สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1409 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1309

“ฉันบอกแล้วว่าอ้าวเสว่จะต้องชอบสไตล์นี้ไงล่ะ! เอ๊ะ เมื่อกี้นี้มีใครเข้าไปในลิฟต์หรือเปล่า?” ติงยียียื่นหัวออกจากประตูแล้วทันเห็นเพียงแค่ประตูลิฟท์ที่ปิดลง
“แม่คะ!” อ้าวเสว่ตะโกนหลังจากเห็นซือซือ ขาทั้งคู่ทรุดลงไปบนพื้น เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจริงๆ เธอคิดว่าเธอสามารถถกเถียงกันตามเหตุผลได้ แต่เธอก็ไม่กล้า
ซือซือเดินเข้ามาโดยสวมรองเท้าส้นสูงและเปิดโทรศัพท์ แล้วเล่นซ้ำคำพูดที่ติงยียีและเย่เนี่ยนโม่คุยกันในห้องให้อ้าวเสว่ฟัง ชื่อของอ้าวเสว่ที่ปรากฏอยู่ภายในบทสนทนาได้ถูกกำจัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว และรวมเข้ากับเสียงอื่นๆ อ้าวเสว่ฟังอย่างเลื่อนลอย
“เธอชอบการตกแต่งแบบไหน?”
“ว้าว ที่นี่มีสองห้องนอนด้วย ว่าแต่นายพร้อมอยู่แล้วเหรอ?”
“หยุดพูดไร้สาระ อยู่ด้วยกันต้องตะโกนขนาดนี้เลยหรือไง?”
“พ่อแล้ว ไม่ต้องเล่นแล้ว ไม่ต้องเล่นแล้ว!” อ้าวเสว่ปิดหูของเธอแล้วพูดพึมพำ ซือซือย่อตัวลงแล้วมองดูอ้าวเสว่ที่แสดงออกถึงท่าทางที่เจ็บปวดมันเหมือนมองเห็นตัวเธอในอดีตที่ต้องเจ็บปวดอยู่ในตระกูลเย่มาก่อน
“อ้าวเสว่ หรือว่าลูกเต็มใจที่จะมอบความรักของตัวเองให้กับคนอื่นไป? เย่เนี่ยนโม่คือผู้ชายที่ลูกชอบ ติงยียีเป็นได้แค่มือที่สามเท่านั้น”
สองมือของอ้าวเสว่กำกระโปรงแน่น น้ำตาที่ไหลพรากได้ลบการแต่งหน้าที่ประณีตไปแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงไปทั้งตัว ซือซือยื่นมือออกมาแล้วค่อยๆพูดโน้มน้าวว่า : “มาเถอะ ลูกแม่ แม่จะช่วยให้ลูกแต่งงานเข้าตระกูลเย่แน่นอน ขอเพียงจากนี้เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง”
อ้าวเสว่จ้องมองมือที่ยื่นออกมาตรงหน้าอยู่นานแล้วจึงคว้าไว้แน่น ติงยียี เพราะว่าเธอมาขโมยความรักเพียงหนึ่งเดียวของฉัน อย่าได้โทษว่าฉันเปลี่ยนไปอย่างไร้ความปราณี!
สำนักงานสหภาพนักศึกษา
“พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานแข่งกีฬาแล้ว ทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมด้านหลังเวที ที่นั่งร้านจะต้องทำให้ดี” เย่เนี่ยนโม่มองติงยียีที่รับผิดชอบเรื่องนั่งร้านด้วยสายตาจริงจัง ติงยียีพยักหน้าอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ
มือของอ้าวเสว่ที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นกำแน่นมาก แต่เบื้องหน้าพูดเสียงนุ่มว่า : “คืนนี้ทุกคนต้องทำงานล่วงเวลา ฉันรู้จักร้านซูชิที่ยอดเยี่ยมมากจะส่งเป็นมื้อดึกให้กับทุกคนนะ”
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆพากันโห่ร้อง แล้วพากันบอกกับเย่เนี่ยนโม่ว่าเขาได้พบกับเพื่อนที่ดีแล้ว อ้าวเสว่ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แต่ดวงตากลับเย็นชา
ในตอนเย็น สำนักงานของสหภาพนักศึกษามีบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น พรุ่งนี้เป็นงานแข่งกีฬาแล้ว ทุกคนล้วนแต่กำลังเตรียมความพร้อม อ้าวเสว่หยิบซูชิมาวางไว้ตรงหน้าเย่เนี่ยนโม่แล้วพูดอย่างนุ่มนวลว่า : “กินอะไรหน่อยเถอะค่ะ วันนี้คุณไม่ได้กินอะไรมากเลย”
เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงขอบคุณ แล้วหยิบซูชิชิ้นหนึ่งส่งไปที่ปากของอ้าวเสว่ อ้าวเสว่ตัวแข็งแล้วอ้าปากอย่างอายๆและกินไปหนึ่งคำ เย่เนี่ยนโม่โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วจูบเบาๆบนแก้มที่เคี้ยวหนุบหนับของเธอ
“น่าเกลียด!” อ้าวเสว่หัวเราะคิกคักและมีความสุข ดูเหมือนว่าเย่เนี่ยนโม่จะยังมีความรู้สึกดีๆให้กับเธออยู่ “ฉันจะไปส่งซูชิให้ยียี” อ้าวเสว่หันหลังและวิ่งออกจากสำนักงาน
ติงยียีและซ่งเมิ่นเจ๋กำลังตรวจสอบนั่งร้านบนเวทีงานแข่งกีฬาซ่งเมิ่นเจ๋มองติงยียีที่ปีนขึ้นไปที่สูงเพื่อตรวจสอบเหมือนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัวเธอโอนไปโอนมาแหงนหน้ามองขึ้นไปอย่างเป็นกังวลอยู่ตลอด
“ยียี!” อ้าวเสว่เดินเข้ามาแล้วตะโกนทันที หลังจากก้าวขึ้นบันไดเหล็กไปสองขั้นแล้ว หัวใจของติงยียีแกว่งไปมาไม่มั่นคงเล็กน้อย ซ่งเมิ่นเจ๋หันหน้าไปมองอ้าวเสว่ด้วยความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ไม่เห็นเหรอว่าติงยียีกำลังตั้งใจทำงานบนโครงเหล็กอยู่ ยังจะเรียกเสียงดังขนาดนั้นอีก
อ้าวเสว่รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงติงยียีแล้วพูดขอโทษไม่หยุด : “ขอโทษนะที่จู่ๆก็เรียกเธอเลย”
ติงยียีโบกมือแล้วยิ้มสดใส หลายวันมานี้ความสัมพันธ์ของเธอกับติงยียีกลับไปยังจุดเริ่มต้นช่วงแรกสุดอีกครั้ง เธอมีความสุขมากเช่นกัน!
“ยียีฝ่ามือของเธอมีเลือดออกแล้ว” ซ่งเมิ่นเจ๋รีบคว้ามือของติงยียีแล้วดึงไปติงยียีไปที่ห้องพยาบาล อ้าวเสว่มองแผ่นหลังของติงยียีจากไป แล้วเธอก็ยิ้มอย่างเย็นชา ในเสี้ยววินาทีเมื่อสักครู่นี้เธอยังคิดแม้กระทั่งว่าติงยียีจะร่วงลงมาจากนั่งร้านหรือไม่
สายตาของอ้าวเสว่เอนไปที่นั่งร้านโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปมองดูใกล้ๆอย่างประหลาดใจ ในตอนที่ตียียีจะล้มลงเมื่อสักครู่นี้แล้วคว้านั่งร้านเอาไว้ดูเหมือนจะมีตัวล็อคอันเล็กๆอันหนึ่งไม่ได้รัดให้แน่น
อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้น ถ้าหากตัวล็อคนี้เสีย ถ้าอย่างนั้นโคมไฟที่ร้อยต่อกันด้านบนก็จะร่วงลงมาสินะ พอถึงเวลานั้นความรับผิดชอบของติงยียีก็จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ขณะที่คิดว่าติงยียีจะถูกลงโทษ มือของอ้าวเสว่ก็วางบนตัวล็อคแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองโคมไฟ มือนั้นยังสั่นนิดๆ ถ้าโคมไฟร่วงลงมาแล้วมีคนพอดี ถ้าคนอื่นได้รับบาดเจ็บ
ความคิดสับสนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คู่รักที่ทะเลาะกันที่สนามกีฬาทำให้ตาของอ้าวเสว่แดงก่ำแล้วดึงตัวล็อคจนหัก ถ้าหากมีคนโดนหล่นใส่ อย่างนั้นแล้วก็อย่ามาโทษฉัน ไปโทษติงยียีเถอะ
ในงานงานแข่งกีฬา มีเสียงหัวเราะสนุกสนานทั่วทุกแห่ง คนของสหภาพนักศึกษายุ่งวุ่นวายมากๆ เย่เนี่ยนโม่เป็นผู้บัญชาการในสถานที่จัดงาน เย่เนี่ยนโม่ประหลาดใจมากเมื่อเห็นแม่บ้านของบ้านตัวเองปรากฏตัวขึ้น : พ่อกับแม่ก็มาด้วยเหรอเนี่ย?”
“เนี่ยนโม่!” เซี่ยชีหรั่นสวมชุดกีฬา ดูแล้วไม่ต่างกับนักศึกษาของมหาวิยาลัยเลย ดวงตาของเย่ชูฉิงไร้ชีวิตชีวาเมื่อเห็นว่าไม่มีเงาของคนที่คุ้นเคยอยู่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ แม่บ้านถอยหลังกลับไปอยู่ข้างๆเซี่ยชีหรั่นและปกป้องระแวดระวังภัยให้กับเธอ
เย่เนี่ยนโม่มองไปรอบๆ เซี่ยซี่หรั่นพูดอย่างเข้าใจชัดเจนว่า : “พ่อของลูกได้รับเชิญในฐานะแขกผู้มีเกียรติของภาคองค์กรธุรกิจ ตอนนี้น่าจะกำลังคุยกับท่านนายกเทศมนตรีอยู่”
“คุณน้าคะ!” อ้าวเสว่วิ่งเข้ามา มือจับแขนของเซี่ยชีหรั่นอย่างเป็นธรรมชชาติ นักศึกษาจำนวนมากเริ่มสังเกตเห็นว่าสาวสวยคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังเซี่ยชีหรั่น ทุกคนล้วนแต่แอบอิจฉาเซี่ยชีหรั่น
“คุณน้าคะ ฉันดีใจมากจริงๆที่คุณมาที่นี่ เนี่ยนโม่ทำไมคุณถึงคงไม่บอกฉันสักคำ” อ้าวเสว่เหลือบมองเย่เนี่ยนโม่อย่างไม่พอใจ เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปด้วยดีก็มีความสุขไปกับพวกเขาด้วย
ดวงตาของเย่ชูฉิงเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นติงยียีกำลังยุ่งอยู่บนเวที เธอวิ่งไปหาติงยียีและหยอกล้อกับติงยียี เซี่ยวีหรั่นเริ่มมีความสนใจในตัวติงยียีขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าเย่ชูฉิงเด็กคนนี้จะขี้อาย แต่มองคนได้แม่นยำมาก คนที่สามารถทำให้เธอพึ่งพาได้อย่างไว้วางใจขนาดนี้ โยทั่วไปต้องมีคุณธรรมที่ไม่เลวร้ายอะไรแบบนั้น
“แม่ครับ สบายใจได้ ติงยียีเป็นเด็กดีครับ” เย่เนี่ยนโม่มองติงยียีที่ยอมให้เย่ชูฉิงช่วยอย่างไม่เกรงใจพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากของอ้าวเสว่โค้งลงอย่างดูถูกแล้วกลับมาเป็นปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
งานแข่งกีฬาเริ่มต้นขึ้น อ้าวเสว่นั่งอยู่กับเซี่ยชีหรั่นตรงที่นั่งของผู้ชม ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อออกจนทั่ว สายตาอดไม่ได้ที่จะมองตรงไปบนเวที ตัวล็อคนั่นเป็นเหมือนระเบิดเวลา
“อ้าวเสว่เธอเป็นอะไร ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากเลย” เซี่ยชีหรั่นจับมือของอ้าวเสว่แล้วสัมผัสได้ว่ามือข้างนั้นเหนียวหนึบ
อ้าวเสว่ถอนสายตากลับมาอย่างประหม่าเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงแล้วพูดว่า : “เพราะว่านี้เป็นงานแรกที่เนี่ยนโม่เป็นประธานในการทำงานค่ะ ฉันเป็นห่วงเขา”
เซี่ยชีหรั่นได้แล้วก็ตบหลังมือของอ้าวเสว่แล้วยิ้ม บางทีเธออาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเห็นก่อนหน้านี้เสียแล้ว บางทีอ้าวเสว่ไม่เหมาะกับเนี่ยนโม่ แต่ว่าความห่วงใยนี้ไม่อาจปลอมแปลงได้
หลังจากเสียงประทัด นายกเทศมนตรีและเย่เชินหลินก็เดินไปถึงที่นั่ง เย่เชินหลินนั่งตรงตัวล็อคที่อ้าวเสว่เข้าไปยุ่งเมื่อวานนี้พอดี
นายกเทศมนตรีกำลังกล่าวสุนทรพจน์ อ้าวเสว่ก็เริ่มรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ถ้าโคมไฟพังลงมาในเวลานี้ ถ้าอย่างนั้นลุงเย่ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
แล้วในไม่ช้าก็มาถึงการกล่าวสุนทรพจน์ของเย่เชินหลิน อ้าวเสว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ติงยียีรับหน้าที่ขึ้นไปปรับไมโครโฟน เพิ่งจะเดินไปได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดดังอยู่บนหัว
“ติงยียีระวัง!” เย่เนี่ยนโม่ที่เฝ้าสังเกตสถานที่จัดงานมาตลอดมองเห็นโคมไฟหลากสีบนหัวของติงยียีแก่วงไปมาแล้วก็ตกลงมา
เขารีบพุ่งตรงไปที่เวทีอย่างเป็นกังวล อ้าวเสว่และเซี่ยซีหรันลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ติงยียีถูกเย่เนี่ยนโม่กอดไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา เย่เนี่ยนโม่แหงนหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ พร้อมกับมองเย่เชินหลินที่อยู่ไม่ไกล และมีความตื่นตระหนกอยู่ในดวงตา : “พ่อ! หลบเร็ว!”
โคมที่ตกลงมาดวงแรกเป็นตัวกระตุ้นทำให้โคมไฟดวงที่สองและที่สามกระแทกลงมาตรงกลางเวทีที่เย่เชินหลินยืนอยู่โดยตรง
“เชินหลิน!” เซี่ยซีหรันตะโกนด้วยหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวแล้วผลักฝูงชนออกอย่างล้มลุกคลุกคลาน อ้าวเสว่ตะลึงอยู่กับที่ เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าสุดท้ายคนที่ได้รับบาดเจ็บจะเป็นเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินเอียงหัวได้ทันเวลา โคมไฟทั้งดวงจึงกระแทกเข้ากับแขนของเขา แผ่นกระจกที่แตกบาดเข้าที่คอของเย่เชินหลิน เลือดไหลออกมาจากคอเขาเป็นจำนวนมาก
สถานที่เกิดเหตุสับสนวุ่นวาย ติงยียีมองดูเย่เชินหลินถูกส่งตัวออกไปจากสถานที่เกิดเหตุอย่างว่างเปล่า
ตอนที่เขาไป คุณน้าเชี่ยร้องไห้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย เย่เนี่ยนโม่มองมาที่ตนเองด้วยสายตาที่ไม่อาจจะเข้าใจความหมายได้
ในวอร์ดคนไข้ เซี่ยชีหรั่นจับมือของเย่เชินหลินและร้องไห้อยู่ตลอดไม่หยุด ในสมองปรากฏภาพเลือดที่ออกจากคอที่ฉีกขาดของเย่เชินหลินตลอดเวลา
“คุณผู้หญิง รบกวนคุณถอยไปก่อน พวกเราจะได้ตรวจสอบอาการ” คณบดีที่อยู่ข้างๆก็ยืนเป็นกังวลด้วยเช่นกัน ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทั้งหมดถูกเรียกตัวมา
“แม่คะ พวกเราออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะค่ะ” เย่ชูฉิงประคองเซี่ยชีหรั่นออกมา แล้วก็ไปพบกับไห่โจ๋ซวน “ลุงเย่เป็นยังไงบ้าง?”
เย่ชูฉิงส่ายหน้า ในใจรู้สึกหนักอึ้ง ความสุขในการได้เจอพี่โจ๋ซวนได้ถูกเรื่องน่าเศร้านี้ทำให้จืดจางลงไปอย่างมาก ติงยียียืนอยู่ที่มุมบันไดและกำลังจับมือของซ่งเมิ่นเจ๋ไว้แน่น
“ยียี เธอไม่ต้องโทษตัวเองให้มากเกินไป นี่มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น” ซ่งเมิ่นเจ๋รู้สึกเจ็บมือที่ติงยียีจับไว้อย่างมากและมองดูใบหน้าซีดเผือดของติงยียีอย่างกังวล
เย่เนี่ยนโม่เดินตามกลุ่มแพทย์ผ่านไป สีหน้าที่เคร่งขรึมของคุณหมอทำให้หัวใจของติงยียีเต้นโครมครามมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นติงยียียืนอยู่ตรงบันไดอย่างน่าสังเวช เย่เนี่ยนโม่ก้าวไปข้างหน้าแล้วถามว่า : “ตอนนั้นได้ดำเนินตรวจสอบนั่งร้านหรือเปล่า?”
ติงยียีพยักหน้าอย่างโศกเศร้า สายตานั้นว่างเปล่า เย่เนี่ยนโม่บีบขมับของเขาอย่างเหนื่อยล้า “กลับไปก่อนเถอะ ฉันต้องอยู่ปลอบใจแม่”
ติงยียีพยักหน้าแล้วมองดูเย่เนี่ยนโม่สาวเท้าเดินจากไป ซ่งเมิ่นเจ๋ดึงติงยียีเพื่อจะเดินออกไป ติงยียีสะบัดออก แล้วพูดเสียงเบาว่า : “เมิ่นเจ๋ เธอกลับไปก่อนเถอะนะ ถ้าไม่รู้สถานการณ์ของคุณลุงฉันจะไม่กลับไป”
ตอนกลางคืน เย่เชินหลินผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วและยังคงหลับอยู่ ในที่สุดเซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกวางใจได้แล้ว อ้าวเสว่ถือนมแล้วยืนมองอยู่ตรงประตูแล้วจงใจเทนมร้อนๆลงบนมือของตัวเอง
“น้าเซี่ยคะ ดื่มนมสักหน่อยจะได้กระปรี้กระเปร่านะคะ อ้าวเสว่ส่งนมให้กับเซี่ยชีหรั่น เผยให้เห็นหลังมือที่ถูกลวกจนแดง
เมื่อเซี่ยชีหรั่นมองเห็นหลังมือของอ้าวเสว่ที่ได้รับบาดเจ็บและแดงย่อมที่จะต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อ้าวเสว่ยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเมื่อกี้ฉันไม่ทันสังเกตว่ามันร้อนแล้ว”
สายตาเซี่ยชีหรั่นมองอ้าวเสว่มีความชื่นชมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ทันใดนั้นก็ถามว่า : “อ้าวเสว่ เนี่ยนโม่กับเด็กผู้หญิงที่ชื่อติงยียี? เธอไม่สนใจว่าเนี่ยนโม่จะมีความรักกับใคร แต่เมื่อมีความรู้สึกเริ่มต้นแล้วก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันไปจนถึงตอนจบ นี่คือบรรทัดฐานทางอารมณ์ที่เซี่ยซี่หรั่นมีต่อลูกชายของตนเอง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset