“ไม่ต้อง” เย่เชินหลินวางสายโทรศัพท์ไป ต้องการให้เนี่ยนโม่สามารถกุมอำนาจได้ในเพียงเวลาสั้นๆ นโยบายที่มีความกดดันสูงเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างยิ่ง
ณ โรงแรมตี้เหา
ติงยียี ไห่โจ๋ซวน เย่ชูหวิน ยังมีซ่งเมิ่นเจ๋และอ้าวเสว่ ได้มาเฉลิมฉลองที่ยียีไม่ต้องถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย
ในห้องที่บรรยากาศกร่อยสุดๆ เย่ชูฉิงที่อยู่ข้างนอกอยากจะเคาะประตู แต่ก็วางมือลง แล้วก็หันไปมองหลี่ยี่ซวน “ยี่ซวน ฉันดูโอเคไหม ดูสดใสหรือเปล่า”
หลี่ยี่ซวนที่จิตใจนั้นขมขื่นดุจอึ่งโน้ย เมื่อรู้ว่ามาห้องจัดงานเลี้ยงแล้วจะได้เจอไห่โจ๋ซวน ชูฉิงก็ได้ให้ตัวเองเป็นเพื่อนไปทำผม ไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า พูดถึงแต่ความดีของไห่โจ๋ซวนครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสามารถปฏิเสธได้ แต่เขานั้นไม่ทำ ในโลกใบนี้เขานั้นไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของเย่ชูฉิงได้
โม่ซวนหลินถูกส่งมาเป็นบริกรมาบริการในห้องจัดงานเลี้ยง ในใจนั้นอิจฉาริษยาติงยียีมาตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นหนุ่มๆสาวๆที่ติงยียีรู้จักล้วนสวยหล่อ โม่ซวนหลินจึงรู้สึกทนไม่ได้
โม่ซวนหลินเปิดประตูขึ้น สายตาของเย่ชูฉิงกระทบไปที่ไห่โจ๋ซวนก่อนใคร จากนั้นถึงได้ทักทายกับติงยียี:“พี่ยียี”
ซ่งเมิ่นเจ๋สำลักขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ไห่โจ๋ซวนจึงรีบรุดช่วยซ่งเมิ่นเจ๋ให้หายใจคล่องขึ้น เย่ชูฉิงฝืนยิ้มแล้วพยายามเดินเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยง อ้าวเสว่ดึงมือของเย่ชูฉิงมาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน:“ฉันเห็นว่าเย่ชูฉิงอยู่แต่ที่บ้านคงเบื่อหน่ายน่าดู ฉันก็เลยชวนเธอมาด้วย โจ๋ซวนทำไมนายไม่พูดอะไรสักหน่อย”
ไห่โจ๋ซวนเดินมาที่ด้านหน้าของเย่ชูฉิงแล้วถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น:“ช่วงนี้เป็นไงบ้างสบายดีไหม ทานข้าวตามเวลาหรือเปล่า” เย่ชูฉิงรู้สึกลนลานจึงก้มหน้าลง จากนั้นก็ดึงมือของติงยียีแล้ววิ่งไปที่มุมห้อง
“พี่ยียี ฉันคิดดีแล้ว ฉันตัดสินใจว่าจะสารภาพรักกับพี่โจ๋ซวนสักครั้ง” เย่ชูฉิงเชิดหน้าหน้าขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ติงยียียิ้มไม่พูดไม่จา เพราะถึงอย่างไรอีกฝั่งหนึ่งนั้นคือเพื่อนสนิท และอีกฝั่งหนึ่งนั้นคือน้องสาวที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูง
อ้าวเสว่เดินมายิ้มให้แล้วกล่าวขึ้น:“สองสาวคุยอะไรกัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขกันเลยเชียวนะ สามารถแบ่งปันให้ฉันด้วยได้ไหม มีปัญหาฉันจะได้ช่วยได้ไง”
เย่ชูฉิงที่เดิมทีอยากจะพูดต่ออีก เมื่อเห็นอ้าวเสว่เดินมาจึงได้หยุดชะงักพูดขึ้น รอให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอ้าวเสว่จากไปแล้วถึงได้เริ่มพูดต่อ
อ้าวเสว่หันหลังไปอย่างหน้าเสีย ในใจนั้นเกลียดเย่ชูฉิงเข้าแล้ว ตัวเองนั้นอุตส่าห์เอาอกเอาใจเธอ ทำให้เธอสามารถมีโอกาสได้เจอกับไห่โจ๋ซวน แต่เธอกลับไม่รู้จักสำนึก เห็นทีคงต้องหาวิธีทำให้เย่ชูฉิงเกลียดติงยียีถึงจะได้ผล
หลายๆคนที่กำลังนั่งดื่นน้ำผลไม้แล้วคุยสนทนากัน ติงยียีนั้นไปห้องน้ำ เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเงาร่างหนึ่งเดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ๆ
“คุณสวี?” ติงยียีเข้าไปใกล้ด้วยความสงสัย “ท่านกำลังหาอะไรอยู่คะ” สวีเห้าเซิงหรี่ดวงตาอีกข้างหนึ่งของตัวเองแล้วมองสำรวจติงยียีจากนั้นกล่าวขึ้น:“ดวงตาของฉันเคยได้รับบาดเจ็บ สายตาการมองเห็นของข้างหนึ่งนั้นค่อนข้างไม่ดี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใส่คอนแทคเลนส์ แต่ว่าเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าทำคอนแทคเลนส์ตกไปที่ไหนแล้ว”
เมื่อติงยียีได้ยินดังนั้นก็ได้ก้มตัวลงไปที่พื้นช่วยค้นหา ทั้งคู่หาช่วยกันหาไปมาอยู่หลายรอบก็หาไม่เจอ สวีเห้าเซิงจึงลุกยืนขึ้น:“ไม่หาแล้ว สามารถรบกวนคุณช่วยส่งผมไปที่ห้องหน่อยได้ไหม ผมโทรศัพท์ให้ผู้ช่วยส่งเอีกคู่หนึ่งมาให้ผม”
ติงยียีย่อมต้องเต็มใจอย่างแน่นอน พยุงแขนของสวีเห้าเซิงไว้แล้วมุ่งเดินไปที่ห้องสวีทของโรงแรม โม่ซวนหลินที่กำลังจะไปส่งผลไม้พอดี เห็นติงยียีพยุงชายหนุ่มวัยกลางคนที่ร่ำรวยคนนั้นเข้าไปในห้อง ในใจจึงยิ้มเยาะแล้วกล่าวขึ้น:“อ่อยสำเร็จจนได้นะ”
ห้องจัดงานเลี้ยงอีกห้องหนึ่ง สาวๆหลายคนที่แต่งหน้างดงามกำลังประจบชายชาวต่างชาติอยู่ และก็มีสาวๆหลายคนที่พยายามมาประจบเย่เนี่ยนโม่ แต่ถูกเย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วใส่
“คุณหยูครับ ในส่วนของออเดอร์ชุดนี้ผมคิดว่าทางเราได้ให้ราคาที่พิเศษสุดๆแล้วครับ” เย่เนี่ยนโม่ที่ทนจนไม่รู้จะทนต่อไปอย่างไรอีก ตลอดทั้งคืนชายชาวต่างชาติคนนี้เอาแต่แต๊ะอั๋งสาวๆแล้วก็แต๊ะอั๋งสาวๆ!
“รีบร้อนอะไรกัน สาวงามอยู่ตรงหน้า ผมคิดว่าพวกเราหาความสุขก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” มือของชายหนุ่มวางลงบนบั้นท้ายอันอวบอั๋นของหญิงสาวต่างชาติคนหนึ่ง แล้วพูดด้วยภาษาจีนที่งูๆปลาๆอย่างช้าๆ
เย่เนี่ยนโม่จึงลุกพรวดขึ้นทันใด แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่ดำเขียว:“ขออภัยครับ ผมขอตัวไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ท่านสนุกกันไปก่อนนะครับ”
มองแผ่นหลังของเย่เนี่ยนโม่ที่หายลับไปจากประตูแล้ว หยูหลันถึงได้รีบปล่อยมือออกจากบั้นท้ายของสาวๆ แล้วยิ้มอย่างขมขื่นขึ้น เย่เชินหลิน หนี้น้ำใจนี้ของนายช่างใหญ่มาก นี่ถ้าหากว่าหยุนโชว์ได้กลิ่นน้ำหอมของสาวๆบนร่างกายตัวเอง ตัวเองคงไม่ได้เข้าห้องหนึ่งเดือนเพื่อเรียกสติแน่ๆ!
เย่เนี่ยนโม่เดินไปที่ห้องสูบบุหรี่ พบว่าตัวเองนั้นไม่ได้พกไฟแช็กมาด้วย จึงได้โทรไปที่หน้าล็อบบี้ให้พนักงานนำมาส่งให้ “สวัสดีค่ะ นี่ค่ะไฟแช็ก” โม่ซวนหลินเหลือบตามองเย่เนี่ยนโม่แวบหนึ่งจากนั้นตาก็เป็นประกาย นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับคนที่แอบชอบที่นี่
“ขอบคุณครับ” เย่เนี่ยนโม่ที่แทบจะจำโม่ซวนหลินไม่ได้ โม่ซวนหลินที่อยากจะใส่ร้ายติงยียี จึงเข้าไปใกล้แล้วกล่าวกับเย่เนี่ยนโม่ว่า:“ติงยียีเพื่อนร่วมงานของดิฉันเป็นเพื่อนคุณใช่ไหมคะ ดิฉันว่าคุณอย่าคบเพื่อนแบบนี้เลยดีกว่าค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วขึ้น ไม่พอใจที่พนักงานตรงหน้าคนนี้อย่างมาก โม่ซวนหลินยิ้มอย่างเริงร่า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัย:“เมื่อสักครู่ฉันเห็นติงยียีเข้าไปในห้องกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นรวยมาก ยียีคงน่าจะอดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน”
“คนอยู่ที่ไหน” เย่เนี่ยนโม่บดขยี้บุหรี่ที่เพิ่งจุดขึ้นเมื่อสักครู่ ติงยียีไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ ทางเดียวที่จะอธิยายได้ก็คือถูกบังคับหรือไม่ก็ถูกวางยา จริงๆเล้ย เจ้าบื้อคนนี้ทำไมถึงไม่เชื่อฟังเหมือนอ้าวเสว่บ้างนะ มักจะหาแต่เรื่องให้กับตัวเอง!
โม่ซวนหลินอยากจะนำทางใจแทบขาด เมื่อถึงหน้าประตูห้อง โม่ซวนหลินกล่าวถามขึ้น:“ให้ดิฉันไปเอากุญแจที่หน้าล็อบบี้ไหมคะ”
ทันใดนั้นในห้องจู่ๆมีเสียงดังลั่นขึ้น เป็นเสียงแจกันดอกไม้ตกแตก และเสียงร้องตกใจของติงยียี หัวใจเย่เนี่ยนโม่เต้นตกใจขึ้น ความรู้สึกแปลกๆแบบนั้นได้ผุดขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน อย่างลนลาน อย่างโมโห และอารมณ์ต่างๆอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้
กระทืบประตูทีเดียวจนเปิดออก เย่เนี่ยนโม่ได้พุ่งเข้าไป เห็นติงยียีนั่งยองๆอยู่ที่พื้น จึงได้คว้าดึงตัวติงยียีมาอยู่ที่ด้านหลังตัวเอง
“เย่เนี่ยนโม่?” ติงยียีมึนงง รู้สึกถึงแต่ความโกรธของเย่เนี่ยนโม่ แววตาที่โกรธจัดของเย่เนี่ยนโม่กลายเป็นความตะลึงดีใจเมื่อเห็นหน้าของสวีเห้าเซิง
“ลุงสวี!”
“อย่าเข้ามา เมื่อกี้แจกันดอกไม้ตกแตก ตอนที่หญิงสาวคนนี้ลงมือเก็บกวาดยังถูกบาดเข้าที่มือเลย!” สวีเห้าเซิงรีบห้ามเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ที่ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ วิ่งพรวดเข้าไปกอดลุงสวีไว้แน่น
“ลุงสวีครับ ผมคิดถึงลุงสวีจะตายอยู่แล้วครับ!” มีเพียงแต่การอยู่ต่อหน้าสวีเห้าเซิงเท่านั้นที่นิสัยเย่เนี่ยนโม่จะกลายเป็นเหมือนเด็กน้อย สวีเห้าเซิงมองเย่เนี่ยนโม่อย่างทอดถอนใจ:“เด็กดี โตจนตัวสูงเท่าลุงสวีแล้ว”
“ขออนุญาตถามนะคะว่าพวกท่านคือ” ติงยียีถอนหายใจรู้สึกว่าโลกนี้แคบจังเลย ทุกๆคนเหมือนรู้จักกันหมด มีชีวิตที่อยู่ในกรอบวงกลม
สวีเห้าเซิงกล่าวกับเย่เนี่ยนโม่อย่างใจเย็น:“เนี่ยนโม่ แนะนำลุงสวีหน่อยสิ” เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า แล้วชี้ไปทางสวีเห้าเซิงพร้อมกล่าวขึ้น:“ลุงสวี เป็นญาติที่สนิทๆที่สุดของผม”
“ติงยียีเพื่อนของผมครับ” เมื่อพูดถึงคำว่าเพื่อนสองคำนนี้ เย่เนี่ยนโม่ถึงกับชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อสักครู่ดูเกินกว่าคำว่าเพื่อนที่ควรต้องเป็นหรือเปล่า
โม่ซวนหลินที่ได้เห็นได้ยินอยู่ข้างๆเมื่อเห็นสวีเห้าเซิงแววตาก็เป็นประกาย แม่เคยพูดถึงชื่อนี้ หรือว่าผู้ชายที่ร่ำรวยคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของตัวเอง โม่ซวนหลินจึงตัดสินใจกลับไปถามแม่ที่บ้าน
กว่าจะได้เจอกับสวีเห้าเซิงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เย่เนี่ยนโม่ที่ไม่อยากจะไปสนใจชายชาวต่างชาติปลอมๆที่อยู่ในห้องจัดงานเลี้ยงจริงๆ จึงได้กำชับย้ำหนักย้ำหนากับลุงสวีว่าให้รอตัวเอง จากนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็ได้จากไป
หลังจากที่เย่เนี่ยนโม่จากไปแล้ว ผู้ช่วยได้เคาะประตูเข้ามา ติงยียีมองสองคนที่เตรียมตัวจะจากไปด้วยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะได้ถามขึ้น“คุณสวีคุณสวีจะไม่บอกกล่าวเนี่ยนโม่สักคำหน่อยเหรอคะ”
สวีเห้าเซิงส่ายหน้า และกล่าวอย่างลึกซึ้งกับติงยียี:“เด็กน้อย ชูหวินกับเนี่ยนโม่ล้วนเป็นเด็กดี ไม่ว่าหนูจะลงเอยกับใครผมก็ดีใจและพร้อมอวยพรให้ แต่ทว่าหนูนั้นทำให้สองคนนั้นเสียใจ อย่างนั้นผมก็คงจะโกรธมากเช่นกัน
คำพูดได้พูดเพียงเท่านี้ จากนั้นสวีเห้าเซิงก็ตามผู้ช่วยออกไป ความรักของตัวเองนั้นไม่สามารถเบ่งบานสะพรั่งได้ เขาจึงหวังให้ลูกหลานรุ่นต่อไปสามารถมีความสุขสมหวัง หวังว่าสามปีให้หลังที่ตัวเองกลับมาแล้วนั้นจะได้เห็นเด็กๆเหล่านี้มีคนที่รักและครอบครัวเป็นของตัวเอง
ในห้องจัดงานเลี้ยง เย่เนี่ยนโม่ได้รับข้อความจากลุงสวีแล้วเสียใจเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่บอกว่าจะอยู่รอตัวเอง แต่ทำไมลุงสวีถึงได้จากไปแล้ว
หยูหลันส่ายหน้า เย่เชินหลินเชิญตัวเองมาเพื่อฝึกเย่เนี่ยนโม่ แต่เย่เนี่ยนโม่กลับไม่ได้สังเกตเห็นข้อผิดพลาดที่เห็นได้ชัดในสัญญาเมื่อสักครู่ ถ้าหากว่าเป็นการเซ็นสัญญากับคนอื่นจริงๆ เงินมูลค่าหลายสิบล้านก็คงละลายไปกับสายน้ำไปแล้ว เห็นท่าแล้วเด็กน้อยคนนี้คงไม่มีพรสวรรค์ด้านการสืบทอดธุรกิจของเย่เชินหลิน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากจะสนทนาต่อแล้ว” หยูหลันกางมือออกจากกันด้วยสีหน้าที่หมดอารมณ์ไม่อยากจะสนทนาต่อ และมือทั้งสองข้างก็เริ่มไปเตาะไปไต่ตัวสาวๆที่อยู่ข้างๆ
เย่เนี่ยนโม่โมโหขึ้นเล็กน้อย เป็นเพราะลูกค้าคนนี้ที่ทำให้ตัวเองพลาดเวลาที่จะอยู่ด้วยกันกับลุงสวี และความรู้สึกที่แปลกๆที่มีต่อติงยียี เย่เนี่ยนโม่จึงเดินออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด สายโทรศัพท์ของอ้าวเสว่ก็ได้โทรเข้ามา
“ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง” อ้าวเสว่ถามขึ้นด้วยความอ่อนโยน เย่เนี่ยนโม่ตอบรับอืมคำเดียวกลับไป ความอ่อนโยนของอ้าวเสว่ทำให้จิตใจที่หงุดหงิดของเขาสงบลง
“คุณจะจากผมไปไหม” เย่เนี่ยนโม่จู่ๆถามขึ้น สักพัก เสียงอ้าวเสว่ก็ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์:“ไม่ ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มแล้วก็วางสายโทรศัพท์ลง เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ไม่ต้องกังวลอะไรอีก เดินไปพร้อมกับอ้าวเสว่ ติงยียี เติงยียีไม่สามารถจะเข้ามาในชีวิตของตัวเอง
อ้าวเสว่จ้องโทรศัพท์ตัวเอง “เนี่ยนโม่ ฉันไม่มีวันปล่อยคุณไปหรอก” อ้าวเสว่บ่นพึมพำ จากนั้นก็โทรศัพท์หาอีกหมายเลขหนึ่ง:“จางถังเหรอ เมื่อก่อนคุณเคยบอกว่าอยากรู้ข้อมูลของชูฉิง ตอนนี้ฉันตัดสินใจรับปากคุณเรื่องนี้” อ้าวเสว่วางสายลงแล้วก็เดินกลับไป ที่มุมห้องติงยียีกับเย่ชูฉิงกำลังนั่งคุยกัน
“เธอตัดสินใจที่จะสารภาพรักอีกครั้งจริงๆใช่ไหม” ติงยียีชื่นชมในความกล้าของเย่ชูฉิง ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธ แต่ว่าเพื่อความรักแล้ว ยอมทุกอย่างโดยที่ไม่คำนึงถึงตัวเอง
“อืม! ครั้งนี้ฉันอยากจะทำอย่างตั้งใจจริงๆสักครั้ง พี่ยียีกับยี่ซวนจะคอยอยู่ช่วยเหลือฉันใช่ไหม” หลี่ยี่ซวนกระแอมขึ้นแล้วหันหน้ามา ติงยียีไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เย่ชูฉิงเชื่อมั่นตัวเองขนาดนั้น ตัวเองไม่อยากจะทำร้ายเธอ แต่ว่าทางเมิ่นเจ๋เธอจะบอกอย่างไร
สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1416 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1316
Posted by ? Views, Released on September 29, 2021
, สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด
Recommended Series
Comment
Facebook Comment