางยอมแน่นอน
Bakerถอนหายใจ ในฐานะที่เป็นตำรวจ เขาไม่ควรบอกเรื่องพวกนี้กับเย่เชินหลิน แต่เพราะหัวใจที่อยากจะช่วยระบายความโกรธให้เซี่ยชีหรั่นในวินาทีนั้น ลังเลสักพัก และพูดว่า : “ชื่อหลัวหมี่เสว่ เข้ามาเพราะขโมยของ ไม่มีคนประกันตัว เธอก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองมาจากที่ไหน ไม่อะไรที่สามารถยืนยันตัวตนได้เลย”
ขณะที่ทั้งสองคนยังคุยกันอยู่ ประตูเปิดออกอีกครั้ง Bakerยิ้มอย่างลำบากใจมองไห่ลี่หมินที่เปิดประตูเข้ามาและพูดว่า : “พวกคุณต้องเป็นคนที่เข้าไปในสถานีตำรวจCในประวัติศาสตร์แน่นอน”
ไห่ลี่หมินพยักหน้าให้Baker มองดวงตาคู่นั้นที่เหนื่อยล้าของเย่เชินหลินอย่างอดไม่ได้ เดินขึ้นมาและพูดว่า มีรายงานบางอย่างต้องให้คุณดู
“ว่ามา” เย่เชินหลินเข้าสู่โหมดเคร่งขรึมอย่างรวดเร็ว ราวกับคนที่เคียดแค้นเมื่อกี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ไห่ลี่หมินเอานิตยสารหลายเล่มวางไว้ตรงหน้าเย่เชินหลิน และพูดว่า : “มีคนถ่ายรูปคุณสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้ที่สนามบิน”
เย่เชินหลินก้มหน้ามอง เป็นรูปที่ตัวเองประคองหยุนโชว์ Bakerสีหน้าเย็นชาและพูดว่า : “ฉันสงสัยว่ามีสองวัตถุประสงค์ที่พวกเขาถ่ายรูปนี้มา หนึ่งเพื่อทำให้ภาพหลักของบริษัทเย่ซื่อที่เสียอยู่แล้วเสียหายยิ่งขึ้น สองที่ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ก็คือ อาจจะมีคนต้องการกระตุ้นเซี่ยชีหรั่น”
เย่เชินหลินพยักหน้า ไห่ลี่หมินพูดต่อ : “อีกอย่าง บริษัทเย่ซื่อลงข่าวว่าซือซือก่อกวนคณะกรรมการเพียงคนเดียว และยักยอกใช้เงินลงทุนของบริษัทในโครงการเหล็กโดยไม่มีขีดจำกัด เรื่องนี้ถูกกระตุ้นวุ่นวาย”
“จะทำยังไง? หรือว่าคุณจะแค่ดูไม่สนใจ?” ไห่ลี่หมินเห็นเย่เชินหลินไม่แสดงท่าทางอะไร ตอนนั้นก็ค่อนข้างร้อนใจ เอาเอกสารทั้งหมดโยนลงบนโต๊ะ
“ยังไม่ถึงเวลา” ไม่นาน เย่เชินหลินพูดออกมาไม่กี่คำ ไห่ลี่หมินและBakerมองหน้ากัน ไม่นานไห่ลี่หมินต่อยไปที่ไหล่ของเย่เชินหลินเบาๆ : “ถ้ารู้ว่าคุณวางแผนไว้ตั้งแต่แรกฉันก็ไม่ต้องรีบมาจนแทบตายอย่างนี้ แม้แต่จางเฟิงอี้พูดอะไรอยู่ข้างหลังยังได้ยินไม่ชัด ใช่แล้ว ฉันมาที่สถานีตำรวจทำไม?”
Bakerมองไห่ลี่หมิน หยักไหล่และพูดว่า : “สงสัยว่าจะมีคนตามไปแก้แค้นอีกคนแล้ว”
หลัวหมี่เสว่นั่งไม่ติดที่อยู่ในห้อง ตอนนี้เธอเสียใจแล้วจริงๆ ยังเหลือเวลาจากที่นัดกับซือซือไว้อีกครึ่งเดือน แต่ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นก็ยังไม่กลับมา เธออยู่ในนี้อย่างไร้ความหมาย เมื่อคิดถึงที่เซี่ยชีหรั่นโดนหามไปบนพื้นมีคราบเลือดซึมอยู่เป็นกอง หลัวหมี่เสว่รู้สึกผิด
“หลัวหมี่เสว่ มีคนมาประกันตัว” พนักงานรักษาความปลอดภัยหญิงพูดอย่างไม่มีความเมตตา เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้จริงๆ เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ เธอสูญเสียเซี่ยชีหรั่นที่เป็นช่องเดียวที่ใช้ในการติดต่อกับBaker อีกอย่างถ้าBakerโทษว่าตัวเองดูแลเซี่ยชีหรั่นไม่ดีจะทำยังไง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อหลัวหมี่เสว่คนนี้
“ประกันตัว?” หลัวหมี่เสว่คิดถึงซือซือ ซือซือเป็นคนเรียกตัวเองเข้ามา ตอนนี้ตัวเองได้ออกไปก็ต้องเป็นซือซือแน่นอน อาจจะเป็นเพราะรู้เรื่องที่ตัวเองทำจนเซี่ยชีหรั่นต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว ซือซือจึงจัดการรับตัวเองออกไปก่อน?
หลัวหมี่เสว่เดินตามด้วยความดีใจ เห็นชายแปลกหน้าหน้าตาหล่อเหล่ามากหลายคนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง แววตาหลัวหมี่เสว่ส่องประกายมองเจ้าหน้าที่ดูด้วยความสงสัย
“พวกเรามาประกันตัวคุณ ไปเถอะ” ด้านข้างหนุ่มหล่อมีชายอีกคนยืนอยู่ ถึงแม้จะไม่น่าสนใจเท่าผู้ชายคนแรก แต่ก็สง่างามมาก หลัวหมี่เสว่คิดว่าซือซือให้พวกเขามารับตัวเอง พยักหน้าจะเดินขึ้นรถไป
รถจอดตรงหน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ตอนที่ทรัพย์สินของ หลัวหมี่เสว่ไม่โดนยึดเธอก็อาศัยอยู่ที่นี่ตลอด นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอเกลียดเซี่ยชีหรั่นมากขนาดนี้ ชีวิตที่ตกจากสวรรค์ลงสู่นรก
นั่งอยู่ในลิฟต์ หลัวหมี่เสว่มองลิฟต์ที่ค่อยๆ ขยับขึ้นด้านบนในใจเต้นตึกๆ แอบมองผู้ชายหล่อที่ไม่พูดไม่จา
โรงแรมแห่งนี้ตั้งราคาตามชั้น ถึงแม้หลัวหมี่เสว่จะไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะชั้นบนสุดไม่เปิดให้เข้า
ลิฟต์อยู่ที่ชั้นบนสุด หลัวหมี่เสว่มองกลุ่มชายหนุ่มที่เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องอย่างคล่องแคล่วด้วยความสงสัย สักพักจึงเดินตามเข้าไป ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาและมองตนเองอย่างมีความหมาย
ในใจหลัวหมี่เสว่ไม่ค่อยมีความสุข คิดว่าซือซือหาบอดี้การ์ดดทำไมถึงไม่มีระเบียบขนาดนี้ เจ้านายยังไม่ทันนั่งแต่บอดี้การ์ดดนั่งก่อนแล้ว
เห็นสีหน้าเย็นชาของชายหนุ่ม อยู่ๆ ลักษณะนิสัยเย่อหยิ่งที่โดนปลูกฝังมาของหลัวหมี่เสว่ก็ไม่กล้าเอาออกมาใช้ และนั่งลงบนโซฟาอีกตัว
“ใครให้นั่ง?” ชายหนุ่มที่กล่าวก็คือเย่เชินหลิน เย่เชินหลินเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ก็คิดถึงภาพที่เกลียดเซี่ยชีหรั่นโดนเหยียบมือจนเลือดออกและท่าทางหายในลำบากที่นอนอยู่ในห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนัก
“คุณพูดอะไร?” หลัวหมี่เสว่ตะลึง ถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
“คุณหลัว ฉันแนะนำว่าคุณยืนจะดีกว่า เพราะว่าหลังจากนี้คุณอาจจะต้องนอนเตียงผู้ป่วยสักช่วงหนึ่ง” ไห่ลี่หมินพูดอย่างอ่อนโยน แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา เด็กผู้หญิงใจร้ายใจดำอย่างนี้ มีเมตตากับเธอไม่ลงจริงๆ
“พวกคุณเป็นใครกันแน่?” หลัวหมี่เสว่รู้สึกถึงความผิดปกติ คนพวกนี้ไม่น่าจะใช่คนที่ซือซือส่งมารับตัวเอง
ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง หลัวหมี่เสว่มองเย่เชินหลินและไห่ลี่หมินอย่างระมัดระวังและวิ่งไปทางประตู ไห่ลี่หมินและเย่เชินหลินนั่งนิ่งไม่ขยับ หลัวหมี่เสว่วิ่งไปถึงประตู และหันกลับมามองตื่นกลัว ไม่มีใครตามมาเลยสักคน นี้ทำให้ใจของหลัวหมี่เสว่ลนลานและกลัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อวิ่งไปถึงประตูลิฟต์ หน้าประตูลิฟต์วางป้ายซ่อมแซมไว้ หลัวหมี่เสว่เตะป้ายเตือนออกด้วยความโกรธในครั้งเดียว และเดินไปทางประตูบันได
โรงแรมมีทั้งหมดห้าสิบชั้น หลัวหมี่เสว่วิ่งไปถึงชั้นที่สามสิบก็เหนื่อยแล้วจนวิ่งไม่ไหวแล้ว นั่งหายใจหอบอยู่บนบันได มีเสียงฝีเท้าดังเบาๆ มาจากด้านบน ราวกับสบายๆ มาก แต่ในหูของหลัวหมี่เสว่ได้ยินเหมือนจังหวะชีวิตอย่างไงอย่างนั้น
ผู้ชายที่น่ากลัวคนนั้นตามมาแล้ว หลัวหมี่เสว่กัดฟันจับราวบันไดวิ่งลงไปต่อ ทุกครั้งที่หลัวหมี่เสว่หยุดวิ่งเพื่อพัก เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ราวกับกำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยง
ในที่สุดก็วิ่งมาถึงชั้นหนึ่ง หลัวหมี่เสว่เห็นประตูใหญ่ของบันไดชั้นหนึ่ง และได้ยินเสียงเปียโนดังมาจากประตู มีเสียงคนเดินไปเดินมา
หลัวหมี่เสว่วิ่งไปที่ประตูโดยไม่สนใจความปวดแสบปวดร้อนในปอด เปิดประตูออก แขนกลับโดนคนดึงไว้ ไห่ลี่หมินยิ้มและพูดกับหลัวหมี่เสว่ว่า “คุณหลัว พวกเรารอคุณอยู่ที่นี่นานแล้วแล้วนะ!”
กลับมาที่ห้องอีกครั้ง หลัวหมี่เสว่เหนื่อยจนพูดไม่ออกแล้ว เย่เชินหลินเดินมาข้างๆ หลัวหมี่เสว่ และพูดอย่างนิ่งเฉยว่า : “ปอดของคุณรู้สึกไม่ดีมากๆ เลยใช่ไหม? ตอนที่ชีหรั่นนอนให้ออกซิเจนอยู่ให้ห้องพักผู้ป่วยก็รู้สึกอย่างนี้”
เมื่อได้ชื่อเซี่ยชีหรั่น สีหน้าหลัวหมี่เสว่เปลี่ยนไปมาก รีบจับมือและพูดด้วยความกลัวว่า : “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“อ่อ จริงหรือ?” เย่เชินหลินส่งสายตาให้คนด้านข้าง มีคนยกก้อนหินละเอียดมาเทไว้บนพรหม เย่เชินหลินพูดอย่างเฉยชาว่า : “เหยียบไป”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset