สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1408 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1308

หลังจากที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันสั้นๆแล้ว ในสำนักงานเหลือเพียงเสียงแป้นพิมพ์ของติงยียีเท่านั้น จนกระทั่งมีเสียง “ปัง”ดังขึ้น
ติงยียีทนไม่ไหวจนหัวโขกแป้นพิมพ์ พอยกขึ้นมาอีกครั้ง เปลือกตาสั่นขึ้นๆลงๆ ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว และเธอง่วงแล้วจริงๆ
“เจ็บชะมัด!” ติงยียีคร่ำครวญแล้วลูบหน้าผากอย่างน่าอเนจอนาถ เมื่อเอานิ้วมือมาดู คราบเลือดที่ศรีษะก็ปรากฏขึ้น
เย่เนี่ยนโม่เดินเข้ามาใกล้แล้วขมวดคิ้วมองดูบาดแผลของติงยียีแล้วหยิบผ้าพันแผลออกมาจากตู้ “ทำไมนายได้มีผ้าพันแผล?” ติงยียีตามอย่างสงสัย
เย่เนี่ยนโม่เข้าไปใกล้ติงยียี เขาเอนตัวแล้วฉีกผ้าพันแผลพันลงบนศีรษะของติงยียีแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า : “อ้าวเสว่กลัวความเจ็บปวดมาก ช่วงนี้เพราะการจัดรูปแบบสนามกีฬาของงานแข่งกีฬาเลยได้รับบาดเจ็บบ่อยๆเลยให้เธอสำรองเอาไว้”
เขาตีหน้าผากติงยียี เย่เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างพึงพอใจ ขณะที่มองดูติงยียีแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ตน เขาหยิบรายชื่อใต้แขนของติงยียี แล้วเหลือบดูรายชื่อบนจอคอมพิวเตอร์ของติงยียี แล้วอ่านว่า : “ต่อไปหวางจื๋อ”
“ฉันทำเองได้น่ะ” ติงยียีอายที่จะรบกวนเย่เนี่ยนโม่
“หวางจื๋อ”
“ฉันทำเองได้”
“หวางจื๋อ”
“ก็ได้….”
ในสำนักงานอันเงียบสงบ เย่เนี่ยนโม่อ่านชื่อ ติงยียีพิมพ์ป้อนเข้าไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้ โง่ชะมัด พิมพ์ข้ามแล้ว!” ติงยียีพิมพ์ผิด เย่เนี่ยนโม่เคาะหน้าผากของติงยียีอย่างไม่เกรงใจด้วยข้อมูลในมือ ทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก โดยมองไม่เห็นอ้าวเสว่และเย่ชูหวินที่ยืนตรงประตู
เย่ชูหวินจับจ้องที่รอยยิ้มที่มีความสุขของติงยียี แล้วเหลือบมองอ้าวเสว่ที่ตื่นตะลึงอยู่ข้างๆ แล้วสาวเท้าจากไป ร่างนั้นโศกเศร้าจนแม้แต่ตัวเขาไม่ทันสังเกต
อ้าวเสว่มองดูเย่เนี่ยนโม่เอนตัวพิงติงยียีแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง ติงยียีหันหน้ามาแล้วยิ้มให้เย่เนี่ยนโม่ ทั้งสองคนมาเล่นด้วยกันตอนกลางคืน เย่เนี่ยนโม่ยังบอกกับตนเองว่าเขาสองคนไม่มีอะไร?
อ้าวเสว่ไม่รู้ว่าเธอกลับบ้านได้อย่างไร ซือซือรออยู่ที่ประตูนานแล้ว มองเห็นท่าทางที่อกสั่นขวัญหายของอ้าวเสว่แล้วก็รู้ว่าไห่โจ๋ซวนทำสำเร็จแล้ว
“อ้าวเสว่ เกิดอะไรขึ้นหรอ?” ซือซือแสร้งทำเป็นเจ็บปวดพร้อมกับทักทาย มองเห็นอ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นอย่างซีดเซียว ในใจของซือซือก็ชะงักไป การแสดงออกแบบนี้มักจะปรากฏบนใบหน้าฉันในอดีต อ้าวเสว่ ถึงยังไงก็เป็นลูกของตนเอง
“อ้าวเสว่ ไม่ต้องร้องนะ” ซือซือจับอ้าวเสว่มาไว้ในอ้อมแขน ความเกลียดชังภายในใจที่มีต่อตระกูลเย่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขา เธอก็ไม่จำเป็นต้องจัดแจงให้ลูกสาวของเธอด้วยวิธีนี้
“แม่คะ ทำไมการได้รับความสุขมันถึงยากนักล่ะคะ?” อ้าวเสว่คว่ำหน้าบนไหล่ของซือซือแล้วพูดช้าๆ
ซือซือรู้สึกว่าน้ำตาของอ้าวเสว่เปียกไหล่เธอจนชุ่ม เธอกัดฟันแล้วดำเนินการตามแผนต่อไป : “ลูกรักจ๊ะ ลูกไม่ชอบเย่เนี่ยโม่แล้วเหรอ? ชอบก็ต้องยืนหยัดต่อไป”
อ้าวเสว่ยืนตัวตรง ปาดน้ำตาแล้วถามอย่างแปลกใจ “แต่ว่าแม่ไม่ได้….”
ซือซือช่วยอ้าวเสว่เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ : “เด็กโง่ แม่ก็อยากให้ลูกมีความสุขเหมือนกันนะ รอดูไปก่อนเถอะนะ”
ติงยียีรู้สึกแปลกใจมาก ในช่วงสองวันมานี้ ดูเหมือนว่าอ้าวเสว่จงใจที่จะหลบหน้าเธอ ในตอนที่จัดตั้งสถานที่ของงานแข่งกีฬา เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับตนเอง ติงยียีทำได้เพียงขอให้ซ่งเมิ่นเจ๋มาช่วยตนเอง
ในสนามบอล ทีมฟุตบอลยังต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นวันที่สหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัย Z กับมหาวิทยาลัยH จะลงแข่งนัดกระชับมิตร
เย่เนี่ยนโม่ยังเรียกไห่โจ๋ซวนมาช่วยเสริมทัพเป็นพิเศษ แม้แต่เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางอย่างจางถังก็อยู่ที่นั่นด้วย
ระหว่างช่วงพัก เหล่านักศึกษาสาวกรีดร้องอยู่รอบๆ เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนและต่างพากันยื่นผ้าขนหนูและน้ำดื่มในมือของตัวเองให้กับสองหนุ่มหล่อประจำมหาวิทยาลัยซึ่งทำให้นักศึกษาคนอื่นในมหาวิทยาลัยเห็นแล้วต่างพากันอิจฉา
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับฝูงชนแล้ววิ่งไปทางติงยียีที่ทาสีป้ายพื้นหลังแล้วหยิบขวดน้ำแร่ที่ยังไม่เปิดข้างติงยียีแล้วดื่ม
“คุณชายใหญ่ของตระกูลเย่คะ ทางนั้นมีเครื่องดื่มตั้งเยอะ นายจะมาแย่งเอาน้ำฉันไปทำไม!” ติงยียีทำท่าทางจะคว้าไป เย่เนี่ยนโม่หัวเราะแล้วยกแขนขึ้นโดยอาศัยความช่วยเหลือจากความสูงของเขาแล้วพูดอย่างหล่อเหลาว่า : “ฉันเกลียดการเป็นหนี้บุญคุณคนที่ฉันไม่รู้จัก ใช่แล้วล่ะ คืนนี้ว่างหรือเปล่า?”
ซ่งเมิ่นเจ๋มองทั้งสองคนอย่างประหลาดใจ แฟนของเย่เนี่ยนโม่ไม่ใช่อ้าวเสว่งั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าติงยียีต้องการหลีกเลี่ยงความสงสัย จึงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า : “จะทำอะไร?”
ไห่โจ๋ซวนที่สนามบอลเรียกเย่เนี่ยนโม่แล้ว เย่เนี่ยนโม่โบกมือให้ติงยียีแล้ววิ่งไปทางสนาม ซ่งเมิ่นเจ๋ไม่เชื่อว่าเพื่อนของตนเองจะเป็นมือที่สาม จึงยิ้มพร้อมกับส่ายหัวแล้วดูไห่โจ๋ซวนแข่งบอลต่อ
ตอนเย็น ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ อ้าวเสว่เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างน่าเอ็นดูภายใต้การนำทางของแม่บ้าน
ถ้าหากเนี่ยนโม่เห็นว่าตนเองมาหาเขาจะต้องมีความสุขมาก
“สวัสดีค่ะน้าเซี่ย” อ้าวเสว่เรียกเสียงหวาน เซี่ยชีหรั่นรีบยิ้มรับแล้วดึงเย่ชูฉิงให้นั่งลง เย่เชินหลินเองก็นั่งอยู่ข้างๆแล้วถามว่า : “เย่เนี่ยนโม่ล่ะ?”
อ้าวเสว่ผงะ เธอกลัวเย่เชินหลินอย่างมากมาตลอด เซี่ยชีหรั่นรีบสร้างความประณีประณอมอยู่ข้างๆ เธอตีเย่เชินหลินเบาๆ : “ดูคุณสิ ทำเด็กๆกลัวหมดแล้ว!”
ได้ยินดังนี้แล้วเย่เชินหลินจึงก้มหน้าลงแล้วไม่พูดอะไร หลังจากที่ตีไปแล้วเซี่ยชีหรั่นก็ลูบอย่างปวดใจ เย่เชินหลินจับมือเซี่ยชีหรั่นสิบนิ้วประสานกันและไม่เคยแยกจากกัน
อ้าวเสว่มองด้วยความอิจฉา ถ้าในสักวันนึงเธอสามารถอยู่กับเย่เนี่ยนโม่ไปจนแก่เฒ่าได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นความปรองดองแบบนั้นหรือเปล่า?
“แต่ว่าอ้าวเสว่จ๊ะ เนี่ยนโม่บอกว่าคืนนี้จะออกไปหาเพื่อน ไม่ได้ไปหาหนูแล้วเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกแปลกเช่นกัน
อ้าวเสว่ฟังจบใบหน้าก็ซีดเผือด เพื่อนคนนี้ไม่ใช่ไห่โจ๋ซวนแน่นอน เพราะว่าเธอเพิ่งจะพบกับไห่โจ๋ซวนเมื่อกี้นี้เอง
ในตอนเย็น ติงยียีเพิ่งกลับจากงานที่โรงแรมตี้เหา โดยยังสวมชุดพนักงานและเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมพนักงานกลุ่มหนึ่ง แล้วก็มีเสียงบีบแตรรถมาเซราติ
“ขึ้นรถ” เย่เนี่ยนโม่ส่งสัญญาณด้วยการพยักหน้า ติงยียีวิ่งเหยาะๆไปที่ด้านข้างเย่เนี่ยนโม่แล้วบ่นพึมพำว่า : “อย่ามาปรากฏตัวด้วยการขับหรูหราที่มันดูครึกโครมแบบนี้ได้ไหม!”
“วางใจเถอะน่า ปกติแล้วมีแต่คนหน้าตาดีเท่านั้นที่จะถูกเข้าใจผิดว่าได้รับการเลี้ยงดู” เย่เนี่ยนโม่กวาดสายตามองติงยียีขึ้นและลงพลางทำเสียงจุ๊ปาก
ติงยียีโกรธจัดแล้วพุ่งหมัดเข้ามา ทั้งสองคนล้อเล่นกันและหัวเราะเฮฮา เย่เนี่ยนโม่ค้นพบว่าตนเองเคยชินกับความสุขที่ได้อยู่ร่วมกันกับติงยียีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่ไม่ได้ระวังตัว ติงยียีเหวี่ยงกำปั้นเข้ามา เย่เนี่ยนโม่รีบคว้าเอาไว้แล้วดึงเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเองลมหายใจของทั้งสองคนก็เข้ามาใกล้กันมากขึ้น เกือบจะแนบติดกันอยู่แล้ว ติงยียีและเย่เนี่ยนโม่มองหน้ากันและกัน ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองอยู่ใกล้แค่นิ้วเดียว สักพักติงยียีก็พึมพำออกมาอย่างยอมแพ้ : “พระเจ้า ผิวของคุณไม่มีรูขุมขนเลยสักนิดจริงๆ!”
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยติงยียีอย่างกลั้นหัวเราะไม่อยู่ อ้าวเสว่รู้สึกได้อย่างไรว่าระหว่างเขากับติงยียีนั้นมีปัญหา ตามตรรกะของคุณโง่ที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว คาดได้เลยว่าการเต้นของตัวใจก็คงจะคลุมเครือ ทั้งสองคนขับรถออกไป ซือซือเดินออกมาจากความมืด หลายวันที่ผ่านมานี้เธอเฝ้าสังเกตติงยียีมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดี
รถจอดอยู่ที่วิลล่าเล็กๆสองชั้นหลังหนึ่ง ติงยียีลงจากรถ มองดูรอบๆตัวที่ตกแต่งเหมือนในทีวีด้วยความรู้สึกทึ่ง
เย่เนี่ยนโม่เปิดประตู เห็นติงยียียังคงเดินเตร็ดเตร่อยู่ อดไม่ได้ที่จะพูดกระตุ้น บ้านออกแบบอย่างเรียบง่ายทั้งหลัง นานๆทีเย่เนี่ยนโม่จะมีอาการเขินอาย เลิกทำหน้านิ่งแล้วถามว่า : “เธอเองก็เรียนออกแบบ เธอคิดว่าอ้าวเสว่ชอบการตกแต่งแบบไหน?”
“แม่ของนายเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังที่สุดไม่ใช่เหรอ? ฉันเป็นแค่กุ้งตัวเล็กๆเท่านั้นเอง ว้าว ที่นี่มีสองห้องนอนด้วย ว่าแต่พวกนายพร้อมอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ?”
ติงยียีลูบโซฟา แม้แต่ป้ายบนโซฟาก็ไม่ได้แกะออก พอมองดูราคาเกือบหนึ่งแสนหยวน ติงยียีรีบปล่อยมือแล้วตบรอยยับบนโซฟา
“อย่าพูดเหลวไหล อยู่ด้วยกันแล้วต้องตะโกนแบบนี้เหรอไง? เธอคิดว่าผู้หญิงจะชอบดีไซน์อะไรในห้องนี้?” เย่เนี่ยนโม่ต้องการให้อ้าวเสว่ประหลาดใจ เนื่องจากอ้าวเสว่มีรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัย ถ้าอย่างนั้นเขาจะสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้เธอทีละน้อยๆ รอขนบ้านตกแต่งเสร็จแล้ว เขาจะทำให้อ้าวเสว่ต้องประหลาดใจ
ซือซือพิงประตูลิฟท์แล้วฟังเย่เนี่ยนโม่พูดอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เนี่ยนโม่จะมีใจให้กับอ้าวเสว่จริงๆ นี่ยิ่งดีขึ้นไปอีก ขอเพียงทำให้ใจของอ้าวเสว่ต้องพึ่งพาเธอ เป็นไปได้ว่าตระกูลเย่ทั้งตระกูลจะต้องล้มลง ซือซือยิ้มและกดโทรศัพท์ : “อ้าวเสว่ทำอะไรอยู่น่ะ? แม่กำลังดูบ้านอยู่ ลูกใกล้จะขึ้นปีสองแล้ว แม่อยากจะซื้อห้องชุดให้ลูกซักหน่อย มาที่ชุมชนฟีนิกซ์ ชั้นที่ 23 อาคาร C นะ”
วางสายแล้ว ซือซือแอบมองดูติงยียีที่ให้ความเห็นต่อเย่เนี่ยนโม่แล้วกระโดดไปมาอย่างมีความสุข เธอยิ้มหยันในใจ พวกเธอก็สนิทกันให้มากขึ้นอีกหน่อยสิ
“อ้าวเสว่ ดึกขนาดนี้แล้วใครโทรหาหนูกันจ๊ะ?” เซี่ยชีหรั่นมองอ้าวเสว่ด้วยความกังวล อ้าวเสว่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงแม้ว่าจะฉลาดมาก แต่เธอก็กังวลใจว่าอ้าวเสว่จะเรียนรู้ในทางที่ผิด
เย่เชินหลินหูดี แต่เมื่อได้ยินเสียงในโทรศัพท์ของอ้าวเสว่กลับขมวดคิ้ว เสียงนี้ทำไมถึงเหมือนเสียงของซือซือขนาดนี้?
เย่เนี่ยนโม่ไม่อยู่อ้าวเสว่จึงไม่อยากจะเฝ้าอยู่ต่อไปอีก หลังจากพูดไม่กี่คำก็ออกมาเลย เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ที่ปากประตูแล้วถอนใจ : “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องสำคัญชั่วชีวิตเช่นเรื่องแต่งงานของเนี่ยนโม่ แต่ดูเหมือนว่าอ้าวเสว่จะไม่เหมาะกับลูกชายของเธอเลย ทั้งสองคนชอบที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ไว้ในใจ”
เย่เชินหลินกอดเซี่ยชีหรั่นไว้แน่นแล้วยังมีอารมณ์โหยหาบางอย่างอีกด้วย หลังจากผ่านลมและฝนมาหลายปี ยืนหยัดต่อต้านฝูงชนที่ไม่เห็นด้วยจนในที่สุดเขาก็ได้ร่วมเดินไปกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาคนนี้ เมื่อสัมผัสใบหูที่บอบบางของเซี่ยชีหรั่น เธอก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่เป็นสีแดงเล็กน้อย
ไม่ว่าเมื่อไหร่เซี่ยชีหรั่นก็ดูเหมือนจะหน้าแดงได้ง่าย? เย่เชินหลินเพิ่มแรงในการนวดแล้วอุ้มเธอที่ตนเองรักที่สุดมาตลอดชีวิตขึ้น พร้อมกับสาวเท้าเดินเข้าไปทางห้องนอน ใช้วิธีอื่นเพื่อยืนยันถึงความสุขที่ไม่ได้มาโดยง่าย
อ้าวเสว่ไม่รู้ว่าทำไมระยะนี้จู่ๆแม่ถึงได้ดีกับตนเองขนาดนั้น เธอรีบร้อนมาที่ชุมชนฟีนิกซ์แล้วขึ้นลิฟท์ ทันทีที่ออกจากลิฟท์ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“เฮ้! จะมีใครที่ไหนชอบสไตล์แบบนี้กันล่ะเธอใช้สมองหน่อยได้ไหม!” เสียงของเย่เนี่ยนโม่ดังมาจากห้องที่เปิดกว้างอยู่ข้างๆ อ้าวเสว่ตกตะลึง เย่เนี่ยนโม่ที่ปกติมักจะทำตัวเหินห่างจากคนอื่นๆ เธอไม่รู้ว่าเขาจะมีด้านที่หยอกล้อคนอื่นด้วย
อีกเสียงภายในห้องทำให้อ้าวเสว่หน้าซีดในชั่วพริบตา “ฉันไม่คิดว่าการออกแบบของฉันมีปัญหาเลยนะ ถ้าหากว่าเป็นฉัน ฉันก็จะเลือกบ้านแบบนี้”
อ้าวเสว่อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว มาดูบ้านด้วยกันแล้ว ถ้านี่ยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เธอก็โง่เกินไปแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ้าวเสว่รับสายราวกับคนตาย : “ที่รัก แม่รอเธอไม่ไหว อยู่ข้างล่างนะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset