สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1418 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1318

เย่เนี่ยนโม่ลูบเล่นอย่างสนุก จึงได้ใกล้เข้าไปอีกนิด นิ้วมือที่ลูบไล้ไปลูบไล้มาจนลูบไล้โดนริมฝีปากโดยบังเอิญ สิ่งเดียวที่ไม่บวมคือริมฝีปากที่ดูอิ่มเอิบ “ตึกๆตักๆ” เย่เนี่ยนโม่ตกใจเสียงหัวใจเต้นของตัวเองจนสีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ
ติงยียีกำลังนั่งอยู่ในบ้าน คุณแม่ได้ทำของอร่อยๆให้ แล้วค่อยๆป้อนใส่ปาก ติงยียีจึงอ้าปากขึ้นอย่างพึงพอใจ แล้วเอาของนุ่มๆอมเข้าไปในปาก
เย่เนี่ยนโม่มองดูติงยียีที่เอานิ้วมือของตัวเองเข้าไปในปากด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ แล้วยังดูดนิ้วมือของตัวเองอีก สัมผัสที่อ่อนโยนบนปลายนิ้วที่เกลือกกลิ้งไปมา
เย่เนี่ยนโม่อยากจะดึงมือกลับ แต่ก็ถูกติงยียีกัดและอมไว้ไม่ปล่อย เย่เนี่ยนโม่จึงมองดูริมฝีปากของติงยียี แล้วค่อยๆโน้มตัวเข้าไปใกล้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนรอยจูบเกือบจะประทับลงที่ริมฝีปากของเธอ
“ผู้ป่วยเคยแพ้อย่างอื่นหรือไม่ครับ” แพทย์พลางผลักประตูพลางถามขึ้น เย่เนี่ยนโม่จึงได้ดึงตัวออกห่างจากติงยียี แล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างกระเซอะกระเซิง
เมื่อวิ่งออกไปจากโรงพยาบาล อาการที่ร้อนผ่านทำให้เย่เนี่ยนโม่รู้สึกตัวขึ้น เมื่อสักครู่ตัวเองนั้นอยากจะจูบติงยียีเหรอ ทำเพื่ออะไรกันแน่ ในหัวสมองสับสนวุ่นวายไปหมด เย่เนี่ยนโม่อดไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้น ในโทรศัพท์มีข้อความหนึ่งจากอ้าวเสว่ “เนี่ยนโม่ คุณอยู่ที่ไหน ฉันอยู่ที่บ้านของคุณ แต่ว่าไม่เห็นคุณ”
เย่เนี่ยนโม่จ้องข้อความของอ้าวเสว่อยู่อย่างนั้น และบังคับให้ตัวเองสงบสติลง เรื่องวันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก จากนั้นก็รีบโทรศัพท์บอกเย่ชูหวิน แล้วเย่เนี่ยนโม่ก็ออกจากโรงพยาบาลเหมือนกับหนีก็ไม่ปาน
วันรุ่งขึ้น เย่เนี่ยนโม่ถูกโทรศัพท์ของติงยียีปลุกให้ตื่น เสียงตะโกนของติงยียีดังขึ้นจากโทรศัพท์:“เย่เนี่ยนโม่ทำไมคุณถึงไม่มีน้ำใจสักนิด ทำไมปล่อยให้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว โชคดีนะที่มีเย่ชูหวิน”
เมื่อเย่เนี่ยนโม่ได้ยินติงยียีเอ่ยถึงเย่ชูหวิน จากที่อารมณ์ดีๆอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้น ลากรองเท้าแตะเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ พลางเดินพลางบ่นอย่างเหลืออด:“ก็รู้ว่าเธอชอบเย่ชูหวิน ผมถึงได้เรียกเขามาอยู่เป็นเพื่อนไง”
เย่เนี่ยนโม่เปิดน้ำทิ้งไว้แล้วทำการล้างหน้า ติงยียีที่อยู่ในโทรศัพท์ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“คุณกำลังทำอะไร ทำไมถึงมีเสียงน้ำไหล”
“ตอนนี้ผมอยู่ในห้องน้ำของบ้านผม คุณคิดเอาเองละกันว่าผมกำลังทำอะไร” เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้โรคจิต!” ติงยียีฮึดฮัดวางสายโทรศัพท์ไป เย่เนี่ยนโม่มองดูตัวเองในกระจกอย่างใจลอย เรื่องทั้งหมดของเมื่อวานก็ให้มันผ่านไปเถอะ
ติงยียีที่เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย ก็มีคนเรียกชื่อตัวเองขึ้น “คุณติงครับ ผมเป็นพ่อบ้านของบ้านตระกูลเย่ คุณหนูของพวกเราต้องการพบคุณครับ”
เย่ชูฉิงที่สวมชุดอย่างสวยงามดุจเจ้าหญิง นั่งอยู่ในรถแล้วกล่าวกับติงยียีอย่างเกรงใจ:“พี่ยียีคะ จะสามารถไปช่วยเลือกซื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ในคืนนี้เป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม ยี่ซวนพูดยังไงก็ไม่ยอมไปเดินห้างเป็นเพื่อน บอกไม่อยากเป็นสารถี!”
ติงยียีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพราะว่าวันนี้ยังมีคาบเรียนอีก สองมือที่พนมไหว้ของเย่ชูฉิงและน้ำตาที่คลอเบ้ามองมาทางตัวเอง ติงยียีจึงถอนหายใจ เกิดเป็นคนบ้านตระกูลเย่นี่ช่างดีจริงๆ แทบจะไม่สามารถปฏิเสธคำร้องขอของพวกเขาได้จริงๆ
เมื่อรถได้เคลื่อนออกไป ติงยียีถึงได้สังเกตเห็นว่าทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถนั้นมีรถสีดำตามประกบอยู่ไม่ห่าง เหมือนกับภาพฉากในหนังฮ่องกง
“เมื่อก่อนพี่ชายเคยถูกลักพาตัวสองครั้ง ดังนั้นพ่อกับแม่จึงจัดบอดี้การ์ดให้เสมอเวลาที่มีการเดินทาง แต่ว่าตอนนี้พี่ชายเก่งกาจมากๆ ศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นแข็งแกร่งสุดๆ เพราะฉะนั้นจึงมีเพียงฉันที่เดินทางไปไหนมาไหนราวกับนักโทษ” เย่ชูฉิงมองท่าทางที่ประหลาดใจของติงยียีจึงได้กล่าวอธิบายขึ้น
รถได้มุ่งหน้าตรงไปที่ห้างสรรพสินค้า ติงยียีที่เพิ่งจะลงจากรถก็เห็นบอดี้การ์ดลงจากรถด้านหน้าและด้านหลังคันละสี่คน บอดี้การ์ดทั้งแปดคนสวมชุดธรรมจากนั้นหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
“พี่ยียีพวกเราไปกันเถอะ” เย่ชูฉิงคล้องแขนของติงยียีอย่างมีความสุขแล้วมุ่งเดินเข้าไปในตึกใหญ่
“คุณหนูเย่มาแล้ว ทางร้านตั้งใจเก็บสินค้าตัวใหม่ไว้ให้คุณหนูเย่โดยเฉพาะเลยนะคะ!” เมื่อพนักงานร้านเสื้อผ้าเห็นเย่ชูฉิงแล้ว จึงได้เข้าไปที่หลังร้านทันที จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ประณีตออกมาให้การต้อนรับเย่ชูฉิงด้วยตัวเอง
“ตัวนี้ ตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้!” เย่ชูฉิงเลือกมาทีละชุดๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วก็นำมาวางไว้ที่มือของพนักงาน
ติงยียีมองดูเสื้อผ้าที่ใกล้จะกองเป็นภูเขาอย่างทอดถอนใจ เมื่อมองผ่านๆ ราคาในนั้นตัวเองสามารถใช้ในการครองชีพได้หนึ่งภาคเรียนเลยทีเดียว!
“ทั้งหมดนี้ฉันไม่เอา ส่วนที่เหลือแถวนี้กับแถวนั้นใส่ถุงให้ฉันทั้งหมดแล้วส่งไปที่บ้านของฉัน” แม้ว่าเย่ชูฉิงจะไม่เย่อหยิ่งเหมือนคุณหนูบ้านอื่น แต่ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตระกูลเย่ ทำให้เธอสามารถมีเงินทองที่จะถลุงได้ไม่ขาดมือ
“เอาทั้งหมดนี่เลยเหรอ” ติงยียีมองเสื้อผ้าตัวใหม่ๆที่อย่างน้อยหลายสิบตัวอย่างตะลึงงันแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย เย่ชูฉิงพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างปกติ:“คุณพ่อซื้อเป็นตู้ๆให้คุณแม่เลยนะ ส่วนฉันได้ยับยั้งชั่งใจสุดๆแล้ว”
“ใช่แล้ว พี่ยียี พี่ก็ลองเปลี่ยนแปลงดูบ้างสิ!” เย่ชูฉิงดึงมือของติงยียีแล้วมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งที่จัดอยู่ในร้าน เธอรู้สึกอยากขอบคุณติงยียีมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยมีโอกาส และวันนี้ก็ออกมาซื้อเสื้อผ้าพอดี
“ไม่ต้องแล้วมั้ง พี่คิดว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ” ติงยียีมองหน้าสดของตัวเองที่อยู่ในกระจก แถมยังสวมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา
เย่ชูฉิงนั้นเกิดความสนใจขึ้นแล้ว จึงให้พนักงานทางร้านเรียกตัวสไตลิสต์กับนักออกแบบเสื้อผ้ามา เมื่อเห็นติงยียีรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้น:“พี่ยียีสวยขนาดนี้ ถ้าได้แต่งองค์ทรงเครื่องหน่อย จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากอย่างแน่นอน!”
ไม่นานสไตลิสต์ก็มาถึง เมื่อเห็นติงยียีแล้วก็ถึงกับตกตะลึง ในฐานะที่เป็นสไตลิสต์อันดับต้นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้หญิงที่ธรรมชาติมากเช่นนี้
“เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด” สไตลิสต์ถอนหายใจขึ้น ยิ้มแล้วหยิบแหนบมาตกแต่งคิ้วของติงยียี
“โอ๊ย!” ติงยียีร้องขึ้น ลูกค้าที่อยู่รอบๆต่างเงยหน้ามามองติงยียี เย่ชูฉิงจึงรีบพูดปลอบประโลมขึ้น “พี่ยียี อดทนหน่อยนะ แป๊บเดียวเอง!”
สไตลิสต์ขยับมือขึ้นลง หลังจากห้านาทีผ่านไปติงยียีก็ส่องตัวเองในกระจกแล้วเห็นคิ้วที่ได้ถูกตัดแต่งจนเป็นรูปเป็นร่างอย่างสวยงาม นี่ยังเป็นตัวเองอยู่ใช่ไหม
สไตลิสต์ยิ้มแล้วยกแขนของติงยียีขึ้น จ้องขนรักแร้สีดำเข้มของติงยียี แล้วยิ้มขึ้นอย่างอันตราย:“วางใจได้เลย การเปลี่ยนแปลงเพิ่งจะเริ่มต้น”
สองชั่วโมงต่อมา ติงยียีที่เปลี่ยนแปลงรูปโฉมใหม่ทั้งตัวยืนอยู่หน้ารถ พ่อบ้านลงจากรถแล้วมองรอบๆ จากนั้นถามขึ้น:“คุณหนูครับ ขออนุญาตถามว่าคุณหนูติงกลับไปแล้วเหรอครับ”
ติงยียีกล่าวอย่างเขินอาย:“หนูอยู่ตรงนี้ค่ะ” พ่อบ้านมองติงยียีด้วยความประหลาดใจ คิ้วถูกกันใหม่เสร็จสรรพ ใบหน้าที่แต่งเบาๆ กับทรงผมที่ทำมาใหม่ ไม่เหมือนทรงหางม้าที่มัดขึ้นอย่างลวกๆอย่างเคย
ลำตัวที่สวมใส่ด้วยชุดเกาะอกกระโปรงสีเบจ หลังกระโปรงยังมีลายฉลุที่มองอย่างไรก็มีกลิ่นอายคุณหนูลูกคนรวย
“คุณหนูติงครับ เหมาะสมกับคุณหนูมากเลยครับ” พ่อบ้านยิ้มแล้วกล่าว ทำให้ติงยียีที่ไม่รู้ว่าจะมองไปตรงไหนดี จึงได้แต่ห่อไหล่ กลัวว่าชุดกระโปรงเกาะอกนั้นจะหลุดออก
“คุณหนูครับ คืนนี้ตกลงกันแล้วว่าจะทานอาหารเย็นด้วยกัน คุณชายโจ๋ซวนก็มาด้วย อย่าสายจะเป็นการดีที่สุดครับ” เย่ชูฉิงพยักหน้า มองทางติงยียี แล้วเสนอขึ้น:“พียียี หรือพี่ไปด้วยกันไหม เพราะอย่างไรพี่โจ๋ซวนพี่ชูหวินพี่ก็รู้จัก”
ติงยียีโบกมือปฏิเสธ พูดตลกอะไรกัน ให้เธอสวมใส่ชุดแบบนี้ไปปรากฏตัวหน้าคนอื่นตอนนี้เหรอ เธอต้องอายจนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ
“ไม่เป็นไหรหรอก ไปเหอะนะ น๊าๆๆ” เย่ชูฉิงมองติงยียีด้วยแววตาเป็นประกาย พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆก็คอยพูดเสริมทัพ จนติงยียีจนปัญญา แล้วก็โทรศัพท์หาคุณพ่อบอกว่าไม่กลับไปทานข้าวด้วย จากนั้นถึงได้ตามเย่ชูฉิงขึ้นรถไป
เมื่อลงจากรถ ติงยียีก็สบตาเข้ากับเย่ชูหวินที่กำลังจะเดินเข้าประตูมา ไห่ฉิงฉิงมองสำรวจติงยียีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“นี่เป็นลูกสาวบ้านไหนกัน ทำไมเหมือนฉันไม่เคยเห็น”
“ติงยียี” เย่ชูหวินแนะนำตัวสั้นๆ แล้วก็เบนสายตาไปที่ติงยียีอีกครั้ง วันนี้ติงยียีช่างน่าทึ่งๆจริงๆ
สายตาติงยียีกวาดไปทั่ว แต่อย่างไรก็ไม่ยอมมองไปทางเย่ชูหวิน ตั้งแต่ที่เย่ชูหวินสารภาพรักกับตัวเอง ติงยียีถึงรู้สึกว่าบางเวลาที่เย่ชูหวินมองตัวเองนั้นดวงตาดูเหมือนร้อนแรงมาก
“สวยมาก” เย่ชูหวินชมจากใจ ติงยียีกล่าวเสียงเบาๆ:“ขอบคุณค่ะ” ข้อมือถูกเย่ชูหวินจูงจับไว้ ติงยียีจึงหันไปมองเย่ชูหวินด้วยความมึนงง เย่ชูหวินยิ้มให้แล้ววางมือของติงยียีไว้ที่แขนของตัวเอง จากนั้นก็พาติงยียีเข้าประตูไป
เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินเห็นติงยียีก็ไม่แสดงอาการใดๆ เมื่อสายตาของเซี่ยชีหรั่นเบนไปที่แขนของเย่ชูหวินกับติงยียี ไห่ฉิงฉิงโน้มเข้าไปใกล้แล้วถามเบาๆขึ้น:“ไม่ผิดใช่ไหม ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเย่ชูหวินชอบผู้หญิงคนนี้มาก”
เซี่ยชีหรั่นยกมุมปากยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า:“เรื่องของวัยรุ่นก็ปล่อยให้วัยรุ่นจัดการกันเองเถอะ” ไห่ฉิงฉิงพยักหน้า หลินหลิงได้เดินเข้ามา เซี่ยชีหรั่นยิ้มต้อนรับขึ้น :“ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะสามารถเชิญคนที่งานยุ่งมากๆมาได้!”
หลินหลิงตัดผมยิ่งสั้นก็ยิ่งดูเก่งกาจ ยังคงเข้ามาทำการทักทายเย่เชินหลินที่ข้างๆก่อน :“ประธานเย่” เย่เชินหลินพยักหน้าแล้วถามขึ้น :“ทุกอย่างในบริษัทดำเนินการราบรื่นดีไหม”
หลินหลิงยิ้มแล้วพยักหน้า นับตั้งแต่ที่ลี่หมินเสียไป เธอก็รับช่วงบริษัทต่อจากลี่หมิน ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมให้ลี่หมินต้องเหนื่อยเปล่า
“พี่โจ๋ซวน!” เมื่อเย่ชูฉิงเห็นไห่โจ๋ซวนจึงได้รีบเข้าไปให้การต้อนรับอย่างดีใจ หลี่ยี่ซวนกำหมัดแน่นอยู่ข้างๆ หลี่เหอไท้มองดูลูกชายของตัวเอง จากนั้นก็หันมองเย่ชูฉิงที่ไปล้อมไห่โจ๋ซวนอยู่รอบๆ แล้วก็ถอนหายใจ
“ทานข้าวกันก่อนเถอะครับ เมื่อสักครู่คุณชายเพิ่งโทรมาบอกว่ารถติดอยู่ระหว่างทางกับคุณอ้าวเสว่ อาจจะมาถึงสายหน่อยครับ” พ่อบ้านให้คนรับใช้เสิร์ฟอาหารภายใต้การให้สัญญาณของเย่เชินหลิน
เย่เนี่ยนโม่พาอ้าวเสว่มาถึงหลังจากผ่านไปสิบนาที เมื่อเข้ามาที่ห้องอาหาร เย่เชินหลินเห็นเย่ชูหวินนั่งอยู่ข้างๆเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคย เห็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดเปิดไหล่ที่เผยให้เห็นถึงแผ่นหลังที่ขาวเนียน เย่เนี่ยนโม่ก็ส่ายหน้าขึ้น ติงยียีทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้ได้
“เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่กลับมาแล้วเหรอ นั่งสิ” เซี่ยชีหรั่นบอกให้เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ให้นั่งลง เย่เนี่ยนโม่นั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้น บังเอิญที่นั่งตรงข้ามกับติงยียีพอดี
เย่เนี่ยนโม่ตะลึงตาค้าง ผ้าเช็ดปากที่อยู่เมื่อสักครู่ได้ล่วงลงไปสู่พื้น อ้าวเสว่มองติงยียีด้วยสีหน้าก็ตะลึงเช่นกัน ใบหน้าที่แต่งแต้มของติงยียีดูเลอโฉมงดงามมีออร่าจริงๆ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset